20 ต.ค.63 - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส แถลงข่าวร่วมกับกองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) เผยว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง มีคำสั่งตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้ดีอีเอส ดำเนินการตรวจสอบและระงับการเผยแพร่ของสื่อที่เข้าข่ายฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้น ทางดีอีเอสได้ตรวจสอบ ประมวลโดยฝ่ายกฎหมาย เสนอศาลปิดแพลทฟอร์มออนไลน์ทุกช่องทางของสื่อ 4 องค์กร คือ วอยซ์ทีวี ประชาไท The Reporters และ The Standard ซึ่งล่าสุดมีคำสั่งจากศาล สั่งปิดทุกแพลทฟอร์มออนไลน์ของ วอยซ์ทีวี แล้ว ส่วนอีก 3 สื่อยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา
นายภุชพงค์ กล่าวว่า กรณีของวอยซ์ทีวีนั้นเนื่องจากเข้าข่ายหลายองค์ประกอบความผิด ทั้งขัดพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในที่นี้รวมถึงพ.ร.บ.คอมฯ ด้วย อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นการขออำนาจศาลสั่งปิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จึงไม่สามารถอุทธรณ์ได้ แต่หากจะไปเปิดยูอาร์แอลใหม่ ก็เป็นสิทธิ แต่ต้องไม่ผิดกฎหมาย
นายภุชพงค์ กล่าวอีกว่า บทบาทของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เกี่ยวกับการดำเนินการของการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ว่ามีการเฝ้าระวังการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ในทุกด้านทุกแพลตฟอร์ม เมื่อพบการกระทำความผิดจะรวบรวมพยานหลักฐานและเสนอเรื่องขอความเห็นชอบต่อศาลให้มีคำสั่งปิดกั้น หลังจากนั้นประสานการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
นอกจากนี้หลังจากมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2563 กระทรวงดีอีเอสได้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์การชุมนุมในการประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงพิจารณาการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ และประสานงานการตรวจพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับความผิดต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และดำเนินการร้องขอคำสั่งศาลในการระงับหรือลบข้อมูลที่ผิดกฎหมาย
นายภุชพงค์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีแอพลิเคชั่นเทเลแกรม (Telegram) ศูนย์เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์การชุมนุมกระทรวงดีอีเอสตรวจพบการใช้แอพลิเคชันดังกล่าวในการนัดหมายเชิญชวนชุมนุม ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 ประกอบมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จึงแจ้งเรื่องต่อไปยังผบ.ตร. ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงทราบและพิจารณาข้อมูลดังกล่าว
หลังจากนั้นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงได้มีสั่งที่ 11/2563 เรื่องระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะโดยให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการเพื่อให้ระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ (เทเลแกรม) ขอเรียนว่ากระทรวงดีอีเอสได้ดำเนินการตามหน้าที่อย่างเคร่งครัดตามขั้นตอนตามกฎหมายและมีการขอความเห็นชอบต่อศาลมาโดยตลอด ไม่มีการทำเกินอำนาจหน้าที่หรือเลือกปฏิบัติโดยเคารพสิทธิการเข้าถึงสื่อทุกประเภทของประชาชนโดยเสรีภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ หน้าที่ของกระทรวงดิจิทัลฯ ในภาวะปกติมีสองศูนย์ ศูนย์แรกคือศูนย์เฝ้าระวังความผิดทางเว็บไซต์ ศูนย์ที่สองคือ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม หรือเฟกนิวส์ ซึ่งหลังจากที่เหตุการชุมนุมก็ได้การรวมการทำงานของทั้งสองศูนย์เพื่อเฝ้าระวังการกระทำความผิดทางอินเตอร์เน็ตทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ จากต่างประเทศ เช่น ยูทูป ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และเทเลแกรม เป็นต้น
โดยจะรวบรวมหลักฐานและขอคำสั่งศาล เมื่อศาลมีคำสั่งก็จะแจ้งไปยังผู้บริการอินเตอร์เน็ต หรือแพลตฟอร์มจากต่างประเทศเหล่านั้นเพื่อทำการปิดเฉพาะแอคเคาท์ที่กระทำผิด ไม่ได้ปิดทั้งหมด แต่ตั้งแต่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินเราก็ได้ร่วมทำงานกับศูนย์ กอร.ฉ. โดยจะมีการรายงานการกระทำผิด ซึ่งในสองวันที่ผ่านมาสามารถตรวจสอบพบผู้กระทำความผิดแล้วกว่า 300,000 ราย ที่เข้าข่าย และที่พบต้นโพสต์มีความชัดแจน 58 ราย เมื่อวานนี้ (19 ต.ค.) 46 ราย วันนี้ 12 ราย โดยสิ่งที่ทางกระทรวงฯ ทำยึดตามหลักกฎหมายและสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้สื่ออินเตอร์เน็ตทุกคน เราจะพยายามดูเพื่อไม่ให้กระทบในภาพกว้าง สำหรับผู้กระทำความผิดจะมีโทษ ตามพรบ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 และความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และความผิดตาม ป.วิอาญา
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |