20 ต.ค. 2563 นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า เนื่องจากมีผู้ให้ความสนใจโครงการบูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยกับสถานที่ทำงานและศูนย์บริการของข้าราชการพลเรือนสามัญเป็นจำนวนมาก กรมจึงเตรียมเดินหน้าโครงการสวัสดิการที่พักอาศัยของข้าราชการในที่ราชพัสดุ เพิ่มอีกใน 9 พื้นที่ ได้แก่ 1. กรุงเทพมหานคร 2. นครนายก 3. สงขลา 4. สุราษฎร์ธานี 5. ประจวบคีรีขันธ์ 6. เชียงราย 7. อุบลราชธานี 8. อุดรธานี และ 9. มหาสารคาม
นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ ยังเตรียมเปิดให้ข้าราชการที่สนใจจองสิทธิ์ในโครงการดังกล่าว ในพื้นที่แปลง กท. 0475 (บางส่วน) แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ เพิ่มเติมอีก 700-800 ยูนิต หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดให้ข้าราชการที่สนใจจองสิทธิ์ที่พักอาศัยเพื่อเป็นสวัสดิการแก่ข้าราชการพลเรือนให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ในลักษณะอาคารพักอาศัยรวม (คอนโด) 7 ชั้น ซึ่งพบว่ามีผู้สนใจจองกวา 300 ราย ซึ่งเกินกว่าจำนวนห้องพักที่มีรองรับเพียง 76 ห้อง ทำให้ต้องมีการขยายโครงการเพิ่มเติม เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังสามารถรองรับโครงการในเฟส 2 ได้
ขณะที่การเปิดให้จองสิทธิ์ในโครงการดังกล่าวในพื้นที่แปลง กท.1060 ถนนเพชรบุรี เขตบางกะปิ กรุงเทพ มียอดจองสิทธิ์ 270 ราย จากจำนวนห้อง 76 ห้อง, พื้นที่แปลง กท.2918 (บางส่วน) ถนนพระราม 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพ มีผู้ของสิทธิ์กว่า 300 ราย จากจำนวนห้อง 76 ห้อง และพื้นที่แปลง นบ. 380 (บางส่วน) ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี มีผู้จองสิทธิ์ 200 กว่าราย จากจำนวนห้องเพียง 76 ห้อง
สำหรับกรณีแปลงที่ยังมีผู้จองไม่เต็มจำนวน กรมธนารักษ์ได้มีการปรับเพิ่มคุณสาบัติของผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯ จากข้าราชการพลเรือนสามัญ เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญหรือข้าราชการประเภทอื่น และขยายระยะเวลาการรับจองจนถึงวันที่ 22 ต.ค. 2563 โดยโครงการทั้งหมดจะเริ่มก่อสร้างภายในเดือน พ.ย. นี้ และคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างไม่เกิน 12 เดือน
“ปีงบประมาณ 2564 กรมธนารักษ์มีแผนดำเนินโครงการพัฒนาที่พักอาศัยเพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่ข้าราชการพลเรือนสามัญ ในพื้นที่ราชพัสดุต่าง ๆ ทั่วประเทศอีกประมาณ 2 พันห้อง ทั้งในพื้นที่ใหม่ ๆ และพื้นที่ที่ได้เคยดำเนินการไปแล้ว แต่ยังสามารถรองรับการดำเนินการในระยะที่ 2 ได้” นายยุทธนา กล่าว
สำหรับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ ต้องเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญและข้าราชการประเภทอื่น โดยไม่ต้องมีสถานทีทำงานหรือมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดที่เป็นพื้นที่ของโครงการ แต่หากผู้เข้าร่วมโครงการมีสถานที่ทำงานหรือมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่โครงการ จะได้รับการพิจารณาก่อนเป็นลำดับแรกและจะได้รับสิทธิ์การเข้า 30 ปี
อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กรมฯ อยู่ระหว่างกระบวนการสำรวจข้อมูลบ้านทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่อยู่ในพื้นที่ส่วนราชการ โดยหากไม่มีการใช้ประโยชน์ จะมีการขอคืน เพื่อนำมาพัฒนาโดยการเปิดให้เอกชนพัฒนาเชิงอนุรักษ์ เช่น กรณีบ้านเขียว หรือบ้านเขียวขุนพิทักษ์ ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งหากได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก็จะเปิดให้เอกชนเข้ามาพัฒนาในเชิงอนุรักษ่อไป
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |