"วิษณุ" แจงไม่จำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงพื้นที่ ตจว. ยันมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินคุมทั่วประเทศอยู่แล้ว ปลดแอกจุดม็อบ 7 จังหวัด นร.-นศ.แห่ชุมนุมคึกคักชู 3 นิ้วไล่ "บิ๊กตู่" กลุ่มคนคอนจะไม่ทนบุกทัพภาค 4 เรียกร้อง ผบ.ทบ.อย่าใช้ความรุนแรง-ห้ามทำรัฐประหาร ตร.ขอนแก่นรวบ "หมอลำแบงก์"
    เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีการชุมนุมว่า ยังไม่มีความคิด อย่าลืมว่าพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ที่ใช้แก้ปัญหาโควิด-19 คุมทั้งประเทศอยู่แล้ว ซึ่งพ.ร.ก.ฉุกเฉินฉบับดังกล่าวไม่ได้ห้ามชุมนุม และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่อื่น ส่วนที่จะมีการประกาศอะไรเพิ่มเติมหรือไม่นั้นไม่ทราบ
    ในช่วงเย็น เพจเฟซบุ๊ก "เยาวชนปลดแอก" โพสต์ข้อความประกาศนัดชุมนุม 19 ต.ค.ในพื้นที่ต่างจังหวัด 7 จุด ดังนี้ ภาคกลางที่มหาวิทยาลัยศิลปากร สนามจันทร์ จ.นครปฐม เวลา 17.00 น. ภาคอีสานที่สวนสาธารณะห้วยม่วง จ.อุบลราชธานี เวลา 15.00 น. มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ เวลา 15.30 น. สวนสุขภาพเทศบาลเมือง จ.มหาสารคาม เวลา 15.30 น. หน้าคอมเพล็กซ์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น เวลา 16.00 น. ภาคเหนือที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จ.เชียงใหม่ เวลา 16.30-21.00 น. และภาคใต้ที่หน้าหอนาฬิกาหาดใหญ่ จ.สงขลา เวลา 16.00 น.
    ที่ลานหน้าหอนาฬิกาหาดใหญ่ ใจกลางเมืองอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา กลุ่มเด็กเปรตซึ่งเป็นคำพ้องเสียงตัวย่อภาษาอังกฤษ "PRED" หรือชื่อเต็ม Prople’s Revolution for Equality and Democracy  กว่า 3 พันคนจากโรงเรียนต่างๆ ในสงขลา ได้มารวมตัวกันเพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองและข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษา 3 ข้อ คือ ให้นักเรียนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกหรือเรียกร้องใดๆ ภายในโรงเรียนโดยเสรี ให้บุคลากรภายในโรงเรียนปกป้องและหยุดคุกคามนักเรียน และให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียนทุกคน ทั้งนี้แกนนำระบุด้วยว่าจะไม่หยุดการเคลื่อนไหว จนกว่าระบอบการศึกษาไทยและระบอบประชาธิปไตยจะมั่นคง แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการพูดจาบจ้วงสถาบันอย่างเด็ดขาด และเมื่อเวลา 18.00 น.ได้ร้องเพลงชาติ พร้อมเปิดแฟลชมือถือและชู 3 นิ้ว
    ขณะเดียวกันได้มีตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการตลาดพลาซ่าสวมใส่เสื้อสีเหลือง พร้อมป้ายข้อความปกป้องสถาบันมายืนสังเกตการณ์อยู่บริเวณด้านหน้าเพื่อไม่ให้มีการก้าวล่วงสถาบัน โดยมีกำลังตำรวจ  สภ.หาดใหญ่มาคอยควบคุมเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด นำแผงเหล็กมากั้นเพื่อแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน  ซึ่งเหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีการเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน
    ที่บริเวณหน้าสนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช มีกลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษาจากโรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆ ในอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ประมาณ 100 คน นัดหมายมารวมตัวกันในนามกลุ่ม "คนคอนจะไม่ทน" นำโดยนายพนธกร พานทอง และนายชัยวัฒน์ เกื้อพิทักษ์ ผู้ประสานงานกลุ่มคนคอนจะไม่ทน จากนั้นเดินเท้าไปยังค่ายทหารวชิราวุธ กองทัพภาคที่ 4 ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ผ่านแม่ทัพภาคที่ 4 โดยมี พ.อ.เอกธวุฒิ คงคาเขตร รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 เป็นตัวแทนแม่ทัพภาคที่ 4 รับหนังสือ ซึ่งมีเนื้อหาเรียกร้องให้กองทัพบกงดใช้ความรุนแรง ในกรณีได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมปราบปรามและสลายการชุมนุม  และขอมิให้มีการก่อรัฐประหารยึดอำนาจไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ซึ่ง พ.อ.เอกธวุฒิรับปากว่าจะนำเสนอแม่ทัพภาคที่ 4 และ ผบ.ทบ.ต่อไป ทำให้กลุ่มเยาวชนทั้งหมดต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจและสลายตัวไป
    ที่ สภ.เมืองขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ร่วมกับชุดสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (บช.ภ.4) ควบคุมตัวนายปฏิภาณ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงก์ มาสอบสวนตามหมายจับของ สน.ชนะสงคราม จากการขึ้นเวทีปราศรัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 19  ก.ย.ที่ผ่านมา โดยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับตัวที่บ้านพักใน อ.เมืองขอนแก่น ทั้งนี้จะนำตัวไปกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สน.ชนะสงคราม
    นายวชิรวิทย์ เทศศรีเมือง หรือเซฟ แกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันที กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประสานงานกับทีมทนายความเพื่อเตรียมประกันตัวนายปฏิภาณตามขั้นตอน แม้แกนนำจะทยอยถูกจับกุม แต่เชื่อว่าผู้ร่วมชุมนุมทุกคนยังคงเดินหน้าต่อไป ซึ่งข้อเรียกร้องตามจุดยืนที่ตั้งมั่นไว้คือ นายกรัฐมนตรีลาออก  ยุบสภา และแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่วันนี้เพิ่มเติมให้ปล่อยตัวแกนนำที่ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่
    ที่หน้าศูนย์อาหารและบริการ 1 (คอมเพล็กซ์) ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อเวลา 17.00 น.  นักเรียนนักศึกษาในชื่อกลุ่มดาวดิน กลุ่มขอนแก่นพอกันที กลุ่มภาคีนักเรียน KKC พร้อมภาคีเครือข่าย และภาคประชาชน ทยอยเดินทางมารวมตัวกันเพื่อจัดกิจกรรมแฟลชม็อบเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำทุกคนที่ถูกจับกุมขณะร่วมชุมนุมที่ กทม. พร้อมเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก ยุบสภา และแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง และประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่สลายการชุมนุมผู้ชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ ลิดรอนสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน นอกจากนี้ยังร่วมกันชู 3 นิ้ว  1 นาที ไว้อาลัยต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่เข้าจับกุมหมอลำแบงก์ ทั้งนี้มีรายงานว่าจะมีการปิดถนนมิตรภาพเลนในเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์และยกระดับในการชุมนุมให้มากขึ้น
    ที่สวนสุขภาพเทศบาลเมืองมหาสารคาม อ.เมืองมหาสารคาม ภาคีนักเรียนมหาสารคามรวมตัวกันภายในสวนสุขภาพ จัดประชุมภาคีตีกลองประชุมต่อต้านเผด็จการและระบอบการศึกษาที่ล้าหลังในยุคไดโนเสาร์เต่าล้านปี โดยแกนนำที่เป็นนักเรียนได้สลับกันขึ้นเวทีปราศรัยถึงระบอบการศึกษา อาทิ  เครือข่ายจากสหภาพร้อยเอ็ดปลดแอก ภาคีนักเรียนมหาสารคาม กลุ่มโต๊ะน้ำชา เป็นต้น
    ที่บริเวณเขาวังเมืองใหม่ ต.บ้านหม้อ อ.เมืองเพชรบุรี ในช่วงเย็นกลุ่มนิสิตนักศึกษาซึ่งเป็นเยาวชนในพื้นที่รวมตัวกว่า 2,000 คน เปิดเวทีปราศรัยชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว ซึ่งมีนิสิตจากกรุงเทพฯ จำนวน 5 คน เป็นแกนนำ โดยปราศรัย 2 ข้อหลัก คือให้ปล่อยตัวผู้ชุมนุมและประณามการกระทำของรัฐ โดยโจมตีรัฐบาลเรื่องปฏิรูประบบการศึกษาและระบบเศรษฐกิจ ตบท้ายด้วยการพร้อมใจตะโกนขับไล่นายกฯ ท่ามกลางการดูแลความสงบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบุรี โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ซึ่งใช้เวลาชุมนุมประมาณกว่า 1 ชั่วโมงและแยกย้ายกันกลับบ้าน
    ที่ จ.ตราด แกนนำนักเรียนนักศึกษาจังหวัดตราดได้ทำหนังสือยื่นต่อ พล.ต.ต.เสถียร บุญค้ำ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ตราด เพื่อขออนุญาตชุมนุมทางการเมืองในเวลา 17.00 น. โดยขอใช้ศาลา 100  ปีตราดรำลึก ที่อยู่หน้าศาลากลางจังหวัดตราด ซึ่งผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ตราดได้อนุญาตให้ดำเนินการได้ แต่ต้องห้ามพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์
    ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อ่างทอง ต.ป่างิ้ว อ.เมืองอ่างทอง นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการเสริมสร้างความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความรู้ความเข้าใจ ในการร่วมกันปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมี ดร.มนัส โนนุช กรรมการและผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี นายสุรเชษ นิ่มกุล นายก อบจ.อ่างทอง พร้อมด้วยบุคลากรในสังกัด อบจ.อ่างทอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และประชาชน จำนวน 1,500 คน พร้อมใจกันใส่เสื้อเหลืองร่วมร้องเพลงสดุดีจอมราชาและกล่าวคำปฏิญาณ.