"กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เซอร์ไพรซ์แฟนบอลด้วยการตั้ง มาริโอ ยูรอฟสกี ดีกรีทีมชาติมาซิโดเนีย อดีตศูนย์หน้าขวัญใจแฟนๆ ขึ้นคุมทัพนักเตะ พร้อมด้วยทีมสต๊าฟ ดานโญ่ เซียก้า และ "โค้ชทัย" อุทัย บุญเหมาะ ร่วมทำทีมด้วย โดยลงคุมซ้อมทันทีเมื่อ19ตุลาคมที่ผ่านมา
หลังจากที่นักเตะ "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มนัดล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม เปิดบ้านแพ้ให้กับทีมตราด เอฟซีไป 0-1 ประตู และทำให้ อเล็กซานเดอร์ กามา หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวบราซิล ประกาศยุติบทบาทตัวเอง แม้จะเหลือสัญญาอีกประมาณ 1 เดือนก็ตาม
เมื่อวันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมา "บิ๊กเป้"รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ได้เปิดเผยกับทีมข่าวที่ไปเฝ้านำเสนอข่าวเฮดโค้ชคนใหม่ที่ลงทำหน้าที่ลงคุมซ้อมทันที ว่า "บอร์ดสโมสรตกลงแล้ว และเห็นชอบที่จะแต่งตั้งให้ มาริโอ ยูรอฟสกี อดีตนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ของเรา ที่ปัจจุบันคุมทีมเยาวชนขึ้นมาคุมทัพชุดใหญ่อย่างถาวร โดย มาริโอ จะทำงานร่วมกับ ดาร์เรน รี๊ด ผู้อำนวยการอะคาเดมี่, ดานโญ่ เซียก้า โค้ชรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี และมีอุทัย บุญเหมาะ โค้ชดีกรี เอ ไลเซ่นส์ ร่วมกันปลุกปั้นทีม"กิเลนผยอง"ในช่วงที่เหลือของฤดูกาล 2020-21"
ซึ่งบอร์ดบริหารทีม เชื่อมั่นในตัวมาริโอ และเซียก้า เพราะเขาทั้งคู่คือตำนานนักเตะของสโมสร เป็นขวัญใจแฟนบอลชาวไทย เขารู้จักและสนิทสนมกับนักเตะในทีมทุกคน เรียกว่าคลุกคลีกับทีมมาตลอด ฉะนั้นไม่มีปัญหาเรื่องการคุมทัพแน่นอน สามารถเข้ากับนักเตะเยาวชนรุ่นใหม่ของทีมได้เป็นอย่างดี เราเชื่อว่า มาริโอ จะได้รับการสนับสนุนจากแฟนๆ โดยเขาพูดตลอดว่าอยากจะได้ "แชมป์" กับ เมืองทอง อีกครั้งในฐานะ "เฮดโค้ช"หลังจากได้แชมป์ในฐานะ"นักเตะ"มาแล้ว "
สำหรับมาริโอ ยูรอฟสกี ได้ประกาศแขวนสตั๊ดเมื่อต้นปี 2020 ทั้งๆ ที่เจ้าตัวสามารถเล่นอาชีพต่อได้ ทันทีที่ ยูรอฟสกี ประกาศเลิกเล่น เขาเดินหน้าเข้าอบรมหลักสูตรการเป็นโค้ชอย่างเต็มตัว และก็ได้เป็นโค้ชเยาวชนของ เมืองทอง ในรุ่น ยู-17 และยู-19 ปี ก้าวก้าวขึ้นตุมชุดใหญ่
มาริโอ ยูรอฟสกี เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังกับ เอฟซี จูเนียร์ ด้วยแวว 'อัจฉริยะ' ไปเตะตาแมวมองของ เร้ด สตาร์ เบลเกรด เข้าอย่างจังจึงส่งคนมาทาบทามเพื่อให้เข้าอะคาเดมี่ของสโมสรตอนที่เจ้าตัวอายุ 14 ขวบ
หลังจากฝึกฝนฟุตบอลอย่างจริงจังเขาก็ได้เซ็นสัญญาอาชีพกับ เร้ด สตาร์ ในปี 2003 ก่อนจะย้ายไปเล่นให้ เบซานนิญ่า ทีมร่วมลีกเซอร์เบีย ซึ่งที่นี่เขาฟอร์มเจิดจรัสถึงขั้นติดเป็นหนึ่งในผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2006-07 พร้อมกับนำทีมผ่านเข้าไปเล่นใน ยูฟ่า คัพ
จากนั้นเขาย้ายไป โวย์โวดิน่า และตามด้วย เมตาลูรห์ โดเนตส์ค ทีมเงินหนาของในลีกยูเครน
กระทั่งปี 2012 เมืองทอง ได้สร้างเซอร์ไพร์สด้วยการนำ มาริโอ มาเล่นใน ไทยลีก เพียงฤดูกาลแรกเขาก็เป็นคีย์แมนสำคัญที่ทำให้กิเลนผยองคว้าแชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก แบบ "ไร้พ่าย" เป็นสโมสรแรกในประเทศไทย ทีมชุดนั้น มาริโอ ผนึกกำลังร่วมกับ ดานโญ่ เซียก้า, พิชิพงษ์ เฉยฉิว และ ดัสกร ทองเหลา ในแดนกลาง คอยเปิดป้อนให้ ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าทีมชาติไทย ยิงประตูกระจุยกระจาย
การย้ายมาเล่นในเมืองไทย ของ มาริโอ ได้สร้างปรากฏการณ์มากมาย ตำนานหมายเลข 20 ของกิเลนผยองยังได้สร้างสีสันให้กับสื่อมวลชนหันมาสนใจฟุตบอลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 'ท่าดีใจ' ที่ชวนให้แฟนๆ ยิ้มได้, การแอสซิสต์ที่เฉียบขาดจนสร้าง ธีรศิลป์ แดงดา และ ดราแกน บอสโกวิช ให้เป็น 'ดาวซัลโวสูงสุด' มาแล้ว หรือประตูสุดมหัศจรรย์ที่เขามักจะทำให้เป็นอยู่อย่างสม่ำเสมอก็เป็นอีกหนึ่งจุดขายของมาริโอ
ผลงานระดับชาติ มาริโอ ติดทีมชาติมาโดเนีย ชุดใหญ่มาตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งเล่นเคียงคู่ โกรัน ปานเดฟ นักเตะระดับโลกผู้เคยได้แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา, โกปา อิตาเลีย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ร่วมกับ อินเตอร์ มิลาน สโมสรใหญ่ของประเทศอิตาลี
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |