19ต.ค.63-ที่ศาลาว่าการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา - นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังการติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด ว่า ตนได้รับมอบหมายจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ดูแลรับผิดชอบการดำเนินงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันใน 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดสระบุรี โดยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นจังหวัดที่มีภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และการท่องเที่ยว เป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งนับได้ว่ามีศักยภาพเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ที่ประชุมได้นำเสนอปัญหาใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านอุตสาหกรรมที่มีการผลิตบุคลากรไม่เพียงพอ หลักสูตรการเรียนการสอนไม่ตอบโจทย์ด้านอาชีพ และยังมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ด้านเกษตรกรรม ต้องการการสนับสนุนการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อรองรับพื้นที่เกษตร ซึ่งมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของจังหวัด และด้านท่องเที่ยว ที่มีกฎระเบียบและข้อกฎหมายที่ซ้ำซ้อน ทำให้ไม่สามารถสร้างแรงดึงดูดด้านการท่องเที่ยว ในฐานะที่จังหวัดได้รับการคัดเลือกให้เป็นแหล่งมรดกโลก และปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ให้กับภาคธุรกิจ ดังนั้นทางคณะกรรมการจังหวัดต้องมองโจทย์การดำเนินงานให้ชัดเจน หากติดขัดหรือมีปัญหาด้านใดให้แจ้งมา เพื่อตนจะได้นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีเพื่อทำการปลดล็อก หากเรื่องไหนทำไม่ได้ จะบอกทันที เรื่องใดต้องมีลำดับความสำคัญ ต้องใช้เวลา จะแจ้งให้ทราบ

นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า สำหรับด้านการศึกษา ตนจะยอมให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษาไม่ได้ ดังนั้นเรื่องการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กต้องเกิดขึ้นแน่นอน แต่ปัจจุบันตนไม่ทราบในรายละเอียดของแต่ละพื้นที่ ว่าควรจะมีโรงเรียนแม่เหล็กที่ใด หรืออาจจะมีโรงเรียนดีๆ ที่มีศักยภาพ อีกทั้งวิทยาลัยอาชีวศึกษาที่มีอยู่ 9 แห่งในจังหวัด ที่ไหนจะเน้นให้ความสำคัญในการเรียนหลักสูตรเรื่องอะไร จะเป็นด้านการเกษตร การอุตสาหกรรม หรือด้านการท่องเที่ยวบริการ ต้องทำให้ชัดเจน จะทำหลักสูตรสะเปะสะปะไม่ได้ วันนี้เรากำลังพลิกประวัติศาสตร์ทางด้านการศึกษา แต่ตนจะทำไม่ได้หากทุกคนในพื้นที่และชุมชนไม่ช่วยเหลือและร่วมมือกัน อย่างไรก็ตาม กระทรวงศึกษาธิการจะร่วมมือกับภาคเอกชน ในการบริหารจัดการศึกษา ในลักษณะ 1 เอกชนไทย 1 จังหวัด หากทางจังหวัดมีแผนแม่บททางด้านการศึกษาหลัก และชัดเจนก็จะสามารถนำองค์ความรู้ของภาคเอกชน มาประยุกต์ใช้ และสามารถขยายหรือกระจาย องค์ความรู้นี้ ไปตามสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศได้