จากธุรกิจของครอบครัว...ขายสินค้าเร่ตามตลาดนัด จนปี 2515 ได้เริ่มเปิดเป็นร้านค้า 1 คูหา ภายใต้ชื่อร้าน “โกว่ย่งฮั้ว”

     มาจนถึงวันนี้มีจำนวนสาขากว่า 28 แห่ง ครอบคลุมหลายพื้นที่ในจังหวัดสงขลา พัทลุง และสตูล ภายใต้แบรนด์ “เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์” ก่อนเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 7 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ในนาม บมจ.เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น (KK) เพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจในอนาคต

(กวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล)

     “กวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล” กรรมการผู้จัดการ KK เดิมที K&K เป็นเพียงร้าน “โชห่วยขนาดเล็ก” ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2536 โดยพี่น้องในครอบครัวสิริธนนนท์สกุลจำนวน 4 ท่าน ร่วมกันก่อตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด เค.แอนด์ เค. ซุปเปอร์ค้าส่ง เพื่อประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคในจังหวัดสงขลา

     ช่วงนั้น “บริษัท หาดใหญ่โก่วย่งฮั้ว จำกัด” ซึ่งเป็นบริษัทของพี่น้องในครอบครัว ดำเนินธุรกิจค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค และเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคให้กับผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ของประเทศไทย ต้องการมุ่งเน้นธุรกิจการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเพียงธุรกิจเดียว จึงหยุดธุรกิจค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค

     “จุดเปลี่ยน” ของธุรกิจค้าส่งของครอบครัวมาจากการที่แม็คโครเข้ามาเปิดสาขาที่หาดใหญ่ ส่งผลให้ยอดขายเริ่มลดลง เนื่องจากลุ่มลูกค้าหลักของเคแอนด์เคเป็น “ซาปั๊ว” ที่ซื้อไปขายต่อในอำเภอ ตำบล และรถเร่ ทำให้นำรูปแบบแคชแอนด์แครี่ของแม็คโครที่กรุงเทพฯ มาปรับใช้กับ “เคแอนด์เค” ให้เป็นธุรกิจค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าราคาส่ง ภายใต้แนวคิด “ซื้อของครบ พบของถูก ถูกทุกวัน ที่ K&K ทุกสาขา ใกล้บ้านคุณ” และประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้

     จุดเด่นที่ทำให้ K&K คือธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตที่ผสมผสานความทันสมัยของร้านค้าโมเดิร์นเทรด และร้านค้าท้องถิ่นเข้าด้วยกัน ปัจจุบันมี 28 สาขา ครอบคลุมหลายพื้นที่ในจังหวัดสงขลา พัทลุง และสตูล รวมถึงศูนย์กระจายสินค้าจำนวน 1 แห่งที่หาดใหญ่ มีสินค้าจำหน่ายมากกว่า 8,000 รายการ ส่วนที่เข้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์ mai “กวิศพงษ์” เล่าให้ฟังว่า โจทย์คือ ทำอย่างไรที่จะสามารถส่งต่อธุรกิจให้ลูกหลานได้ เพราะตามความเชื่อธุรกิจนี้จะอยู่ได้ไม่เกิน 3 ชั่วอายุคน อีกอย่างหากเราคิดจะทำให้ธุรกิจเติบโต การแข่งขันในปัจจุบัน ถ้าแข่งขันเรื่องราคาอย่างเดียวไม่พอ ต้องแข่งขันเรื่องของการบริหารและต้นทุนทางการเงินด้วยเพื่อความอยู่รอด การนำบริษัทเข้าเป็นมหาชนจึงเป็นวิธีที่ตอบโจทย์

     ถามถึงอนาคตหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai “กวิศพงษ์” ให้ความสำคัญกับการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อบริหารจัดการ KK ให้มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและกลับมาซื้อซ้ำ และที่สำคัญคือ การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

     จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา KK ได้มีการลงทุนพัฒนาระบบสมาชิกและเริ่มใช้งานแอปพลิเคชันชื่อ “เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ (K&K Superstore)” เพื่อให้ลูกค้าที่สมัครสมาชิกสามารถสะสมคะแนนเมื่อซื้อสินค้าในร้านสาขาเคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ ทั้ง 28 สาขา ตรวจสอบคะแนน แลกคูปองแทนเงินสด ตรวจสอบโปรโมชั่นสินค้า รวมถึงตรวจสอบประวัติการซื้อสินค้า

     นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างพัฒนาแอปพลิเคชันเคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ (K&K Superstore) ให้สามารถรองรับการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และรับสินค้าที่ร้าน (Pick-up service) และการชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินออนไลน์ (E-Wallet) เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายและแข่งขันกับร้านค้าปลีกรายอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ยังได้วางแผนการจำหน่ายสินค้าโดยการส่งสินค้าถึงหน้าบ้านลูกค้า (Delivery) เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูกค้าในอนาคต

     หลายคนคงอดสงสัยไม่ได้ว่า...แล้วบริษัทมีจุดเด่นอะไรที่แข่งขันกับค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย “เซเว่น อีเลฟเว่น” เขาบอกว่า K&K มีความต่างจากเซเว่นฯ และไม่ได้มองว่าเซเว่นฯ เป็นคู่แข่ง จริงๆ แล้ว ร้าน K&K เปิดใกล้ๆ กับเซเว่นฯ ด้วยซ้ำ

     “จุดเด่นของเราคือ สินค้าจะราคาถูกกว่าเซเว่นฯ แต่ราคาจะใกล้เคียงโลตัส แม็คโครนิดหน่อยในสินค้าบางรายการ”

     KK มีแผนขยายสาขาร้าน “เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์” เพิ่ม เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ใหม่ๆ แต่ยังคงเน้นพื้นที่ภาคใต้เป็นหลัก ทั้งที่สงขลา, พัทลุง, สตูลและจังหวัดอื่นๆ โดยตั้งเป้าเปิด 3 สาขาในปี 2564 ตามแผน และในแต่ละปีมีแผนที่จะขยายร้านสาขาจำนวน 3-4 สาขา เพื่อเป็นร้านสะดวกซื้อชั้นนำในภูมิภาค

     และนี่ถือเป็นการส่งผ่านธุรกิจจากรุ่น...สู่รุ่น โดยใช้แหล่งเงินทุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต และสร้างโอกาสให้กับธุรกิจ.