ฮื่ออ์อ์อ์...เล่นเอา มึนซ์ซ์ซ์ กันไปประมาณ 3 ตลบ 8 ตลบ เป็นอย่างน้อย สำหรับข่าวคราวความเป็นไปของบ้านเมืองในช่วงนี้ เรียกว่า...แค่เฉพาะนอนอ่านหนังสือพิมพ์ ดูทีวี ก็ต้องเรียกว่าเหนื่อยแบบสุดๆ อยู่แล้ว นี่ยังดันต้องคอยตรวจสอบ ตรวจเช็ก คอยอัพ-เดตสถานการณ์ ผ่านทางมือถง มือถือ คอมพิวเตอร์ ทวิตเตอร์ ไลน์ เทเลแกรม ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะมากมาย โอกาสที่จะบ้าตาย หรือเส้นโลหิตในสมองแตกตาย ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...
-------------------------------------------------
แต่ทำไงได้ล่ะทั่น!!!...ยุคนี้-สมัยนี้ ยังไงๆ มันย่อมผิดแผก แตกต่าง ไปจากยุคเดิม-สมัยเดิม อยู่แล้วแน่ๆ ย้อนกลับไปยุคที่เรียกๆ กันว่า พฤษภาทมิฬ เมื่อกี่สิบปีที่แล้วก็ลองไปนับคำนวณดูเอาเอง ช่วงนั้น...แค่มี มือถือ เพียงอย่างเดียว ก็ตายแล้ว!!! เกิดการเชื่อมโยง โยงใย ระหว่างผู้ประท้วง ผู้สนับสนุน ผู้ตามแห่ ตลอดไปจนผู้ยุแยงตะแคงรั่ว จนแทบปัดป้อง ปกป้อง อะไรแทบไม่ได้ มาถึง ณ ขณะนี้...มันดันมีอะไรมากซะยิ่งกว่ามือถือธรรมดาๆ ไม่รู้จะกี่สิบ กี่ร้อยเท่า สามารถสอดแทรก สอดไส้ ปั่นกระแส ปั่นป่วน โยงใยความยุ่งเหยิง ให้ยิ่งยุ่งยากยั้วๆ เยี้ยๆ ยิ่งขึ้นไปอีก ตามประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ของ เทคโนโลยี ที่มีแต่จะก้าวหน้า ก้าวไกล ยิ่งเข้าไปทุกที โอกาสที่จะ เลือกความสงบ...ต้องจบที่ลุงตู่ มันจึงชักจะไปไม่ได้ ไปไม่เป็น ยิ่งเข้าไปทุกที...
------------------------------------------------
เฮ้ออ์อ์อ์...ทำไงได้ ในเมื่อทั้งหลาย ทั้งปวง เหล่านี้ มันก็คือภาพสะท้อนของความเป็นไปของ สังคม 4.0 ที่คุณลุง บิ๊กตู่ ท่านเรียกร้อง ต้องการ ท่านใฝ่หา ปรารถนา มาโดยตลอดนั่นแหละ เพียงแต่ว่าขณะที่แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง มันกำลังกลายเป็น สังคม 4.0 การออกแบบ ดีไซน์ ความเป็นไปทางการเมือง ของบรรดาผู้มีอำนาจและความรับผิดชอบทั้งหลาย ดันหนักไปทาง 0.4 กันไปซะนี่!!! เรียกว่า...ไม่ว่าจะเป็นน้ำนิ่ง น้ำเน่า จากคลองแสนแสบ จากบ่อเกรอะ ที่ไหนต่อที่ไหนก็แล้วแต่ ดันถูกต่อท่อ ต่อสาย ให้ไหลมารวมกันที่แม่น้ำเจ้าพระยา จนกลายมาเป็นรัฐบาลยุคนี้ สมัยนี้ ความขัดแย้ง แปลกแยก ระหว่าง 4.0 กับ 0.4 มันเลยต้องถือเป็นเรื่องปกติ ธรรมดา หรือเป็นไปตามแบบฉบับ... ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป นั่นแล...
--------------------------------------------------
แล้วคราวนี้จะเอาไงกันต่อ...จะเอายังไงกันดี!!! อันนี้นี่แหละ...ที่ออกจะเป็นอะไรที่น่า ปวดหัวฉิบหาย อย่างเป็นพิเศษ คือจะไปค่อยๆ ฟื้น ค่อยๆ ยกระดับ พัฒนา สิ่งที่ เทคโนโลยี มันไม่สามารถให้ได้โดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นคุณธรรม ศีลธรรม มโนธรรม ขันติธรรม หรือแม้แต่ คุณธรรม 12 ประการ ที่รัฐบาลท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ยุคยังเป็น คสช. เคยท่องบ่น พร่ำบ่น เอาไว้ตั้งแต่ต้น จนอาจลืมๆ ไปมั่งแล้ว มันออกจะเป็นอะไรที่ลำบากเอามากๆ คือมันคงไม่ทันเวลา ไม่น่าจะทันท่วงที กับการนำมาใช้ในการแก้ปัญหา คลี่คลายปัญหา ที่กำลังเป็นไปในแบบ สุดโต่ง หรือสุดสวิง ยิ่งเข้าไปทุกที...
----------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...อะไรก็ตามที่ไม่น่าจะเกิด ที่ไม่เหมาะ-ไม่ควร ที่ไม่น่าจะบังอาจ-มิน่าจะบังควร ฯลฯ มันก็เลยทะลักหลั่ง ควั่งพรู กรูนรกและสวรรค์ ไม่ต่างอะไรไปจากบ้านอื่น เมืองอื่น สังคมอื่นๆ ที่ปราศจาก ความสมดุล ระหว่าง เทคโนโลยี กับ ศีลธรรม ไปด้วยกันทั้งสิ้น และต้องกลายเป็น ภาระ ของรัฐบาลแต่ละรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยแบบสุดลิ่มทิ่มกระดาน หรือรัฐบาลเผด็จการแบบสุดฤทธิ์ สุดหลอด คงต้องไปควานหา กรรมวิธี ในการคลี่คลาย บรรเทาเบาบาง ปัญหา กันเอาเอง ถูกมั่ง-ผิดมั่ง เหมาะมั่ง-ไม่เหมาะมั่ง โหดมั่ง-ไม่โหดมั่ง ฯลฯ อันนี้...ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของสังคมแต่ละสังคม ว่ายังพร้อมรองรับกับกรรมวิธีต่างๆ กันในแบบไหน ในลักษณะไหน...
---------------------------------------------------
เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว...ใช่ว่า สังคมประชาธิปไตย จะโหดน้อยกว่า สังคมเผด็จการ กันซะเมื่อไหร่ การไล่ทุบ ไล่ถีบ ไล่กระทืบบรรดาม็อบแต่ละม็อบ ในประเทศประชาธิปไตยระดับอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน ฯลฯ ก็ออกจะ เอาเรื่อง กว่าประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ไม่รู้กี่เท่า ต่อกี่เท่า มีทั้งกดคอ ตีเข่า หรือเอาเข่ากดคอชนิดหายใจไม่ทัน ต้องเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง กันไปตามสภาพ มีทั้งใช้กระสุนยาง แก๊สน้ำตา เพื่อสู้กับการเผาบ้าน เผาเมือง การปล้น ฆ่า ปล้นสะดม การไล่รื้ออนุสรณ์สถาน อนุสาวรีย์ต่างๆ ชนิดพังพินาศกันไปเป็นแถบ เทียบไม่ได้กับการเอาน้ำผสมสี ไล่ฉีด การดันกันไป-ดันกันมา ที่ออกจะเป็นไทยแท้แต่โบราณ อย่างมิอาจปฏิเสธ...
---------------------------------------------------
ขณะที่ประเทศเผด็จการของแท้และดั้งเดิม...อย่างคุณพี่จีน กลับหันมาใช้กรรมวิธีค่อยๆ โอ้โลม ปฏิโลม ค่อยๆ ลูบ ค่อยๆ คลำ ปล่อยให้คุณน้อง โจชัว หว่อง ออกฤทธิ์ ออกเดช ไปจนแทบสุดสายป่าน แล้วค่อยอาศัยอำนาจตามตัวบทกฎหมายฉบับใหม่ เด็ดหัวบรรดาแกนนำ แกนนั่ง แกนนอน ไปทีละราย-สองราย โดยไม่ว่าจะเหมาะ-ไม่เหมาะ ถูก-ไม่ถูก โหด-ไม่โหด ฯลฯ ก็แล้วแต่ สิ่งที่จะเป็นตัวชี้ขาด ตัววัดตัดสิน ภายในขั้นตอนสุดท้าย ก็คือ สภาวะแวดล้อม ของสังคมนั้นๆ นั่นแหละ ว่าจะเห็นควรด้วย-ไม่เห็นควรด้วย กับกรรมวิธีที่ว่ากันในแบบไหน ในลักษณะไหน...
----------------------------------------------------
ดังนั้น...สำหรับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ก็จึงหนีไม่พ้นต้องหาทางตอบ คำถาม ให้ชัดเจน ว่าสิ่งที่เรียกว่า สภาวะแวดล้อม ของบ้านเมืองทุกวันนี้ ไปถึงขั้นไหน-ต่อขั้นไหนกันมั่งแล้ว อะไรที่ยังเป็น เงื่อนไข และ เหตุปัจจัย หรืออะไรที่ยังคงเป็น อุปสรรค ในการคลี่คลายปัญหาแต่ละขั้น แต่ละตอน การค้นพบ คำตอบ ในสิ่งที่ว่านั่นเอง ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นในการนำมาซึ่งการลดระดับปัญหา ให้ค่อยๆ เพลาๆ ลงมาได้มั่ง ส่วนคำตอบที่ว่าจะเป็นอะไรบ้างนั้น คงถือเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบ ต้องไปนั่งคิด-นอนคิด กันเอาเองก็แล้วกัน...
----------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก E.B. White...“There’s no limit to how complicated things can get, on account of one thing always leading to another. - เรื่องต่างๆ สามารถซับซ้อนขึ้นโดยมิมีที่สิ้นสุด ด้วยเหตุเพราะสิ่งหนึ่ง...ย่อมนำไปสู่อีกสิ่งหนึ่งเสมอๆ...”
-----------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |