"บิ๊กตู่" เบรก "ป.ป.ช." แก้ไขประกาศเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินให้ จนท.รัฐเกิน 3 พัน ชี้ไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน "สุวพันธุ์" สั่ง "พงศ์พร" ตั้ง กก.สอบวินัย 9 บิ๊กพศ.โกงเงินทอนวัดชายแดนใต้ "เอกชัย" บุกศูนย์บริการประชาชนมอบนาฬิกาให้ "ประวิตร" 
    เมื่อวันอังคาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (คสช.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะแก้ไขประกาศ ป.ป.ช. เพื่อเพิ่มมูลค่าให้หรือรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดของเจ้าหน้าที่รัฐ จากเดิมที่กำหนดไว้ 3,000 บาทว่า ตนสั่งการไปแล้วว่าไม่ใช่เรื่องที่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเพิ่มวงเงิน 3,000 บาท เพราะวันนี้เวลาไปต่างประเทศเขาก็ให้มา แต่ถ้าเกิน 3,000 บาท ก็ต้องรายงานและส่งหน่วยงานต้นสังกัดทั้งหมด 
    "ผมเมื่อได้รับมาก็ส่งสำนักนายกรัฐมนตรีกลั่นกรอง รวมถึงเก็บไว้ที่ตู้โชว์ที่ทำเนียบรัฐบาล อยู่ในบัญชีเยอะแยะไปหมด ของที่มีมูลค่าเกินก็รับไม่ได้อยู่แล้ว" นายกฯกล่าว
    ส่วนนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงเรื่องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ พศ. จำนวน 9 คน ทุจริตเงินทอนวัดใน 3 วัดจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ในส่วนของความผิดทางวินัยร้ายแรง ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะส่งเอกสารและรายงานให้หน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวคือ พศ.ลงโทษทางวินัย 
    "หลังได้รับเอกสารและรายงานแล้ว ทาง พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ. จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยขึ้นมาเพื่อพิจารณาลงโทษ โดยมีกรอบระยะเวลาอยู่ว่าจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบ และทำการสอบภายในกี่วัน อย่างไรก็ตาม ในจำนวน 9 คนที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ได้มีคำสั่งหัวหน้า คสช. สั่งพักงานไปก่อนหน้านี้แล้วหลายคน" รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว
    ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ..... ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จัดเสวนาและรับฟังความคิดเห็นเรื่อง “ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ..... : อีก 1 ก้าวเพื่อประเทศไทยใสสะอาด” โดยมี พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ประธานกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นประธานเปิดการเสวนา
    นายเจริญศักดิ์ ศาลากิจ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ..... ผ่านการพิจารณาในวาระที่ 1 ของ สนช. เมื่อวันที่ 17 ส.ค.2560 โดยมีหลักการและเหตุผลคือ การบริหารงานของรัฐจะต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใส เปิดเผย และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ประกอบกับต้องให้ประชาชนปราศจากความเคลือบแคลงสงสัยในความซื่อสัตย์สุจริตและความรับผิดชอบของผู้มีหน้าที่ในการบริหารงานของรัฐ จึงสมควรกำหนดหลักเกณฑ์ มาตรการ และกลไกในการป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวมให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเข้มงวด และเป็นการสอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐตามมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทำให้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการกำจัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
    "คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีความสำคัญ และอาจกระทบต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งประชาชนเป็นวงกว้าง ดังนั้นเพื่อให้ได้รับความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนและรอบด้าน จึงจัดเสวนาขึ้นเพื่อให้ผู้ร่วมการสัมมนา อาทิ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะกรรมาธิการฯ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ประชาชน ภาคเอกชน และผู้ที่อาจได้รับผลกระทบ ได้อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จะนำข้อมูลที่ได้รับไปประกอบการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบและรอบด้าน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป" เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าว
    ด้าน พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าวหลังการเสวนาว่า การเสวนาครั้งนี้มีความเห็นเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นมาตราที่อยู่ในกฎหมาย ป.ป.ช. ที่ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุม สนช.ไปแล้วมากกว่า ซึ่งถือเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าในบางเรื่องนั้นยังไม่มีความชัดเจนมากพอ สำหรับเรื่องอื่นๆ นั้น จะเป็นในส่วนของถ้อยคำต่างๆ ในกฎหมายเสียเป็นส่วนใหญ่มากกว่า 
    ถามถึงเรื่องการออกประกาศที่มีการห้ามชาร์จโทรศัพท์มือถือในสถานที่ราชการด้วย พล.ต.อ.ชัชวาลย์กล่าวว่า ตรงนี้มองกันว่าถ้าหากมีมติ ครม.ออกมาแล้ว จากนั้นหน่วยราชการค่อยเอามาเป็นมาตรฐานน่าจะดีกว่า ซึ่งกรณีนี้กระทรวงสาธารณสุขถือว่าออกประกาศเร็วไปหน่อย 
    "ยังมีการแสดงความเห็นด้วยว่า จริงๆ แล้วเรื่องนี้มีคำว่าเล็กน้อยด้วย และมีการคุยกันแล้วว่าการชาร์จโทรศัพท์มือถือไม่ได้ทำให้เสียเงินสักเท่าไหร่ แต่กระทรวงสาธารณสุขกลับไปออกประกาศว่าห้ามและมีเรื่องของการทำผิดวินัยเข้าไปด้วย จึงกลายเป็นประเด็นขึ้นมาเท่านั้นเอง" พล.ต.อ.ชัชวาลย์กล่าว
    วันเดียวกัน ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่ง ก.พ.) นายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง เดินทางมามอบนาฬิกาของตนเองให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังมีกระแสข่าวครอบครองนาฬิกาหรู ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เชิญนายเอกชัยขึ้นไปยังชั้น 2 โดยมีพล.ท.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความสงบปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย และพล.ต.ต.สราวุฒิ การพานิช ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล เป็นตัวแทนรับมอบนาฬิกา
     นายเอกชัยกล่าวว่า ไม่ขอมอบนาฬิกาผ่านตัวแทน เพราะไม่แน่ใจจะถึงมือ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ ดังนั้นในวันที่ 13 ม.ค. ซึ่งเป็นวันเด็ก ทำเนียบรัฐบาลและกระทรวงกลาโหมเปิดพื้นที่จัดงานวันเด็ก จะติดตามว่าพล.อ.ประวิตรจะเดินทางไปที่ใด เพื่อจะได้ไปมอบนาฬิกาให้อีก.