กลุ่มต่อต้านรัฐบาลโวย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-ทหารยึดสภา คือรัฐประหารเงียบ ด้าน "ราเมศ" แจง "ชวน" เป็นคนบอกไปยังรัฐบาลให้ถอนทหารออก เพราะสภามีมาตรการรักษาความปลอดภัยของตัวเองอยู่แล้ว ด้านเพื่อไทยออกแถลงการณ์เรียกร้องเปิดสภาสมัยวิสามัญ แนะหัวหน้าทุกพรรคคุยกัน แต่ไม่ขอไปคุยที่ราบ 11
"ปิยบุตร" แผ่นเสียงตกร่อง ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง 6 ต.ค.2519 ตั้งใจกลับมาฉายภาค 2
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา แถลงชี้แจงกรณีมีกระแสการโจมตีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา หลังปล่อยให้มีกำลังทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 เข้ามาภายในบริเวณรัฐสภา เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ว่ากองกำลังทหารดังกล่าวได้ถอนออกจากพื้นที่อาคารรัฐสภาไปแล้วตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันเดียวกัน ซึ่งการเข้ามาของกองกำลังทหารดังกล่าว ก็เพื่อดูแลความปลอดภัยในสถานที่สำคัญ เป็นไปตามข้อกำหนดของประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ
นายราเมศเผยว่า เรื่องนี้รัฐสภาไม่ได้มีการร้องขอ แต่เป็นการดำเนินการของฝ่ายรัฐบาลเอง เพื่อดูแลความเรียบร้อยตามปกติ นอกจากนี้ในช่วงบ่ายของวันที่ 15 ต.ค. นายชวนก็ยังได้ลงไปเยี่ยมพร้อมกับมอบอาหารและน้ำให้กับกำลังทหารที่อยู่ในพื้นที่รัฐสภา รวมถึงได้แจ้งไปยังรัฐบาลว่ายังไม่มีสถานการณ์ใดที่จะบ่งบอกว่าเป็นกรณีน่ากังวลหรือเกิดความวุ่นวาย และขอให้นำกองกำลังทหารออกจากพื้นที่บริเวณรัฐสภาและโดยรอบ เพราะรัฐสภามีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อยู่แล้ว ทั้งเรื่องของการตรวจสอบบุคคลเข้า-ออกสถานที่ และการห้ามพกพาอาวุธ
"พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ออกมาไม่ได้มีผลกระทบต่อการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ทางคณะกรรมาธิการทั้งชุดสามัญและวิสามัญต่างๆ ได้มีการประชุมตามปกติ ขณะเดียวกันทางรัฐบาลหรือฝ่ายความมั่นคงก็ไม่ได้มีการทำหนังสือขอความร่วมมือมายังฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อให้งดการประชุมคณะกรรมาธิการแต่อย่างใด หากจะขอความร่วมมือต้องทำหนังสือแจ้งมาอย่างเป็นทางการ" นายราเมศกล่าว
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษว่า การประชุม ครม.นัดพิเศษครั้งนี้มีเพียงวาระเดียว คือเป็นการประชุมเพื่อพิจารณาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในท้องที่กรุงเทพมหานคร ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจาก ครม.ภายใน 3 วัน
เขายังกล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเรียกร้องขอเสียงมายังพรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้สามารถเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อแก้วิกฤติประเทศว่า การจะเปิดได้จะต้องมี ส.ส.ร่วมกับ ส.ว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของเสียงสองสภาถึงจะสามารถเปิดได้ จึงเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคต้องไปดูกันว่าเป็นอย่างไร จะอาศัยพรรคใดพรรคหนึ่งเสียงไม่น่าจะพอ แต่ข้อเท็จจริงคืออีก 2 สัปดาห์ก็จะมีการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญในวันที่ 1 พ.ย.อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านต้องการให้เปิดสมัยวิสามัญเพื่อหารือถึงการชุมนุม นายจุรินทร์ตอบว่า เป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงจะต้องดำเนินการ ซึ่งมีกฎหมายชัดเจนอยู่แล้วว่าจะเป็นอย่างไร
กลไกสภาต้องเป็นทางออก
"กลไกสภาต้องเป็นทางออกหนึ่ง รัฐสภาควรจะเป็นเวทีในการที่จะหาทางออกให้กับประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมคิดว่าเป็นเงื่อนไขสำคัญเงื่อนไขหนึ่งที่สามารถช่วยหาทางออกให้กับประเทศได้ อย่างน้อย 3 ฝ่ายที่ควรจะมีความเห็นร่วมกัน ได้แก่ ส.ส.รัฐบาล, ส.ส.ฝ่ายค้าน และ ส.ว. ถ้าสามารถเห็นไปในทางเดียวกันได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ ส่วนเรื่องการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคจะไปพิจารณา แต่ลำพังพรรคใดพรรคหนึ่งคงไม่สามารถไปกำหนดได้ แต่สภาจะเปิดอีกครึ่งเดือนอยู่แล้ว"
ซักว่าเป็นห่วงสถานการณ์การชุมนุมหรือไม่ ที่เริ่มมีการใช้ลักษณะฮ่องกงโมเดลจนอาจทำให้การทำงานของรัฐบาลสะดุด นายจุรินทร์กล่าวว่า ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันใช้โควิดโมเดลเข้ามาเป็นแนวทางในการคลี่คลายสถานการณ์ คลี่ปัญหาของประเทศ ทุกฝ่ายก็จะไปได้
เมื่อถามว่า โควิดโมเดลน่าจะสู้ฮ่องกงโมเดล น่าจะดีกว่าใช่หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า โควิดโมเดลเป็นแนวทางที่พิสูจน์แล้วว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จจนเป็นที่ยอมรับ
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องของการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ? คงต้องฟังความเห็นของหลายๆ ฝ่ายก่อน เพราะไม่อยากแสดงความเห็นในช่วงที่มีความละเอียดอ่อน อย่างในช่วงนี้คงต้องมีการพูดคุยกันของหลายๆ ฝ่ายว่าแต่ละฝ่ายนั้นมีแนวทางอย่างไรบ้าง? ต้องฟังความเห็นหลายๆ ฝ่ายก่อน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ทุกๆ คนคือทางออกของประเทศ ช่วยกันถอยคนละก้าวลดอารมณ์และหันหน้ามาพูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผลก็น่าจะมี ทางออกได้ อย่าคุยกันด้วยอารมณ์ ต้องรอให้จังหวะดีๆ ก่อน "ไม่มีรัฐบาลแห่งชาติ ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลแห่งชาติมีไม่ได้"
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พูดถึงรัฐบาลแห่งชาติว่า "โอ๊ย ยังไปอีกไกล"
นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องเข้าไปดูแลสถานการณ์เพื่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ ไม่ได้บ้าอำนาจเหมือนรัฐบาลในอดีต เพราะม็อบคณะราษฎรสร้างสิ่งที่จะนำ ไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงให้กับประเทศ สร้างความเศร้าใจ ย่ำยีหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ โดยการจาบจ้วงสถาบัน กล้าถึงขนาดขัดขวางขบวนเสด็จฯ ส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจากหลายกลุ่มประกาศระดมพลออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักและศรัทธา รัฐบาลไม่อยากให้เกิดม็อบชนม็อบ เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน จึงจำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
"ถ้าพรรคร่วมฝ่ายค้านยังยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข จะต้องเข้าใจและเห็นใจในสิ่งที่รัฐบาลทำ" นายธนกรกล่าว
เพื่อไทยออกแถลงการณ์
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และได้มีการออกข้อกำหนดอันเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการดำเนินชีวิตและการทำกิจกรรม พร้อมกับได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุม จับกุมแกนนำในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องหาทางออกด้วยวิธีการที่สันติ ดังนี้
1.ขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญทันที โดยญัตติดังกล่าว นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ลงนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เริ่มทยอยลงนามตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยเสียงพรรคร่วมฝ่ายค้านมี 211 เสียง ต้องการอีก 34 เสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทย เพื่อให้เกิน 245 เสียงตามมาตรา 123 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ในการขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ
2.พรรคเพื่อไทยจะติดต่อขอพบหัวหน้าทุกพรรคการเมือง เพื่อหารือและหาทางออกในการคลี่คลายสถานการณ์วิกฤติทางการเมืองในขณะนี้อย่างสันติวิธีร่วมกัน โดยใช้เวทีรัฐสภา
3.พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการช่วยเหลือเรื่องการประกันตัวนักศึกษาและประชาชนที่ถูกควบคุมตัวทุกพื้นที่ พร้อมให้คำแนะนำด้านข้อกฎหมาย โดยในส่วนของ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย ขณะนี้ได้มีการประสานงานแล้ว
4.พรรคเพื่อไทยขอปฏิเสธไม่ได้มีการพบปะหารือที่ราบ 11 เพื่อจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติตามที่มีกระแสข่าว และยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติอย่างแน่นอน
5.พรรคเพื่อไทยขอให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง และไม่ควรที่จะมีการประกาศใช้เคอร์ฟิวในขณะนี้ เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นไปอีกจนยากจะแก้ไขด้วยสันติวิธี
รัฐประหารเงียบ
ส่วนคณะประชาชนปลดแอกระบุว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ณ ช่วงเวลารุ่งสาง 04.00 น. ของวันที่ 15 ตุลาคม พร้อมๆ กับการเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนมือเปล่า ล่าสุดก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวของทหารในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง พร้อมทั้งมีการเซ็นเซอร์สื่อหลายๆ สำนัก ซึ่งการกระทำเช่นนี้พูดได้เลยว่าเป็นการรัฐประหารเงียบ
คำถามสำคัญคือ รัฐสภาอันเป็นอำนาจฝั่งนิติบัญญัติมีความคิดเห็นอย่างไรกับสถานการณ์นี้ การที่อำนาจนิติบัญญัติสามารถถูกควบคุมได้โดยกองกำลังทหารเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร สภาผู้แทนราษฎรจะยอมจำนนต่อการใช้กำลังพลเช่นนี้จริงๆ หรือ
ประธานสภาฯ ในฐานะผู้เป็นตัวแทนของผู้แทนราษฎรทุกคน ต้องแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าการแทรกแซงอำนาจนิติบัญญัติเช่นนี้เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และเป็นสิ่งที่ฝั่งนิติบัญญัติควรสยบยอมอย่างนั้นหรือ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าคนออกมาไล่รัฐบาลจำนวนมากขนาดนี้ถือว่าหนักมาก แต่ที่สำคัญกำลังหลักในการขับไล่รัฐบาลประยุทธ์คือนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน อนาคตของชาติ รัฐบาล ต้องประเมินและรับสภาพอย่างตรงไปตรงมา ว่าไปต่อลำบาก ทางเลือกไหนที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังพอตัดสินใจเลือกได้ แล้วสร้างความเสียหายหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุดต้องตัดสินใจ เร่งแสดงความจริงใจเปิดทางให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นที่ยอมรับและยึดโยงกับประชาชนให้มากที่สุด แล้วยุบสภาคืนอำนาจกลับไปให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงเป็นผู้ตัดสิน ระบุไทม์ไลน์ให้ชัดและสั้นที่สุด การทู่ซี้อยู่ในอำนาจที่บริหารไม่ได้ ควบคู่กับการเดินหน้าปราบปรามจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างเด็ดขาด แก้ไม่ตรงจุด ปัญหาไม่จบ
“ม็อบมาทุกวัน ผุดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ รัฐบาลจะปราบไหวหรือ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน ที่เห็นต่างไม่ใช่ศัตรู การมีส่วนร่วมทางการเมืองมีความสำคัญต่อการพัฒนาประชาธิปไตย รัฐบาลต้องรับฟัง บ้านเมืองต้องการประชาธิไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วม” นายอนุสรณ์กล่าว
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เผยว่า พรรคก้าวไกลขอย้ำข้อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงทันที เพราะการประกาศดังกล่าวถือเป็นการฉวยโอกาสทำรัฐประหารเงียบ รวบอำนาจมาที่ พล.อ.ประยุทธ์ อดีตผู้นำคณะรัฐประหารอีกครั้ง
"ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณที่จะมีการใช้อำนาจเกินขอบเขต ไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังสลายการชุมนุมที่เป็นไปโดยสงบปราศจากอาวุธ การแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ชุมนุมร้ายแรงเกินกว่าเหตุ การควบคุมตัวประชาชนโดยไม่ต้องสนใจกระบวนการยุติธรรมปกติ การปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน การปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน รวมไปถึงการส่งกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่ของรัฐสภา เป็นต้น"
"ปิยบุตร"ให้เลิกฉุกเฉิน
นายชัยธวัชระบุว่า ในภาวะเช่นนี้ จึงจำเป็นต้องใช้เวทีรัฐสภาเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติ พรรคก้าวไกลขอเชิญชวนให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรร่วมกันลงชื่อขอให้เปิดการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญโดยเร็วที่สุด เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาได้ตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร และใช้ระบบรัฐสภาในการหาทางออกจากปัญหาการเมืองโดนสันติ
ที่ชั้น 5 อาคารไทยซัมมิท นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า จัดแถลงข่าวความเห็นต่อการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และการดำเนินคดีกรณีขบวนเสด็จฯ
นายปิยบุตรกล่าวว่า การชุมนุม 3 ครั้งที่ผ่านมาของนิสิตนักศึกษา ไม่มีเหตุว่ากระทบความมั่นคงของรัฐ มีแต่การตั้งเวทีปราศรัย ผูกโบขาว ชู 3 นิ้ว ร้องรำทำเพลง เดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล ผู้ที่เป็นวิญญูชนมีสติสัมปชัญญะจะเห็นได้ว่าการชุมนุมไม่มีอะไรที่รุนแรง ไม่มีการทำร้ายทรัพย์สินของราชการหรือเอกชนรายใดรายหนึ่ง แล้วเหตุใด พล.อ.ประยุทธ์จึงเลือกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ควรซื่อสัตย์กับตนเอง ควรกล้าหาญ พูดความจริง ว่าที่ท่านประกาศใช้ เพราะตนเองไม่สบายใจเรื่องที่นิสิตนักศึกษาเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ กระทบเสถียรภาพต่อรัฐบาล กระทบเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของตนเอง ซึ่งตนคิดว่านี่คือเหตุผลของ พล.อ.ประยุทธ์มากกว่า
“หากเรายังยอมให้รัฐบาลใช้กฎหมายแบบฟุ่มเฟือย ก็เหมือนเราปล่อยให้รัฐบาลรวบอำนาจเข้าสู่ตัวเอง เหมือนการรัฐประหารโดยไม่ฉีกรัฐธรรมนูญ และไม่ต้องใช้กำลังทหาร พล.อ.ประยุทธ์ทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้งระบบกฎหมายไทยไม่มีการถ่วงดุลใดๆ สภาผู้แทนราษฎรไม่มีอำนาจในการยับยั้งการใช้อำนาจของนายกฯ เลย เคยมีการร้องต่อศาลปกครอง ศาลยุติธรรม ก็ไม่มีการรับฟ้อง การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกของรัฐบาล”
นายปิยบุตรกล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่คิดว่าไม่ควรเกิดซ้ำอีก นั่นคือผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง 6 ต.ค.2519 ตั้งใจกลับมาฉายภาค 2 อีกหรือไม่ เพราะเหมือนมีคนบางกลุ่มอยากให้เกิดซ้ำอีก ชนวนเหตุคือการยุยงปลุกปั่นว่านักศึกษาไม่ต้องการสถาบัน จึงเกิดการสังหารหมู่ที่ธรรมศาสตร์ วันนี้ดูเหมือนว่าต้องการนำขบวนเสด็จฯ มาอ้างในการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องการนำไปดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม ทำให้เกิดความขัดแย้งกันเอง ซึ่งเราทุกคนต้องช่วยกันอย่าให้ผู้กำกับเรื่องนี้ทำได้สำเร็จ ประเทศไทยมีสถาบันพระมหากษัตริย์มายาวนาน เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย ซึ่งเราไม่ควรยอมให้กลุ่มบุคคลหนึ่งนำสถาบันมาเป็นข้ออ้างในการรัฐประหารหรือขัดแย้งกันเอง
ดังนั้นจึงอยากขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในทันที.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |