ฟันอย่างเป็นทางการ! ปปช. ชี้มูล ผู้บริหาร-เอกชน เอี่ยวจัดซื้อแคร์เซ็ตลำพูนแพงเกินจริง


เพิ่มเพื่อน    

นิวัติไชย เกษมมงคล

16 ต.ค.63 - ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงข่าวกรณีเรื่องกล่าวหา นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน กับพวก ร่วมกันทุจริตจัดซื้อชุดของใช้ประจำวัน หรือแคร์เซ็ต วงเงิน 16,343,000 บาท ในโครงการป้องกันผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) โดย จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2563 ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลำพูน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนเป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ลำพูนดำเนินการจัดซื้อชุดแคร์เซ็ต เพื่อสนับสนุนแก่กลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงต่อการติดโควิด จำนวน 27,700 คน ซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป โดยจัดซื้ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคและการทำความสะอาดร่างกาย จำนวน 13 รายการ โดย อบจ.ลำพูน ได้อนุมัติจ่ายขาดเงินสะสม ประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 17,174,000 บาท เพื่อดำเนินการโครงการดังกล่าว โดยไม่มีการสืบหาราคา และไม่มีการพิจารณาของสภา อบจ. แต่ในการขออนุมัติโครงการดังกล่าวได้มีการผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ประกอบด้วย นายดรุณพัฒน์  อินดี รองปลัด อบจ.ลำพูน, นางสุดสงวน  จักร์คำ รองปลัดอบจ.ลำพูน,  นายเสริมชัย  ลี้เขียววงศ์ ปลัดอบจ.ลำพูน,  นายมนู  ศรีประสาท รองนายกอบจ.ลำพูน จนถึงนายนิรันดร์  ด่านไพบูลย์ นายกอบจ.ลำพูน  

โดยข้อเท็จจริงปรากฏว่านายนิรันดร์ และผู้บริหารของ อบจ.ลำพูน ต้องการให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.พี. กรุ๊ป เทรดดิ้ง เป็นคู่สัญญาในการจัดซื้อในโครงการดังกล่าว   และมีการกระทำเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ห้างหุ้นส่วนดังกล่าว ทั้งในขั้นตอนการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะและราคากลาง ซึ่งนายเทวินทร์ วิธี ได้ส่งเอกสารใบเสนอราคาของห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.พี. กรุ๊ป และร้านในกลุ่มเดียวกัน นำมาใช้ในการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะและราคากลางชุดแคร์เซ็ต ในราคาชุดละ 590 บาท โดยไม่ได้มีการสืบราคาในท้องตลาดจริง ส่วนในขั้นตอนการจัดซื้อ คณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีเฉพาะเจาะจง ได้มีหนังสือเชิญไปยังห้างหุ้นส่วนและร้านค้า จำนวน 5 แห่ง ซึ่งเป็นร้านในกลุ่มเดียวกันและมีความสัมพันธ์กับห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.พี. กรุ๊ป โดยมีจำนวน 3 ราย ที่มายื่นเสนอราคาประกอบด้วย ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.พี. กรุ๊ป เทรดดิ้ง, ร้านรุ่งทิพ เอ็นเตอร์ไพร์ท และห้างหุ้นส่วนจำกัด เพิ่มพูนโชค ซึ่งทั้ง 3 ราย ได้เสนอราคารวม 16,343,000 บาท หรือชุดละ 590 บาท เท่ากัน และอบจ.ลำพูนได้เลือกและเร่งรัดให้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.พี. กรุ๊ป ได้เป็นคู่สัญญา ตามบันทึกข้อตกลงซื้อขาย เลขที่ 53/2563 ลงวันที่ 7 เม.ย. 2563 โดยนายกำธร เนตรผาบ รองนายกอบจ.ลำพูน ปฏิบัติราชการแทนนายกอบจ.ลำพูน เป็นผู้ลงนามอนุมัติ  

นายนิวัติไชย กล่าวว่า สำหรับราคาชุดแคร์เซ็ต 13 รายการนั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่าราคาต้นทุนของห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.พี. กรุ๊ป เทรดดิ้ง มีต้นทุนของราคาสินค้าชุดละประมาณ 234.24 บาท และจากการสืบราคาจากห้าง/ร้าน ที่จำหน่ายสินค้าในจังหวัดลำพูน จำนวน 25 ร้านค้า พบว่ามีราคาเฉลี่ยเพียงชุดละ 315.45 บาท ดังนั้น การจัดซื้อของ อบจ.ลำพูน จึงเป็นการจัดซื้อในราคาที่สูงกว่าในท้องตลาดและทำให้ อบจ.ลำพูนได้รับความเสียหาย เป็นเงินประมาณ 7.6 ล้านบาท นอกจากนั้นยังพบอีกว่าในการจัดซื้อตามโครงการกำหนดให้จัดซื้อพร้อมบรรจุเป็นชุด แต่ในการดำเนินการจริงๆปรากฎว่ามีการปรับปรุงแก้ไขให้จัดซื้อเป็นรายชิ้นโดยไม่รวมการบรรจุ จนเป็นเหตุให้หลังจัดซื้อแล้ว อบจ.ลำพูน ต้องไปจ้างบริษัทเอกชนมาบรรจุอีกครั้ง เสียงบประมาณอีก 42,000 บาท ทั้งที่การจัดซื้อครั้งนี้น่าจะเป็นวงเงินงบประมาณเดียวกัน แต่เท่ากับว่า อบจ.ลำพูนต้องเสียเงินสองต่อ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าในการเบิกจ่ายมีการแสวงหาผลประโยชน์จากงบช่วยเหลือโควิด          

ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของนายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์, นายกำธร  เนตรผาบ,  นายมนู ศรีประสาท,  นายเสริมชัย  ลี้เขียววงศ์, นางสุดสงวน  จักร์คำ และนายดรุณพัฒน์  อินดี มีมูลความผิดฐานเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, มาตรา 157 และเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10, มาตรา 12 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172  นอกจากนี้การกระทำของนายนิรันดร์, นายกำธร และนายมนู ยังมีมูลความผิดฐานมีพฤติการณ์การกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลย ไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 77  และการกระทำของนายเสริมชัย, นางสุดสงวน และนายดรุณพัฒน์ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย พ.ศ. 2558 ข้อ 7, 10 อีกด้วย  

สำหรับห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.พี. กรุ๊ป, น.ส.ณัฐวรรณ  รัตนคำนวณ หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.พี. กรุ๊ป, นายเทวินทร์  วิธี, ห้างหุ้นส่วนจำกัด เพิ่มพูนโชค, นายนิกร  ญาณโรจน์ หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด เพิ่มพูนโชค, และนางรุ่งทิพ  ทุนอินทร์ เจ้าของร้านรุ่งทิพ เอ็นเตอร์ไพร์ท มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐในความผิดดังกล่าวข้างต้น และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 โดยให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ดำเนินการหาผู้รับผิดทางละเมิดต่อไป  

เมื่อถามว่า ในพื้นที่อื่นที่ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.ได้สั่งให้ ป.ป.ช.จังหวัดเข้าไปเฝ้าระวังการทุจริตงบช่วยเหลือโควิดมีข้อมูลการทุจริตเกิดขึ้นหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า มีในจังหวัดสมุทรปราการ ที่ อบจ.สมุทรปราการมีการจัดซื้อเจลขวด ก็ได้ประสานงานให้จังหวัดเร่งดำเนินการ และในส่วนจังหวัดอื่นๆ ที่ต้องเฝ้าระวังก็ต้องเร่งดำเนินการ ยืนยันว่าทุกเรื่องกำลังเร่งดำเนินการเพราะ เรื่องงบประมาณช่วยเหลือโควิดเป็นเรื่องสำคัญ การหากินกับผู้ป่วยหรือหากินกับคนที่ได้รับผลกระทบกับโควิดเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"