ทหารตรึงกำลังคุ้มกันเข้มรัฐสภารับสถานการณ์ฉุกเฉิน  "พรเพชร" สั่งใช้มาตรการ รปภ.ขั้นสูงสุด ฝ่ายมั่นคงขอ กมธ.แก้รธน.งดประชุม 2 วัน "โรม" โวยบรรยากาศคล้ายก่อนรัฐประหารปี 57

    เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ภายหลังรัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ในเวลา 04.00 น. เป็นต้นไปนั้น ปรากฏว่าได้มีเจ้าหน้าที่ทหารทยอยเดินทางมาอารักขาความปลอดภัยของสถานที่ราชการที่สำคัญ โดยตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีการเพิ่มการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐสภา ประสานกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 จำนวน 100 นาย มารักษาความปลอดภัยพื้นที่อาคารรัฐสภา และจะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตลอดทั้งวัน รวมถึงทางเข้า-ออกในจุดอื่นๆ อาทิ บริเวณทางเข้ารัฐสภาฝั่งวัดแก้วฟ้า และย่านท่าเรือเกียกกาย ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารยืนรักษาความปลอดภัยด้วยเช่นกัน
    ด้านนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้ส่งข้อความแจ้งสมาชิกวุฒิสภาผ่านไลน์กลุ่มว่า ได้สั่งการให้เลขาธิการวุฒิสภาใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่อาคารสุขประพฤติ ถนนประชาชื่น ขั้นสูงสุด ดังนี้ 1.สมาชิกวุฒิสภา เจ้าหน้าที่ และผู้ติดตามประจำตัวต้องติดบัตรแสดงตนในการเข้ามาและระหว่างอยู่ในอาคารทุกท่าน 2.บุคคลภายนอกที่จะเข้ามาในอาคารจะต้องขออนุญาตและมีผู้รับรองและต้องติดบัตรตลอดเวลาที่อยู่ในอาคาร และจะตรวจสิ่งของที่ผู้นั้นนำเข้ามาในอาคารอย่างคุมเข้ม 3.รถยนต์ที่จะนำเข้ามาจอดในบริเวณอาคารจะอนุญาตเฉพาะรถยนต์ของท่านสมาชิกวุฒิสภา ที่ติดบัตรและรถยนต์ราชการของสำนักงานเท่านั้น รถยนต์ที่ฝ่าฝืนเข้ามาจอดโดยไม่ได้แจ้งขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยกไปที่โรงพักหรือสถานที่ที่กำหนด
    4.ขอให้สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทุกคน ช่วยกันสังเกตและดูแลเพื่อมิให้มีบุคคลแปลกปลอมเข้ามาในอาคาร 5.อาคารรัฐสภาเกียกกาย อยู่ในความรับผิดชอบของ สผ.และกองกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว 6.คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิฯ) ได้มอบให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ร่วมกับสำนักงานฯ ในการวางแผนการรักษาความปลอดภัยของอาคารสถานที่และบุคลากร ทั้งที่อาคารสุขประพฤติและที่เกียกกาย โดยจะได้มีการประชุมในวันจันทร์ที่ 19 ต.ค.นี้
    นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ.... ก่อนรับหลักการ เปิดเผยว่า กรรมาธิการฯ งดการประชุม 15-16 ต.ค. เนื่องจากฝ่ายความมั่นคงได้ขอความร่วมมือมาให้ฝ่ายนิติบัญญัติงดการประชุมกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องกับการเมืองก่อน โดยกรรมาธิการฯ จะมีการประชุมกันต่อในสัปดาห์หน้า  
    เมื่อถามว่า ในสัปดาห์หน้าจะเหลือเวลาการประชุมเพียง 3 นัดสุดท้าย กรรมาธิการฯ จะมีการขอขยายระยะเวลาการทำงานเพิ่มหรือไม่นั้น นายอัครเดช กล่าวว่า กรรมาธิการฯ ยังสามารถพิจารณาได้ทันหากบ้านเมืองมีความสงบ และจะไม่ขอขยายระยะเวลาเพิ่ม ซึ่งกรรมาธิการฯ จะเพิ่มเวลาการประชุมในแต่ละวันเพื่อชดเชยการทำงาน  
    นายอัครเดชยังชี้แจงถึงข้อเรียกร้องที่ให้มีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ไม่สามารถดำเนินการได้ทัน เพราะมีขั้นตอน ส.ส.หรือ ส.ว. และทั้ง ส.ส.และ ส.ว.จะต้องเข้าชื่อกันเพื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา และยังมีขั้นตอนการทูลเกล้าฯ ถวายพระราชกฤษฎีกา ที่ต้องใช้เวลาดำเนินการ และตามกำหนด มีพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาสมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ จึงใกล้ถึงเวลาประชุมตามปกติแล้ว
    ทั้งนี้ มีรายงานว่าการประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฯ เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมได้พิจารณารายงานของอนุกรรมาธิการพิจารณาเสนอความเห็นในประเด็นข้อกฎหมาย ซึ่งกรรมาธิการชุดใหญ่ยังมีข้อติดใจในเรื่องการตั้ง ส.ส.ร. มาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะขัดต่อรัฐธรรมนูญเองหรือไม่ เพราะอนุกรรมาธิการฯ ยังไม่มีข้อสรุป และเสนอเพียงความเห็นจากเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อย จึงให้อนุกรรมาธิการฯ กลับไปพิจารณาให้ชัดเจน และมาเสนอต่อที่ประชุมใหม่ในสัปดาห์หน้า ซึ่งการหารือครั้งนี้เลิกประชุมเร็วขึ้น จากปกติ 3 ชั่วโมง เหลือเพียงราวชั่วโมงครึ่ง เนื่องจากฝ่ายความมั่นคงขอความร่วมมือมา
    ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “เช้านี้ (15 ต.ค.63) มีทหาร 100 กว่านาย ได้เข้าไปประจำการที่รัฐสภา ทั้งบริเวณด้านหน้าทางเข้า-ออก และเดินตรวจตราภายในลานจอดรถ โดยอ้างว่ามาเฝ้าระวังป้องกันรัฐสภา ทั้งๆ ที่ผู้ชุมนุมนัดหมายกันช่วงเย็นที่แยกราชประสงค์ ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเคลื่อนย้ายมาแถวเกียกกายเลย สถานการณ์เช่นนี้คล้ายกับสถานการณ์ก่อนเกิดรัฐประหารปี 2557 ผมหวังว่าจะไม่มีคนคิดสั้นนะครับ”.