หุ้นไทยปิดลบ 21 จุด รับแรงขายกังวลการเมืองในประเทศ หลังประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขต กทม. โบรกฯ ชี้หากชุมนุมยืดเยื้อ หวั่นกระทบโฟลว์ต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง "อาคม" เชื่อฝ่ายมั่นคงคุมสถานการณ์อยู่ ชี้ชุมนุมยืดเยื้อธุรกิจเจ๊ง
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การซื้อขายหุ้นไทยวันที่ 15 ตุลาคม 2563 ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,242.96 จุด ลดลง 21.03 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 1.66% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 54,209.15 ล้านบาท โดยระหว่างวันมีแรงขายออกมาในช่วงบ่ายต่อเนื่อง กดดันดัชนีปรับลดลงต่ำสุด 23.24 จุด หรือ 1.83% อยู่ที่ 1,240.75 จุด ทั้งนี้ มาจากนักลงทุนมีความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศจากการชุมนุมทางการเมือง หลังจากมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงแรงมาจากความไม่แน่นอนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ ที่คาดว่าจะออกมาล่าช้าและไม่ทันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี รวมถึงการเมืองในประเทศที่มีการชุมนุมและประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ มองว่าหากการชุมนุมไม่มีความรุนแรง แต่มีความยืดเยื้อ จะส่งผลต่อการบริโภคในประเทศ และกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติไม่ไหลกลับเข้ามา อีกทั้งยังไหลออกอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากในอดีตที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เงินทุนต่างชาติมักจะเป็นลบเสมอ
ปัจจัยที่ต้องติดตามนอกจากพัฒนาการของการชุมนุม ยังต้องติดตามผลการเจรจาออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ภายในสัปดาห์นี้ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปที่กลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง โดยคาดดัชนีหุ้นไทยแนวรับอยู่ที่ 1,230 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดเดิมของเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,260 จุด หากดัชนีหุ้นลดลงหลุดแนวรับที่ 1,230 จุด ถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเก็งกำไร
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้ภาคเอกชนกำลังจับตาสถานการณ์ชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎรอย่างใกล้ชิด ว่าจะบานปลายหรือไม่ เวลานี้ยังเชื่อว่ารัฐบาลน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้อยู่ หากควบคุมสถานการณ์ได้ ก็จะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน แต่ถ้าบานปลาย เริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น จะกระทบกับความเชื่อมั่น และซ้ำเติมสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างแน่นอน ซึ่งอยากให้รัฐบาลพิจารณาว่าข้อเรียกร้องเรื่องไหนของกลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม ก็อยากให้นำมาพิจารณา ส่วนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงนั้น หากทุกอย่างเข้าสู่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยากให้รัฐบาลเร่งยกเลิกประกาศ เพื่อให้สถานการณ์ทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ และสร้างความชัดเจนให้กับนักลงทุน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครนั้น เป็นการดำเนินการในเฉพาะพื้นที่ เป็นความจำเป็นที่รัฐบาลต้องดูแลสถานการณ์ ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการชุมนุมจะมีผลต่อความเชื่อมั่นเศรษฐกิจหรือไม่ เพราะมีการขยายพื้นที่ชุมนุมมายังราชประสงค์ ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ รมว.การคลังระบุว่า เรื่องนี้ฝ่ายความมั่นคงดูแลอยู่แล้ว อย่างที่เคยชี้แจง การชุมนุมต่อเนื่อง แต่การทำธุรกิจก็หยุดไม่ได้
ส่วนประเมินผลกระทบในระยะยาวหรือไม่ นายอาคมกล่าวว่า มองยาก อย่าให้คาดการณ์ ขอดูเรื่องงานของเราดีกว่า.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |