ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net "โดยที่ปรากฏว่ามีบุคคลหลายกลุ่มได้เชิญชวน ปลุกระดม และดำเนินการให้มีการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะในกรุงเทพมหานคร โดยใช้วิธีการและช่องทางต่างๆ ก่อให้เกิดความปั่นป่วน วุ่นวาย และความไม่สงบเรียบร้อยของประชาชน มีการกระทำที่กระทบต่อขบวนเสด็จพระราชดำเนิน มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำที่มีความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวิตหรือทรัพย์สินของรัฐ หรือบุคคล อันมิใช่การชุมนุมโดยสงบที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อีกทั้งยังกระทบโดยตรงต่อสัมฤทธิผลของมาตรการควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อันส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ในภาวะเปราะบาง กรณีนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขกรณีดังกล่าวให้มีการยุติได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที เพื่อให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย และรักษาความสงบเรียบร้อยและประโยชน์ส่วนรวม" ตีสี่ "นายกฯประยุทธ์" ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ส่งสัญญาณไฟเขียวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนเปิดปฏิบัติการเช้ามืดกระชับพื้นที่การชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล พร้อมจับกุมแกนนำกลุ่มคณะราษฎร ก่อนจะเสร็จสิ้นในเวลา 05.30 น.
๐ ในช่วงสายวันพฤหัสฯ ทำเนียบรัฐบาลก็กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ "บิ๊กตู่" มาถึงประมาณ 10 โมงเช้า รอต้อนรับนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มีกำหนดการเข้าเยี่ยมคารวะ ซึ่งก่อนหน้านี้มีแผนสำรองจะย้ายสถานที่ไปยังกระทรวงกลาโหมแทน แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลายเร็วก็ใช้ตึกไทยคู่ฟ้าตามเดิม โดยนายกฯ มีสีหน้านิ่งๆ ไม่ได้อารมณ์ดี แต่ก็ไม่เครียด หลังจากรับแขกเสร็จก็นั่งทำงานที่ตึกไทยฯ กระทั่งเวลา 16.40 น. จึงเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อกลับบ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อทำเนียบฯ เช่นเดียวกันกับรัฐมนตรีคนอื่นๆ อย่างนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ทำงานเสร็จก็เลี่ยงสื่อออกทางด้านหลังตึกบัญชาการ 1 แม้แต่ "เสี่ยแฮงค์" อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ขาประจำที่ตอบสื่อทุกประเด็น ยังให้เจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าวันนี้ของด ส่วน "บิ๊กป้อม" ซึ่งนายกฯตั้งให้เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ก็ไปนั่งบัญชาการเหตุการณ์อยู่ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ มีเพียงคนเดียวที่ให้ข่าววันนี้ก็คือ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกรัฐบาลที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้มาแถลงผลหารือกับนายหวัง อี้ เท่านั้น แว่วมาว่าช่วงนี้ให้ทุกคนงดให้ข่าว เพราะกลัวว่าเป็นการยั่วยุทางการเมือง
๐ ครั้งแรกของ "เพนกวิน" พริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่นอนคุก ถึงจะเคยถูกจับมาแล้วก็ตาม ช่วงกลางเดือน ส.ค. โดยตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ดำเนินคดี 8 ข้อหา กรณีปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 18 ก.ค. แต่ที่ต่างกันก็คือ คราวก่อนศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่ครั้งนี้ศาลไม่ให้ประกันตัว และส่งไปฝากขังที่เรือนจำธัญบุรี พร้อมกับอีก 2 แกนนำ "รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล" กับนายณัฐชนน ไพโรจน์ ซึ่งน่าจะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกเช่นเดียวกัน ไม่เหมือนทนายอานนท์ นำภา ที่เคยแวะเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในช่วงต้นเดือน ก.ย. หลังศาลถอนประกันตัว เนื่องจากทำผิดเงื่อนไขประกันตัว เพียงช่วงสั้นๆ 4 วันก่อนที่ตำรวจจะยื่นศาลขอยกเลิกฝากขัง โดยรอบนี้ถูกส่งเข้าเรือนจำกลางเชียงใหม่ พร้อมกับประสิทธิ์ คุรธาโรจน์ เที่ยวนี้จะนานกว่าเดิมนานแค่ไหนยังไม่รู้ แต่ที่โดนข้อหาหนักสุดไม่ใช่แกนนำคณะราษฎร กลับกลายเป็น "เอกชัย หงส์กังวาน" และ "บุญเกื้อหนุน เป้าทอง" ถูกหมายจับข้อหาประทุษร้ายต่อเสรีภาพพระราชินี เพราะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า "ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบหกปีถึงยี่สิบปี ผู้ใดพยายามกระทำการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน ถ้าการกระทำนั้นมีลักษณะอันน่าจะเป็นอันตรายแก่พระชนม์หรือชีวิต ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต" ล่าสุดเอกชัยได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวแล้วว่า "พรุ่งนี้ตำรวจจะมารับตัว 9 โมงเช้า".
ลี้คิมฮวง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |