15 ต.ค. 2563 นายอัฐพล จิรวัฒน์จรรยา รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เปิดเผยในงานสัมมนาทิศทางและแผนยุทธศาสตร์ กนอ. ประจำปีงบประมาณ 2564 ว่า กนอ.จะเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ กนอ. ระยะ 5 ปี(2564-68) วงเงินลงทุนประมาณ 60,000-70,000 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนกนอ.ให้เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนการลงทุนของประเทศให้สอดรับเทคโนโลยี 5 จีเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เป็นเทรนด์ของทั่วโลก ส่งผลให้นิคมอุตสาหกรรมของไทยติดอันดับ 1 ใน 3 ของอาเซียน ซึ่งปัจจุบันสิงคโปรเป็นอันดับหนึ่ง มาเลเซียอันดับสอง และไทยอันดับสามแต่ไม่นิ่งเพราะเวียดนามและฟิลิปปินส์ก็มีการพัฒนาต่อเนื่องเช่นกัน 

"วงเงินลงทุนของกนอ.ช่วง 5 ปี ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในท่าเรือมาบตาพุดเฟส3 ขณะที่ปีงบประมาณ 2564 อยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนนิคมฯสมาร์ทปาร์คช่วงเริ่มก่อสร้าง 800 ล้านบาท ลงทุนด้านดิจิทัล 200 ล้านบาท และอื่นๆ 200 ล้านบาท"นายอัฐพลกล่าว 

นายอัฐพล กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือกับผู้พัฒนาเทคโนโลยี 5 จีในนิคมอุตสาหกรรม เบื้องต้นตามยุทธศาสตร์นี้กนอ.จะนำ 5 จีมาพัฒนานิคมฯของกนอ.รวม 5 แห่ง ประกอบด้วย นิคมฯมาบตาพุด นิคมฯแหลมฉบัง นิคมฯบางปู นิคมฯลาดกระบัง นิคมฯภาคเหนือ รองรับการลงทุนอในอุตสาหกรรมเป้าหมาย(เอส-เคิร์ฟ) ขณะที่นิคมฯของภาคเอกชนอยู่ระหว่างการพัฒนาเช่นกัน  

นายอัฐพล กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมปัจจุบันถือว่าผ่าจุดต่ำสุดในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม2563 หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ล่าสุดในช่วงไตรมาส3 ของปีนี้(กรกฎาคม-กันยายน2563) มีการลงทุนตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่รวม 3 แห่ง วงเงินลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นล้านบาท จ้างงานประมาณ 6 หมื่นคน โดยนักลงทุนญี่ปุ่นยังเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือนักลงทุนจีน  

"ปัญหาการเมืองในขณะนี้ถือเป็นปัญหาระยะสั้น ไม่ได้ส่งผลต่อการลงทุนของไทยมากนัก เพราะนักลงทุนโดยเฉพาะญี่ปุ่นมีความเข้าใจ อยู่เมืองไทยมานาน เข้าใจสถานการณ์ เพราะการเมืองไทยมีการเปลี่ยนแปลงมีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้น"นายอัฐพลกล่าว