‘บิ๊กตู่’ไม่ออกไม่กลับ คณะราษฎรดี๊ด๊ายึดทำเนียบฯ


เพิ่มเพื่อน    

 

ม็อบคณะราษฎร 2563 เลื่อนเวลาชุมนุมตั้งแต่ 8 โมงเช้าที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ใส่เสื้อดำปะทะกลุ่มเสื้อเหลืองเป็นนำจิ้ม ก่อนเคลื่อนไปปักหลักข้างทำเนียบรัฐบาล ตะโกนลั่น "ประยุทธ์ออกไปๆ" "อานนท์" ประกาศอยู่กันยาวๆ มีบิ๊กเซอร์ไพรส์ไม่สิ้นสุด  "พระราชินี-เจ้าฟ้าทีปังกรฯ" เสด็จฯ ผ่านทำเนียบฯ มวลชนเสื้อดำชู 3 นิ้วตะโกน "ชาติ ศาสนา ประชาชน" ขณะที่กลุ่มเสื้อเหลืองเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" ด้าน "ไผ่ ดาวดิน" อ่วม! โดนแจ้ง 12 ข้อหาพร้อมพวกอีก 19 คน ส.ส.ก้าวไกลใช้ตำแหน่งประกันตัว แต่ศาลยกคำร้องส่งนอนเรือนจำ

    เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม การนัดหมายชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร 2563 ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ได้ประกาศเลื่อนการชุมนุมเร็วขึ้นเป็นเวลา 08.00 น. จากกำหนดเดิม 14.00 น. เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่เข้ายึดพื้นที่ไม่ให้เข้า และได้เกิดการปะทะกับกลุ่มเสื้อเหลืองเล็กน้อย ก่อนเคลื่อนไปปักหลักที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล
     ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร., พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงมาตรการการรักษาความสงบเรียบร้อยของกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดย พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า ช่วงเย็นวันที่ 13 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมผู้ชุมนุมจำนวน 21 ราย เนื่องจากมีการจัดการชุมนุม ตั้งเต็นท์ชุมนุมในที่สาธารณะ จอดรถบริเวณที่เกิดเหตุ มีการปิดเส้นทางจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาต
    "ที่สำคัญเจ้าหน้าที่มีการแจ้งเตือนให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากพื้นผิวจราจรเพื่อให้ประชาชนได้สัญจรไปมาตามปกติ แต่ผู้ถูกจับกุมขัดขืน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานตามหน้าที่ของกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ อีกทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมยังได้มีการมั่วสุม ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และก่อให้เกิดความวุ่นวาย ทั้งใช้สีน้ำสาดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้พื้นถนนเละเทอะไม่ได้รับความสะดวกในการใช้พื้นที่สาธารณะ ละเมิดสิทธิประชาชนในภาพรวม"
      พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งเตือน แต่ไม่เป็นผล เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เป็นความผิดซึ่งหน้า เป็นความจำเป็นในบริบทพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลายและรุนแรงจึงต้องเข้าควบคุมตัว โดยส่งให้พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ดำเนินคดี โดยแจ้งข้อหา 10 ข้อหา ส่วนกรณีที่แกนนำจัดชุมนุมหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน ใครทำผิดข้อหาใดบ้าง เจ้าหน้าที่มีการบันทึกรายละเอียดไว้ทั้งหมด
    ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 เวลา 12.00 น.รถควบคุมผู้ต้องหาของ บก.น.6 จำนวน 1 คัน ได้เดินทางเข้าไปด้านใน โดยที่ป้อมรักษาการณ์ 1 ได้มีการเพิ่มกำลังในการตรวจบุคคลเข้า-ออกด้านใน
     เวลา 12.17 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ, นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย, นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ส.ส.เพื่อไทย เดินทางมาเพื่อจะขอเข้าเยี่ยมกลุ่มผู้ถูกคุมตัวที่ด้านใน จากนั้นเวลา 12.45 น. คณะทั้งหมดได้เดินทางออกมา โดยนายประเสริฐเปิดเผยว่า จากที่เข้าไปพบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัวมา มีน้องๆ ที่ได้รับอาการบาดเจ็บ จากการเข้าคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ทุกคนมีขวัญและกำลังใจดี มีทางสภาทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เข้ามาอยู่ด้วย และช่วยในเรื่องของกฎหมาย ส่วนในเรื่องการประกันตัวนั้น ทาง ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้เตรียมตำแหน่งไว้คอยช่วยในการประกันตัวแล้ว
    ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า วันนี้จะมาร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมใหญ่ เพราะจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ที่มีการสลายการชุมนุม ก็มีคำถามมากมาย ทั้งประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชน ความยุติธรรมและสิทธิของประชาชน อีกทั้งวานนี้ในฐานะผู้แทนประชาชนก็ได้ร่วมกับ ส.ส.พรรคก้าวไกลอีก 2 คน คือ น.ส.เบญจาและนายธัญญ์วาริน ไปร่วมกันประกันตัว 21 แกนนำ
     เมื่อเวลา 13.09 น. รถควบคุมผู้ต้องหาได้ขับเคลื่อนออกมาจาก บก.ตชด.ภ.1 โดยได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 19 คนไปส่งยังศาลแขวงดุสิต โดยภายในรถมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไป เวลา 13.24 น. ได้มีรถควบคุมผู้ต้องขังของ สน.สำราญราษฎร์ขับออกมา โดยที่ด้านหลังมีไผ่ ดาวดิน เมื่อเจ้าหน้าที่ขับรถผ่านประตูออกมา ไผ่ ดาวดิน ได้ตะโกน "ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ" ตลอดทาง
"ไผ่ ดาวดิน" นอนเรือนจำ
      ต่อมาเวลา 14.40 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ได้คุมตัวนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” เเกนนำกลุ่มคณะราษฎร มายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกต่อศาลเป็นเวลา 12 วัน ตั้งเเต่วันที่ 14-25 ต.ค. โดยผู้ต้องหามีสีหน้ายิ้มเเย้ม ชู 3 นิ้วระหว่างถูกควบคุมตัว
    สำหรับข้อกล่าวหาที่แจ้งแก่นายจตุภัทร์ มีทั้งหมด 12 ข้อหา สำหรับผู้ต้องหารายอื่นอีก 19 คน ได้ถูกแยกไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาลแขวงดุสิต ใน 10 ข้อหา เนื่องจากแต่ละข้อหามีอัตราโทษไม่เกิน 3 ปี ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 รายที่เป็นเยาวชนยังไม่ถูกแจ้งข้อหาเนื่องจากต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.เยาวชนฯ ก่อนจะมีการเเจ้งข้อหาได้
    ขณะที่ศาลไต่สวนคำร้องและคำคัดค้านฝากขังของผู้ต้องหาศาลอนุญาตให้ฝากขังได้ ส่วนที่ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องของปล่อยชั่วคราว โดยมี ส.ส.พรรคก้าวไกลคนหนึ่งเป็นนายประกันนั้น ต่อมาเมื่อเวลา 18.30 น. ศาลอาญาได้พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่าพฤติการณ์ของผู้ต้องหามีลักษณะเป็นการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวก็อาจจะไปมีพฤติการณ์ในลักษณะเช่นเดียวกันอีก ประกอบกับพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวด้วย ศาลจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ต้องหาที่ขอปล่อยชั่วคราวดังกล่าว
    ภายหลังที่ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวไผ่ ดาวดิน แล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปขังยังเรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างการฝากขังต่อไป
     สำหรับบรรยากาศบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หน้าร้านแมคโดนัลด์ เวลาประมาณ 08.00 น. กลุ่มมวลชนคณะราษฎร 2563 ประมาณ 200 คน เริ่มเข้าจับจองพื้นที่บนทางเท้า ขณะที่กองงานมวลชนอาสา หรือ e-volunteer ทั้งชายและหญิงสวมปลอกแขนสีเขียวสะท้อนแสง ลงพื้นที่กระจายตัวในจุดต่างๆ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กลุ่มผู้ชุมนุมในเวลาเดียวกันชาวบ้านตั้งเต็นท์ขนาดเล็กเพื่อกันแดดฝน
    จากนั้นเวลาประมาณ 09.00 น. นายอานนท์ นำภา แกนนำ มาถึงเวทีชั่วคราวหน้าร้านแมคโดนัลด์ ก่อนขึ้นเวทีพูดบนเวทีย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง พร้อมระบุ "คนที่สลายชุมนุมมีคนเดียว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ห้ามปะทะ อ้างมีกลุ่มคนจัดตั้งมวลชนมาปะทะ"
    จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนย้ายเต็นท์ลงมาบนพื้นผิวถนน บริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อขยายพื้นที่การชุมนุม ก่อนประกาศขยับเวทีชั่วคราวลงพื้นที่ถนนทีละหนึ่งเลนถนน โดยดูในช่วงการจราจรเบาบางเพื่อเข้าถึงพื้นที่ใจกลางอนุสาวรีย์ฯ เพื่อไปถ่ายรูปกับดอกไม้ ต้นไม้ และนำกระถางคืน กทม.
    นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง กล่าวปราศรัยช่วงหนึ่งย้ำเป้าหมายหลักสิ่งที่ต้องทำ คือการไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และพวกพ้องให้กลับไป เลี้ยงหลานที่บ้าน เพราะตั้งแต่ยึดอำนาจมา ทำให้บ้านเมืองสงบยันเศรษฐกิจ นอกจากนี้ เราจะต้องช่วยเพื่อนทั้ง 21 คนที่ถูกจับกุมออกมา โดยจะมีการเคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อให้รู้ว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์หมดความสามารถ
"เพนกวิน"ปราศรัยห้าว!
    ต่อมา เวลา 10.50 น. รถเครื่องเสียงตำรวจเข้ามาเพื่อจะประกาศเรื่องการชุมนุมผิดกฎหมาย ถูกผู้ชุมนุมเข้าล้อมไล่ออกจากพื้นที่ชุมนุมไป ขณะที่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.เดินทางเข้าสังเกตการณ์เหตุการณ์ พร้อมขอพูดคุยกับแกนนำบนรถปราศรัย ก่อนถูกมวลชนโห่ไล่ ซึ่งระหว่าง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กำลังเดินทางออกนอกพื้นที่ ถูกมวลชนไม่ทราบตัวตนฉีดสีสเปรย์และขว้างแก้วน้ำแข็งใส่จนเกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อย
    ช่วงเที่ยง เจ้าหน้าที่ได้นำแบริเออร์ แผงกั้นเหล็ก และรถบัสประจำทาง 15 คัน มาจอดกั้นเส้นทาง ปิดถนนราชดำเนินบริเวณเชิงสะพานผ่านฟ้าฯ มุ่งหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า
    เวลา 13.00 น. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ปราศรัยว่า เป็นเวลา 6 ปีที่เราต้องอาศัยเงามืดของระบอบเผด็จการ แต่วันนี้ความจริงประจักษ์ชัดต่อหน้าตนและประชาชน เราเคยคิดว่าเราออกมาต่อสู้กับเผด็จการทหาร แต่เมื่อถึงเวลาความจริงประจักษ์ชัดว่าเผด็จการนี้ไม่ใช่เผด็จการทหาร แต่เป็นเผด็จการเยอรมนี เป็นระบอบศักดินาที่ครอบงำเราอยู่ หลักฐานที่แสดงความอ่อนแอของศักดินาในวันนี้ คือการขนคนใส่เสื้อสีเหลืองนั่งรถขยะมา
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายพริษฐ์ปราศรัยช่วงนี้ ปรากฏว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนจะลุกเพื่อเคลื่อนขบวน หลังจากเริ่มมีเหตุการณ์ยั่วยุระหว่างผู้ชุมนุมและกลุ่มคนสวมเสื้อเหลืองที่ชุมนุมหน้าร้านเมธาวลัยศรแดง โดยมีการขว้างปาสิ่งของ ตะโกนด่าทอ แต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งยืนเป็นแนวกั้นขวางเอาไว้ จึงยังไม่มีเหตุรุนแรง
    ขณะที่แกนนำทั้งนายพริษฐ์และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล  หรือรุ้ง แกนนำพูดผ่านเครื่องขยายเสียงสั่งให้ผู้ชุมนุมกลับมาอยู่ในที่ตั้ง ขอให้เชื่อใจ เชื่อมั่นในพวกเรา อย่าไปไหน จะยังไม่มีการเคลื่อนขบวนใดๆ ทั้งสิ้น หากผู้ชุมนุมไม่เดินกลับมา เจ้าหน้าที่อาจจะเข้ามาสลายการชุมนุมหน้าเวทีได้ ทำให้ผู้ชุมนุมทยอยเดินกลับเข้าที่ตั้ง ทั้งนี้ ระหว่างเหตุชุลมุนมีผู้ชุมนุมบางส่วนเป็นลม จึงมีการเรียกรถพยาบาลมาเข้าช่วยเหลือในเบื้องต้น
    เวลา 13.30 น. ภายหลังแกนนำบนเวทีปราศรัยให้แนวร่วมคณะราษฎรที่ปักหลักชุมนุมบริเวณโรงเรียนสตรีวิทยาเข้าไปยังพื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีแนวร่วมบางส่วนฝ่าแนวกระถางต้นไม้เข้าไปยังอนุสาวรีย์ฯ โดยรื้อต้นไม้รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อขยายพื้นที่ชุมนุม และพ่นสเปรย์ข้อความต่างๆ เกลื่อนถนน อาทิ เรียกร้องแก้ รธน. ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้กลุ่มคนเสื้อเหลืองที่ปักหลักอีกฝั่งของถนนราชดำเนินชุมนุมหน้าร้านเมธาวลัยศรแดงจำนวนหนึ่งวิ่งกรูข้ามถนนไปด้วยความไม่พอใจ เป็นเหตุให้นายตำรวจที่อยู่บริเวณดังกล่าวต้องวิ่งวุ่นเข้าไปห้ามปราม พร้อมประกาศผ่านรถขยายเสียงร้องขอให้กลับไปที่ตั้ง แต่ก็ยังมีแนวร่วมคณะราษฎรบางคนอารมณ์ค้างตะโกนด่าทอ บางคนได้ปาขวดน้ำเข้าไปด้วย แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์บานปลาย
    สำหรับบรรยากาศทำเนียบรัฐบาล ข้าราชการทำเนียบฯ ยังคงเดินทางมาทำงานตามเวลาปกติ แต่ดูจำนวนบางตาลง    เมื่อเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 3 ได้นำแบริเออร์และลวดหนามสูง 3 ชั้นวางบริเวณถนนลูกหลวง เชิงสะพานเทวกรรมรังรักษ์ ซึ่งเป็นทางเข้าทำเนียบฯ ฝั่งประตูอรทัย พร้อมวางกำลังเจ้าหน้าที่ 1 กองร้อยดูแลความเรียบร้อย ส่วนแยกที่ผ่านไปนางเลิ้งใช้ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) 1 กองร้อย นอกจากนี้ยังให้ ตชด.สแตนด์บายที่บริเวณสำนักงาน ก.พ.ร. ฝั่งตรงข้ามทำเนียบฯ ด้วย
    ทั้งนี้ ทำเนียบฯ ยังได้ตั้งวอร์รูมมอนิเตอร์สถานการณ์การชุมนุมตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีนายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นประธาน ในช่วงบ่ายบรรดาข้าราชการได้เริ่มทยอยเดินทางกลับ โดยเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงานในทำเนียบฯ ได้ขนเอกสารสำคัญกลับไปด้วย
ม็อบปักหลักทำเนียบฯ
    เมื่อเวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศเคลื่อนขบวนออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิไตยมายังทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลได้แจ้งให้สื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องออกจากทำเนียบรัฐบาลทั้งหมด จากนั้น?ได้มีการประตูเข้า-ออกทำเนียบฯ ทั้งหมด? ทำให้ไม่มีใครอยู่ปฏิบัติภารกิจในทำเนียบฯ แล้ว? มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า? หลัง พล.อ.ประยุทธ์? จันทร์โอชา? นายกรัฐมนตรี?และ รมว.กลาโหม? และคณะรัฐมนตรี ที่เดินทางไปทำกิจกรรมจิตอาสาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์? ในพระ บรมราชูปถัมภ์? จ.ปทุมธานี เสร็จสิ้น?ในช่วงเที่ยง? ไม่ได้เดินทางกลับเข้ามายังทำเนียบฯ?
    ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ได้มอบหมายให้ พล.อ.ธรรมนูญ วิถี ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) เพื่อติดตามสถานการณ์ประจำวัน พร้อมทั้งแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์เฉพาะกิจ ติดตามการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร รวมถึงการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยภาพรวมให้กับประชาชนที่เดินทางมาเฝ้ารอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในช่วงเย็น
    ช่วงเวลา 14.30 น. ตามที่คณะราษฎรนัดเคลื่อนขบวนออกจากอนุสาวรีย์ฯ มีนายตำรวจพูดผ่านเครื่องขยายเสียงขอความร่วมมือคนเสื้อเหลืองไม่ทำการยั่วยุหรือเข้าไปยังบริเวณกลุ่มผู้ชุมนุม จากนั้นมีรถหลายคันของกลุ่มคณะราษฎรเดินทางมาสมทบ พร้อมกับบีบแตรเสียงดังชู 3 นิ้ว ทำให้กลุ่มคนเสื้อเหลืองไม่พอใจต่างตะโกนด่าทอและชูสัญลักษณ์นิ้วเดียวกลับไป
    จากนั้นคณะราษฎรเริ่มเคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาลพร้อมเปิดเพลง "สู้ไม่ถอย" ขณะที่ตำรวจจับมือกันเป็นแนวไม่ให้คนเสื้อเหลืองข้ามไปอีกฝั่งถนน เวลา 14.35 น. ผู้ชุมนุมประจันหน้ากับตำรวจบริเวณแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ผลการเจรจาตำรวจยอมเปิดทาง กลุ่มมวลชนมุ่งหน้าสู่ถนนนครสวรรค์ เลี้ยวซ้ายถนนกรุงเกษม โดยแต่ละแยกมีเจ้าหน้าที่ตั้งแถวไม่ให้มวลชนเลี้ยวเข้าสู่ถนนราชดำเนิน แกนนำได้ขอให้มวลชนเดินไปที่เป้าหมายโดยสงบ หลีกเลี่ยงการปะทะ ใช้ความรุนแรง พร้อมตะโกนไล่ “ประยุทธ์ออกไป”
    เวลา 15.10 น. ขบวนของผู้ชุมนุมเดินถึงแยกนางเลิ้ง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลตั้งแถวที่บนสะพานเทวกรรมฯ บริเวณแยกนางเลิ้ง สกัดกั้นผู้ชุมนุม
    เวลา 15.30 น. มวลชนนำหน้าขบวนรถหยุดที่บริเวณหน้า รวจ ธ.ก.ส. นั่งลงบนพื้นถนน พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและรถบัสของตำรวจที่จอดขวางทางถอยออกไป
    16.10 น. เกิดเหตุผู้ชุมนุมประท้วงบริเวณอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ ถ.พระรามที่ 5 ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตั้งแบริเออร์คอนกรีต โดยผู้ชุมนุมชู 3 นิ้วและตะโกนว่าตำรวจต้องรับใช้ประชาชน นอกจากนี้ยังได้ตะโกนอีกว่า ออกไปๆ พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ถอนการติดตั้ง แกนนำประกาศผลการเจรจา ตำรวจยอมถอยให้ จากนั้นรถบรรทุกขนแบริเออร์บริเวณทางเข้า-ออกทำเนียบฯ ฝั่งอนุเสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ ถ.พระรามที่ 5 ยอมถอย แต่ตำรวจยังคงตั้งแนวสกัดอยู่ น.ส.ปนัสยาขอให้ผู้ชุมนุมหญิงไปรวมตัวกันข้างหน้า
ชูสามนิ้วใส่ขบวนเสด็จฯ
     ขณะที่แยกถนนพิษณุโลก มีมวลชนเสื้อเหลืองตะโกนด่ามวลชนคณะราษฎรที่สวมเสื้อดำประมาณ 50 คน ที่มารอขบวนใหญ่ที่ยังข้ามแผงเจ้าหน้าที่หน้า ธ.ก.ส. นางเลิ้ง มาไม่ได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้ตั้งแถวกั้นเพื่อไม่ให้ปะทะกัน
    เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเสริมที่แนวแผงเหล็ก ก่อนถึงสามแยกที่จะเลี้ยวเข้าถนนพิษณุโลก โดยแนวรับสุดท้ายก่อนเข้าถนนพิษณุโลกเป็นแนวเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงสวมเสื้อเหลือง  
    เวลา 17.20 น. ขบวนเสด็จฯ ในสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ได้เคลื่อนผ่านถนนพิษณุโลก หน้าทำเนียบรัฐบาล ฝั่งสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) มุ่งหน้าผ่านแยกสนามม้านางเลิ้ง เพื่อขึ้นทางด่วนยมราช โดยระหว่างที่ขบวนรถกำลังเสด็จฯ ผ่านสะพานชมัยมรุเชฐ ที่มีเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนหลายร้อยนายยืนคล้องแขนตั้งเป็นแนวกั้นกลุ่มผู้ชุมนุม รถพระที่นั่งต้องหยุดนิ่งชั่วครู่ เพราะมีมวลชนกลุ่มคณะราษฎรบางส่วนที่หลุดเข้ามาอยู่ฝั่งถนนหน้าสำนักงาน ก.พ. ตรงข้ามทำเนียบฯ ก่อนที่ผู้ชุมนุมกลุ่มใหญ่มาถึง
    ระหว่างที่ขบวนรถพระที่นั่งเคลื่อนผ่านได้อย่างช้าๆ โดยมีพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เดินกึ่งวิ่งอารักขาอยู่ด้านข้างรถพระที่นั่ง ได้มีมวลชนลุกฮือพร้อมชูสามนิ้วและตะโกน "ชาติ ศาสนา ประชาชน", "เงินภาษีประชาชน...ออกไป"
    จากนั้น ขบวนเสด็จฯ ผ่านแยกนางเลิ้ง ถนนพิษณุโลก ได้มีมวลชนของกลุ่มเสื้อเหลืองและขบวนจักรยานยนต์ตะโกน "ทรงพระเจริญ" ตลอดขบวนผ่าน โดยสมเด็จพระราชินีทรงแย้มพระสรวล โบกพระหัตถ์ให้ประชาชน ซึ่งขบวนรถพระที่นั่งได้เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ขณะที่กลุ่มสนับสนุนการเคลื่อนไหวของคณะราษฎร สวมเสื้อดำได้ตะโกนด่าว่า "ไอ้ขี้ข้า" ทำให้มวลชนเสื้อเหลืองไม่พอใจ เกิดการโต้เถียงและผลักดันกัน รวมถึงใช้ขวดน้ำขว้างปา แต่มวลชนของคณะราษฎรมีจำนวนมากกว่า จึงได้ลุกฮือขับไล่จนกลุ่มเสื้อเหลืองล่าถอยไปถึงหน้าสนามม้านางเลิ้งเก่า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเข้าควบคุมสถานการณ์ไม่ให้กลุ่มของคณะราษฎรบางส่วนติดตามไป เพราะเกรงจะเกิดการปะทะ
    ต่อมาเวลา 17.48 น. กลุ่มคณะราษฎรได้ฝ่าแนวกั้นของตำรวจได้สำเร็จและทยอยเดินเข้าถนนพิษณุโลก
    ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำการอยู่ในทำเนียบฯ ได้นำลวดสลิงมามัดขึงกับประตูด้านในทำเนียบฯ พร้อมทั้งวางลวดหนามที่กำแพงรั้วด้านในทำเนียบฯ อีกชั้น และนำรถฉีดน้ำแรงดันสูงและรถปั่นไฟมาจอดสแตนด์บายเอาไว้ในกรณีฉุกเฉิน โดยมีเจ้าหน้าที่ตั้งแถวประจำการอยู่ด้านในหลายนาย
    เวลา 18.05 น. รถเครื่องขยายเสียงของแกนนำพร้อมมวลชนประชิดรั้วทำเนียบรัฐบาล ต่อมาเวลา 18.15 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำเนียบรัฐบาล หน้าบริเวณถนนพิษณุโลก เพื่อปักหลักสู่แยกแยกสวนมิสกวัน ประกาศว่า ยึดทำเนียบฯ เป็นที่เรียบร้อย พร้อมประกาศว่า มวลชนมาไม่ต่ำกว่า 2 แสนคน แต่จากการประเมินแล้วมวลชนที่ปักหลักช่วงค่ำประมาณ 2-3 หมื่นคน
    จากนั้น นายอานนท์ นำภา กล่าวว่า "จับจองพื้นที่แล้วนั่งลง วันนี้อยู่กันยาวๆ มีบิ๊กเซอร์ไพรส์อีก เซอร์ไพรส์แบบไม่สิ้นไม่สุดคืนนี้ คุณประยุทธ์โอกาสที่จะออกแบบไม่เสียแรง คุณต้องลาออกทันที ไม่ออกไม่กลับ ประยุทธ์ได้ยินไหม ไม่ออกไม่กลับ พาประเทศมาถึงจุดตกต่ำสุดขีดแล้วประยุทธ์”
    เวลา 19.20 น. ทางทำเนียบรัฐบาลได้แจ้งต่อสื่อมวลชนว่า ในวันที่ 15 ต.ค. ทั้งเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนให้งดเข้าปฏิบัติงานในทำเนียบฯ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า? ตามกำหนดการเดิม? ในวันที่? 15? ต.ค.? เวลา 11.15 น. นายหวัง อี้ (H.E. Mr. Wang Yi) มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน? จะเข้าเยี่ยมคารวะ ?พล.อ.ประยุทธ์? จันทร์โอชา? นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม? ในโอกาสการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล? ทั้งนี้มีรายงาน?ว่าการพบกันจะยังมีอยู่? แต่ยังไม่ได้มีการเปิดเผยสถานที่
    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เวลา 19.00 น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าวมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยการชุมนุมของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าคณะราษฎร 2563 พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า พระราชบัญญัติการชุมนุมในที่สาธารณะห้ามไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมชุมนุมใกล้เคียงบริเวณทำเนียบรัฐบาล แต่ที่ผ่านมาตำรวจประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มผู้ชุมนุมทราบแล้วว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมาย แต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังพยายามฝ่าฝืน ซึ่งตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานไว้ดำเนินคดี ซึ่งกรณีนี้มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
       ในส่วนตัวเลขผู้ชุมนุมนั้น ตำรวจอ้างอิงตามสูตรคิดคำนวณทางวิทยาศาสตร์ พบว่าถนนพิษณุโลกกว้าง 6,000 ตารางเมตร โดยหากใช้สูตรการคำนวณ? พบว่าในเวลาล่าสุดประมาณ 19.00 น. มีผู้ชุมนุมประมาณ 8,000 คน กระจายตัวไม่เต็มพื้นที่  หากกลุ่มผู้ชุมนุมมีการชุมนุมยืดเยื้อ ตำรวจจะมีการปรับแผน โดยมีอำนาจตามกฎหมายรองรับ เช่น กฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะ หรือกฎหมายอาญาอื่นๆ ทั้งนี้ จะพยายามให้กลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักอยู่เพียงแค่แยกมิสกวัน โดยจะมีการประสานเพื่อขอให้อยู่เพียงแค่พื้นที่นี้เท่านั้น.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"