14 ตุลาคม 2563 ที่ “กลุ่มคณะราษฎร 2563” ถือเป็นฤกษ์ดีใช้การชุมนุมใหญ่เสนอเงื่อนไข 3 ป. “ปลด-เปิด-ปฏิรูป” โดย หวังใช้ประวัติศาสตร์ 14 ตุลาคม 2516 เป็นต้นธารนั้น บอกได้ว่าต่างกันอย่างมาก เหมือนที่ “จตุพร พรหมพันธุ์” ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ  (นปช.) ได้ตอกย้ำหลายครั้ง ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “ภูมิรัฐศาสตร์” ที่แตกต่างกัน จึงควรลดเพดานเหลือข้อเดียวคือ “ปลดประยุทธ์” และเลื่อนวันชุมนุม ...๐

สุดท้ายเสียงของ “ตุ๊ดตู่” ก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของแกนนำผู้ชุมนุม เพราะยังชุมนุมตามวันเดิม แต่ได้ขยับเวลาขึ้นจาก 14.00 น. มาเป็น 08.00 น. โดยอ้างเหตุผลจากกรณีการชุมนุมหน้าร้านแมคโดนัลด์ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไป 21 คน  ทั้งที่ความจริงคงเป็นไปอย่างที่ “ณัฏฐา มหัทธนา” หรือ โบว์ แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัว ที่เป็นการตัดพ้อถึง “คนวุฒิภาวะต่ำบางคน” ที่อาจทำให้การชุมนุมเพลี่ยงพล้ำจากความปากพล่อยในทวิตเตอร์ เพราะกระแสดังกล่าวต้องบอกว่าทำให้ช่วงค่ำวันที่ 13 ต.ค.ต่อเนื่องถึงเช้ามืดวันที่ 14 ต.ค. เกิดกระแสโต้กลับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างมาก งานนี้เลยทำให้ “กุนซืออานนท์” ซึ่งเคยมองตาก็รู้ใจ “โบว์” จำเป็นต้องงัดเรื่องเข้าไปแย่งชิงพื้นที่ชุมนุมก่อน โดยใช้การจับกุม 21 ม็อบ 3 นิ้วสร้างความชอบธรรม ...๐

โพสต์ของ “โบว์” ยังมีอะไรน่าคิดวิเคราะห์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะการบอกว่า “คนที่พยายามอดทนเพื่อประคองกันไปมีจำนวนมากกว่าที่คุณคิด หลายคนทำถึงขนาดเดินทางจากกรุงเทพฯ เพื่อไปเติมหน้าเวทีที่แทบไม่เหลือคนแล้วให้ที่ต่างจังหวัด” ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่า ม็อบคณะราษฎร 2563 ที่ปูภาพสวยหรูว่ามาจากนักเรียน-นิสิต-นักศึกษา เริ่มเปลือยตัวตนมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่าไม่ต่างจาก “ม็อบเสื้อเหลือง-เสื้อแดง-กปปส.” แต่ประการใดเลย เพราะเป้าประสงค์สุดท้ายก็คือเรื่องว่าด้วยผลประโยชน์ทางการเมืองนั่นเอง เพียงแต่กรณีล่าสุดพิเศษลูกชิ้นว่าด้วย “สถาบัน” เข้ามา ...๐

ล่าสุดหลัง “ม็อบคณะราษฎร” ที่ขยายเข้าใกล้ทำเนียบรัฐบาลเข้าเรื่อยๆ ได้ประกาศแล้วว่าจะชุมนุมยื้ดเยื้อขั้นต่ำ 3 วัน ซึ่งน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะ “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผบ.ตร. ประกาศอย่างชัดแจ้งว่าหากมีการค้างคืนจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย งานนี้ก็ต้องพิสูจน์ผลงาน “บิ๊กปั๊ด” ว่าจะทำได้จริงอย่างที่ประกาศหรือไม่ เรียกว่าเป็นหินลองทอง ผบ.ตร.ที่ยังทำงานไม่ถึง 15 วันได้เป็นอย่างดี ...๐

การชุมนุมวันที่ 14 ต.ค.ยังเป็นการเปลือยตัวตนคนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะบรรดาคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล เพราะมีการเปิดหน้าเปิดตาอย่างชัดแจ้ง โดยเฉพาะ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” แกนนำคณะก้าวหน้า ซึ่งที่ผ่านมาต้องเรียกว่า “โลว์โปร์ไฟล์” กับการชุมนุม โดนปล่อยให้ “ธนาธร-พรรณิการ์-พิธา” ออกมาเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันเสียมากกว่า สุดท้ายก็เผยตัวแล้ว โดยเฉพาะการปลุกระดมว่าด้วยการ “สู้เป็นไทถอยเป็นทาส” พิโธ่! แล้วที่มานั่งชี้นิ้วบงการเป็นนายเหนืออย่างนี้มันต่างจากนายกับบ่าวเสียตรงไหน หากเป็นไทที่เท่าเทียมกันจริง ทำไม “ปิยบุตร” ไม่มายืนเคียงข้างอานนท์-เพนกวิน-รุ้ง แต่ประการใด หรือหากไม่ขึ้นเวทีเหมือน 3 คนนั้นก็น่าจะมาทำหน้าที่เจรจาหรือตัวกลางเจรจากับตำรวจเหมือน “ชลธิชา แจ้งเร็ว” น่าจะแมนกว่ากันเยอะเลย ...๐

หันมาเรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช... ก่อนรับหลักการ ที่มี “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานกันบ้าง เพราะ ดูเหมือนผ่านการทำงานเกินครึ่งทาง โดยเหลือเวลาไม่ถึง 10 วันตามเส้นตาย 30 วัน ที่จะสิ้นสุดใน 23 ต.ค.นี้ ก็ยัง “วนในอ่าง” ว่าด้วยการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยล่าสุด “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองประธาน กมธ. แม้บอกว่าในชั้นนี้อาจยังไม่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ แต่ก็ไม่ได้ปิดประตูตายเสียทีเดียว ยิ่งดูการยื้อมา 1 เดือน การจะยื้ออีกระลอกก็เป็นไปได้อย่างสูง ...๐

แต่ดูเหมือนอาจไม่ไปไกลถึงศาลก็เป็นได้ เมื่อ “วันชัย สอนศิริ” ส.ว. ออกมาบอกว่ามีสัญญาณส่งมาชัดเจนทั้งในสภาและนอกสภาให้โหวตรับร่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญ แหม! ก่อนหน้านี้ก็มีการบอกว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีการส่งสัญญาณเช่นกัน แต่สุดท้าย “วิษณุ เครืองาม” ก็ออกมาบอกไม่มีการส่งสัญญาณแต่ประการใด!!! ฉะนั้นเรื่องนี้คงต้องฟังหูไว้หูกันไว้ก่อน ซึ่งที่แน่นวลคงต้องเป็นไปตามที่ “คำนูณ สิทธิสมาน” ส.ว. บอกไว้ล่าสุดนั่นแลว่า สุดท้ายคงขึ้นอยู่กับสมาชิกรัฐสภาแต่ละคนว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ ...๐

...ท.ศักดิ์