14 ต.ค.63 - พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร.กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 13 ต.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมผู้ชุมนุมจำนวน 21 ราย เนื่องจากมีการจัดการชุมนุม ตั้งเต็นท์ชุมนุมในที่สาธารณะ จอดรถบริเวณบริเวณที่เกิดเหตุ มีการปิดเส้นทางจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่สำคัญเจ้าหน้าที่มีการแจ้งเตือนให้กลุ่มผู้ชุมออกจากพื้นผิวจราจรเพื่อให้ประชาชนได้สัญจรไปมาตามปกติ แต่ผู้ถูกจับกุมขัดขืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานตามหน้าที่ของกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ อีกทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมยังได้มีการมั่วสุม ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตและก่อให้เกิดความวุ่นวาย ทั้งใช้สีน้ำสาดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้พื้นถนนเลอะเทอะไม่ได้รับความสะดวกในการใช้พื้นที่สาธารณะ ละเมิดสิทธิประชาชนในภาพรวม เจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งเตือนแต่ไม่เป็นผล เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เป็นความผิดซึ่งหน้า เป็นความจำเป็นในบริบทพิเศษเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลายและรุนแรงจึงต้องเข้าควบคุมตัว โดยส่งให้พนักงานสอบสวน สน.สําราญราษฎร์ดำเนินคดี
โดยแจ้งข้อหา 10 ข้อหา ประกอบไปด้วย 1.การร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง 2.ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายให้อำนาจไว้ 3. การจอดรถ หรือขับขี่รถยนต์บนทางเท้า ตั้งวางหรือกองวัตถุใดบนถนนตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด 4.ชุมนุมทำกิจกรรมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค กระทำการหรือดำเนินการใดที่ก่อให้เกิดสภาวะไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดโรคติอดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไป 5.ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัย ความสะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของ 6.ร่วมกันตั้งวางสิ่งของในลักษณะกีดขวางจราจร 7.ร่วมกันใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุอันตรายแก่กายและจิตใจ 8.ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้องอีก 2 ข้อหา
“ในวันนี้จะนำผู้ถูกจับกุมทั้ง 21 ราย ฝากขังต่อศาล ส่วนจะให้ประกันตัวหรือไม่หรือพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันหรือไม่ เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวนเราแทรกแซงไม่ได้ ต้องดูตามความเหมาะสมจะเกิดผลต่อคดีหรือไม่”
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่แกนนำจัดชุมนุมหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันที่จะรวบรวมพยานหลักฐานใครทำผิดข้อหาใดบ้าง เจ้าหน้าที่มีการบันทึกรายละเอียดไว้ทั้งหมด สำหรับการชุมนุมวันนี้เจ้าหน้าที่จัดเตรียมกำลังเพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในภาพรวม 99 กองร้อย เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนตามปกติ ดำเนินการเพื่อความสงบเรียบร้อย การทำงานของเจ้าหน้าที่ยึดถือหลักรัฐศาสตร์ควบคู่กันไป อะไรที่ทำแล้วจะเกิดเหตุการณ์บานปลายต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ
รองโฆษก ตร.เผยต่อว่าที่เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าควบคุมตัวแกนนำเมื่อวานนั้น เป็นความผิดซึ่งหน้าเจ้าหน้าที่จึงใช้อำนาจตามกฎหมาย ถ้าไม่มีการควบคุมตัวอาจเกิดเหตุการณ์บานปลายกระทบสิทธิผู้อื่น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสงบเรียบร้อย ส่วนภาพที่ออกมามีการวิจารณ์ใช้ความรุนแรงนั้น เปรียบเทียบเหมือนดูหนังถ้าไม่ดูตั้งแต่ต้นจะไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างไร ถ้าไม่มีการกระทำความผิดภาพเหล่านั้นจะไม่เกิด การบังคับใช้กฎหมายไม่สามารถตอบได้ตายตัวว่าจะมีการดึงแขนหรือปะทะตอบไม่ได้ ทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ตำรวจอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันกับประชาชน ตำรวจจะทำอะไรเขาต้องคิดว่าสุ่มเสี่ยงกับการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ ต้องผ่านการกลั่นกรองถึงนำมาสู่การควบคุมตัวตามหลักสากล ในกรณีที่มีทั้งกลุ่มต่อต้านรัฐบาลและกลุ่มผู้สนับสนุนออกมาในวันนี้ต้องดำเนินการตามกฎหมายคือแจ้งต่อพื้นที่ และเจ้าหน้าที่จะต้องมีมาตรการไม่เผชิญหน้ากัน
“ในส่วนกรณีที่มีการเห็นแย้งว่าทำไมไม่ควบคุมตัวกลุ่มแกนนำที่ สน.สำราญราษฎร์นั้น การควบคุมตัวสามารถควบคุมตัวไว้ที่ไหนก็ได้ และได้พิจารณาแล้วว่าอาจไม่เหมาะสม แต่ยังเป็นอำนาจการสอบสวนของ สน.สำราญราษฎร์เหมือนเดิม” รองโฆษก ตร.กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |