14ตุลาเขม็งเกลียว! ตร.-ม็อบระอุก่อนชุมนุมใหญ่เสื้อเหลืองรวมพลแสดงพลัง


เพิ่มเพื่อน    

  ประเดิมชุมนุมใหญ่ 14 ต.ค. ม็อบ “ไผ่ ดาวดิน-แอมมี่” ลองของที่หน้าร้านแมคฯ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตำรวจกระชับพื้นที่ก่อนปะทะเป็นน้ำจิ้ม พร้อมรวบตัวแกนนำไป 21 ราย แจ้ง 8 ข้อหา ผู้ชุมนุมชู 3 นิ้วรับและส่งขบวนเสด็จฯ พร้อมตะโกนปล่อยเพื่อนเรา “บิ๊กตู่” อารมณ์ดีบอกให้ถามตำรวจเรื่องชุมนุมใหญ่ สารพัดกลุ่มระดมผู้จงรักภักดีรอรับเสด็จพระราชดำเนินตั้งแต่สะพานมัฆวานรังสรรค์ถึงราชดำเนิน

    เมื่อวันอังคารที่ 13 ตุลาคม ก่อนการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มที่ใช้ชื่อคณะราษฎร 2563 ในวันที่ 14 ตุลาคม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้น ช่วงบ่าย ที่หน้าร้านแมคโดนัลด์ สาขาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มคณะราษฎรอีสาน นำโดยนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน และนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอททอมบลูส์ พร้อมผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งได้มาชุมนุมล่วงหน้า โดยนายจตุภัทร์ได้ขึ้นเวทีปราศรัยเคลื่อนที่บนรถกระบะ 4 ล้อบรรทุกเครื่องเสียง พร้อมแขวนป้ายสีขาวเขียนข้อความว่า “ยุบสภา ภายใต้กติกาใหม่ และยกเลิกมาตรา 112” ท่ามกลางสายฝนพรำๆ
    ต่อมาเวลาประมาณ 14.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจสำราญราษฎร์ประมาณ 10-20 นาย เดินเข้ามาขอความร่วมมือผู้ชุมนุมให้ยุติการชุมนุมชั่วคราว เนื่องจากเป็นการชุมนุมบนพื้นผิวจราจร และให้ขยับขึ้นไปบนฟุตปาธเพื่อให้ขบวนเสด็จฯ ผ่าน ในเวลา 17.00 น. ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พุทธศักราช 2563 ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง
    ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยุติการชุมนุมและยืนชู 3 นิ้ว โดยได้ตั้งแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง พร้อมเปิดเพลงเต้น ร้องเพลงด่าทอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และตะโกนเรียกร้องให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยไม่สนใจการประกาศของตำรวจที่ขอความร่วมมือ จนกระทั่งเวลา 15.20 น. ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนได้เพิ่มกำลังมากกว่า 3 กองร้อย ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมก็มีรถกระบะบรรทุกเครื่องขยายเสียงมาเพิ่มอีก 1 คันจากกลุ่มคนรุ่นใหม่นนทบุรี
    ต่อมาตำรวจได้เริ่มกระชับพื้นที่ ซึ่งก็ทำให้เกิดการปะทะกัน โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้สาดสีน้ำเงินใส่เจ้าหน้าที่ และมีการตะลุมบอนกันเป็นช่วงๆ ซึ่งตำรวจยังได้เข้ารวบตัวแกนนำถึง 21 คน รวมทั้งนายจตุภัทร์ และนายไชยอมรขึ้นรถคุมขังแล้วออกจากพื้นที่ ซึ่งก็ทำให้การชุมนุมลดความร้อนแรงลง แต่ก็ยังมีการชุมนุมอยู่อย่างประปราย โดยเฉพาะบนรถกระบะ ซึ่งตำรวจก็เจรจาให้กลุ่มผู้ชุมนุมขยับไปชุมนุมบนฟุตปาธ ในขณะที่รถทำความสะอาดของ กทม.ก็มาล้างสีที่เลอะเทอะพื้นถนน
    ต่อมา พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบและเจรจากับตัวแทนผู้ชุมนุม ซึ่งในเวลา 17.30 น. ขบวนเสด็จฯ มุ่งหน้ายังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย กลุ่มผู้ชุมนุมได้ชู 3 นิ้ว และพร้อมใจกันตะโกน "ปล่อยเพื่อนเราๆ" จนขบวนเสด็จฯ ผ่านพ้นไป จากนั้นแกนนำผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนไปที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ก่อนจะไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อทวงคืนแกนนำ และจะกลับมาปักหลักค้างคืนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 ต.ค.
ในเวลา 18.00 น. ที่หอศิลปฯ มีประชาชนทยอยเข้ามาในพื้นที่ตามการนัดหมายผ่านไลฟ์สดของนายอานนท์ นำภา โดยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ได้ให้ตัวแทนประชาชนที่มีความในใจที่อยากพูด ได้ปราศรัยระหว่างรอมวลชนที่กำลังเดินทางมาสมทบ พร้อมบอกว่าตำรวจต้องรับใช้ประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 19.59 น. ระหว่างขบวนเสด็จฯ กลับบน ถ.ราชดำเนินกลาง มุ่งหน้าสะพานผ่านฟ้าลีลาศ กลุ่มผู้ชุมนุมที่ยังหลงอยู่ประมาณ 100 คนที่ปักหลักบริเวณฟุตปาธ หน้าร้านแมคโดนัลด์ ได้ชู 3 นิ้ว และพร้อมใจกันตะโกน "ปล่อยเพื่อนเราๆ"
บิ๊กตู่ไล่ไปถามตำรวจ
    พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงถึงการควบคุมตัวแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่า ผู้ชุมนุมได้ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ ไม่มีการแจ้งการชุมนุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
    เพจเฟซบุ๊กโปลิศไทยแลนด์ระบุว่า ตำรวจได้แจ้ง 8 ข้อหาแก่ผู้ชุมนุม ได้แก่ 1.ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ป.อาญา มาตรา 368 2.มั่วสุม 10 คนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวาย ป.อาญา มาตรา 215 3.กีดขวางจราจร พ.ร.บ.ทางบก มาตรา 114 และ 148 4.กีดขวางขยะ พ.ร.บ.ความสะอาด มาตรา 19, 39, 40 และ 32 5.สาดสีลงพื้นถนน พ.ร.บ.ความสะอาด มาตรา 12 6.กีดขวาง ป.อาญา มาตรา 385 7.สาดสีใส่เจ้าหน้าที่ทำให้เสียทรัพย์ ป.อาญา มาตรา 358 และ 8.ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493 มาตรา 4 และ 9    
นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำอดีตพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงเหตุการณ์จับกุมผู้ชุมนุมว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นไปตามเจตนาและตัวบทกฎหมายของ พ.ร.บ.การชุมนุมฯ และหากเป็นความผิดก็มีโทษสถานเบาคือโทษปรับเท่านั้น ซึ่งการที่ตำรวจใช้กำลังจับนักศึกษาครั้งนี้ไม่เป็นผลดีต่อการดูแลป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้ง หรือการกระทบกระทั่งจนอาจบานปลายไปได้ ไม่ทราบว่าผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทั้งหลายต้องการอะไรและคำนึงหรือไม่ว่าจะมีผลอย่างไร
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล โพสต์เช่นกันว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุม ตามสิทธิและเสรีภาพ มันต้องใช้ความรุนแรงควบคุมขนาดนั้นเลยเหรอ #หยุดคุกคามประชาชน
    สำหรับความการเตรียมรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค.นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “ให้ไปถามตำรวจโน่น”
    ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในบริเวณทำเนียบรัฐบาลว่า ไม่ต้องเก็บอะไร ส่วนจะให้ข้าราชการออกจากทำเนียบฯ ก่อนผู้ชุมนุมจะเคลื่อนมาหรือไม่ ยังไม่รู้ว่าเขาจะมาหรือไม่มา แต่ตอนเช้ามีกิจกรรมจิตอาสา
    นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกฯ ได้เดินสำรวจความเรียบร้อยบริเวณภายในทำเนียบฯ โดยยืนยันว่า ในวันที่ 14 ต.ค. ข้าราชการทุกหน่วยงานในทำเนียบฯ ยังคงปฏิบัติงานตามปกติ ไม่มีคำสั่งให้หยุดงานหรือกลับบ้านเร็วเป็นพิเศษ
    ด้าน พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.) ประสานงานทำเนียบฯ กล่าวว่า มาตรการดูแลความเรียบร้อยในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ผู้รับผิดชอบ โดยมีแผนรองรับไว้หมดแล้ว ซึ่งไม่น่ากังวล
    พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 (ผกก.4 บก.ส.3) รับผิดชอบพื้นที่ทำเนียบฯ กล่าวถึงมตรการดูแลความปลอดภัยบริเวณทำเนียบฯ ว่ามาตรการต่างๆ ยังเหมือนเดิม แต่ยังต้องดูหน้างานอีกครั้ง เพราะเป็นความรับผิดชอบของ บช.น. ซึ่งไม่ทราบว่าจะเจรจาให้กลุ่มผู้ชุมนุมยอมมาทางที่กำหนดหรือไม่
    เมื่อถามว่าจะเจรจากับแกนนำเพิ่มเติมเมื่อไหร่ พ.ต.อ.วัชรวีร์กล่าวว่า เราจะเจรจาในวันที่ 14 ต.ค. แต่ที่ผ่านมาก็พูดคุยกันมาตลอด ซึ่งยังไม่ทราบว่ามีแนวโน้มหรือท่าทีอย่างไร แต่ช่วงที่กลุ่มผู้ชุมนุมออกเดินขบวน จะมีเจ้าหน้าที่คอยสกัดตั้งแต่สะพานผ่านฟ้าลีลาศเป็นระยะๆ  
    ถามว่ามีแนวโน้มว่ากลุ่มผู้ชุมนุมอาจมุ่งตรงมายังทำเนียบฯ ตาม ถ.ราชดำเนิน โดยไม่มาทางสนามม้านางเลิ้ง พ.ต.อ.วัชรวีร์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะพยายามเจรจาไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมใช้ ถ.ราชดำเนิน แต่ให้ไปทาง ถ.นครสวรรค์ ซึ่งหากผู้ชุมนุมไม่ยินยอม เจ้าหน้าที่ก็ต้องเตรียมความพร้อม โดย บช.น.อาจเตรียมแบริเออร์ และลวดหนามกั้นเหมือนช่วงการชุมนุมเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. ซึ่งต้องดูสถานการณ์ตอนนั้นอีกครั้ง
    “ถ้าเจรจากับแกนนำให้มาทางถนนนครสวรรค์ และให้ใช้พื้นที่อยู่บริเวณถนนพิษณุโลกได้ บช.น.จะนำแบริเออร์มากั้นบนสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมข้ามมายังทำเนียบฯ ขณะที่ในส่วนการรักความปลอดภัยภายในทำเนียบฯ ที่ผมดูแลอยู่ ยังดูแลเข้มเป็นปกติ โดยตำรวจทุกนายจะเริ่มเข้าประจำการตามจุดต่างๆ ในเย็นวันที่ 13 ต.ค.” พ.ต.อ.วัชรวีร์ระบุ
บิ๊กปั๊ดไม่กังวลม็อบ 14 ต.ค.
    พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือการชุมนุมวันที่ 14 ต.ค.ว่า ตำรวจมีความพร้อมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ส่วนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะมีการชุมนุมค้างคืนวันที่ 14-16 ต.ค.นั้น ตามกฎหมายชุมนุมไม่ให้มีการค้างคืนอยู่แล้ว ถ้ามีการค้างคืนก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
“ยังไม่ได้รับแจ้งเหตุที่น่าห่วง ไม่รู้สึกกังวล เพราะที่ผ่านมาก็อยู่กับม็อบมาตลอด คนที่มาเรียกร้องก็รักชาติและสถาบันทุกคน ผู้ชุมนุมต้องเข้าใจด้วยว่าทำอะไร จะเกิดผลกระทบแบบไหน ส่วนมือที่ 3 เจ้าหน้าที่ก็มีการเฝ้าระวังเพื่อไม่ให้เกิดเหตุ ถึงการข่าวจะมีหรือไม่มีแต่ระบบรักษาความปลอดภัยก็ต้องมี” พล.ต.อ.สุวัฒน์ระบุ
    ถามต่อว่าแผนรับมือในการเคลื่อนพลของกลุ่มผู้ชุมนุมทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีมาตรการอย่างไร เขาตอบว่า เรื่องนี้เป็นแผนปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ จะต้องปรับไปตามสถานการณ์
    ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า วันนี้ใส่เสื้อเหลืองและเลือกข้างมานานแล้ว
    ขณะเดียวกันมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของกลุ่มต่างๆ ที่ได้มีการนัดหมายในวันที่ 14 ต.ค. โดย พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงปฏิบัติการเก็บขยะแผ่นดิน โดยได้นัดรวมตัวในวันที่ 14 ต.ค. เวลา 10.00 น. ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์
    นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ในวันที่ 14 ต.ค. เวลา 13.30 น. ขอเชิญพสกนิกรชาวไทย สวมใส่เสื้อสีเหลืองร่วมรับเสด็จบริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ถ.ราชดำเนิน และอยู่ด้วยกันจนถึงเวลาส่งเสด็จ
    พุทธะอิสระ ได้โพสต์ข้อความบนเพจหลวงปู่พุทธะอิสระ ระบุว่า วันที่ 14 ต.ค. พวกเราคนไทยหัวใจรักชาติจะใส่เสื้อเหลืองไปรวมตัว ณ ลานพระบรมรูปทรงม้ารัชกาลที่ 5 จนถึงถนนราชดำเนินให้เต็มทุ่งท้องสนามหลวง
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ "#ปกป้องชาติศาสน์กษัตริย์" ระบุว่าจะไปร่วมรับเสด็จ ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ วันที่ 14 ต.ค.นี้ ช่วงเวลาบ่ายๆ เป็นต้นไป
    นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ในวันที่ 14 ต.ค.จะนำพสกนิกรชาวหลักสี่สวมใส่เสื้อเหลืองร่วมรับเสด็จประมาณ 500 คน ที่มีหัวใจรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มาร่วมกันเฝ้าฯ รับเสด็จ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า รัชกาลที่ 5 ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป
    เมื่อถามว่าจะร่วมกิจกรรมกับนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพุทธะอิสระ และ นพ.เหรียญทองด้วยหรือไม่ นายสิระกล่าวว่า ถ้ากิจกรรมดังกล่าวทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี ก็มองว่าไม่มีข้อเสียที่จะทำกิจกรรมร่วมกัน
    ส่วนนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า กมธ.ปกครองไม่มีมติส่ง ส.ส.ไปสังเกตการณ์การชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค. เพราะไม่ได้มีการประชุม กมธ.ในช่วงที่ผ่านมา แต่ถ้าใครจะไปสังเกตการณ์ถือว่าไปในนามส่วนตัว เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทยก็ไม่มีมติส่ง ส.ส.ไป แต่ถ้าใครจะไปถือเป็นในนามส่วนตัว ซึ่งตนเอง และ ส.ส.เพื่อไทย 3-4 คนจะไปในนามส่วนตัว
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ย้ำว่า ควรยกเลิกข้อเรียกร้องทุกข้อให้เหลือเพียงข้อเดียวเท่านั้น คือ พล.อ.ประยุทธ์ออกไป จะออกไปโดยการลาออกหรือจะเป็นการยุบสภาทางใดทางหนึ่งให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนเลือก เรียกว่านัดเดียว ข้อเดียวจบ
นายจตุพรยังกล่าวว่า ประวัติศาสตร์ 14 ตุลาคม 2516 กับ 14 ตุลาคม 2563 นั้นไม่เหมือนกันทางภูมิรัฐศาสตร์ ทุกอย่างจะเต็มไปด้วยความยากลำบาก แม้จะนัดหมายรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และจะเคลื่อนไปยังทำเนียบฯ ภายใต้กระแสที่พสกนิกรที่สวมเสื้อเหลือง ไม่ใช่เป็นเสื้อเหลืองทางการเมือง แต่เป็นเรื่องของพสกนิกรที่ยึดมั่นและมีความจงรักภักดี
    “14 ตุลาคม 2516 นักศึกษาจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เห็นได้จากแกนนำอย่างนายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล นายธีรยุทธ บุญมี นางเสาวนีย์ ลิมมานนท์ และอีกหลายๆ คนนั้นไม่ได้จัดริ้วขบวนให้บรรดานักเรียน นิสิตนักศึกษาถือพระบรมรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชินี ออกจากรั้วธรรมศาสตร์ไปยังราชดำเนิน แต่ 14 ตุลาคม 2563 แม้จะบอกว่าชุมนุมโดยสงบ แต่จะรับเสด็จด้วยการชูสามนิ้ว” นายจตุพรกล่าว
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวถึงการชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค.ว่า เคยเป็นอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อดีตแกนนำคนเสื้อแดง มีความดีใจมากที่สุดในวันนี้ที่เห็นพี่น้องอดีตคนเสื้อแดงทั่วทั้งแผ่นดินได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบัน และประกาศจุดยืนจะไม่มาร่วมการชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค. และต้องขอขอบคุณนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ที่ได้ประกาศจุดยืนในการให้ข้อคิด ให้สติกับคนที่จะมาชุมนุม จะส่งข่าวไปถึงพี่น้องเสื้อแดงว่าอย่าได้มาร่วมชุมนุม เพราะการชุมนุมครั้งนี้เป็นการเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน จวบจ้วงสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเราไม่ควรไปก้าวล่วงสถาบันเด็ดขาด
"ต้องขอบคุณคุณจตุพร และคุณขวัญชัย ไพรพนา อดีตประธานชมรมคนรักอุดร ชาวอุดรธานีทั้งหลายทั้งปวง และชาวอีสานทุกคน รวมถึงคุณอานนท์ แสนน่าน แล้วก็เครือข่ายสมาชิกอดีตหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ทุกภาค ทุกจังหวัด ที่ได้ประกาศจุดยืนในการไม่เข้าร่วมชุมนุม 14 ต.ค. ร่วมกับแกนนำของกลุ่มล้มเจ้า" นายสุภรณ์กล่าว.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"