ถ้า "ความกตัญญู" เป็นเมล็ดพันธุ์ดอกไม้แห่งความดีงาม
๑๓ ตุลาของทุกปี
จะเป็นวันที่ "ดอกไม้แห่งความดีงาม" สะพรึ่บบานถวายพ่อพร้อมกัน เหลืองสะพรั่งไปทั้งแผ่นดิน ดังเช่นปีที่แล้ว ปีนี้ ขณะนี้
และวันนี้ (๑๓ ต.ค.๖๓) "พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่ ๑๐
มีพระบรมราชานุญาต ให้ลูกๆ ที่รำลึกถึงวันที่ "พ่อคืนสวรรค์" เข้าถวายบังคม "พระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช"
ที่ "ปราสาทพระเทพบิดร" วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐-๑๗.๐๐ น.
๐๘.๐๐-๑๔.๐๐ น.
จะเปิดให้ประชาชนเดินทางเข้าทางฝั่ง "ประตูวิเศษไชยศรี" และออกทาง "ประตูสวัสดิโสภา" ตรงข้ามกระทรวงกลาโหม
และตั้งแต่ ๑๔.๐๐-๑๗.๐๐ น.จะเปิดให้ประชาชนเข้าทาง "ประตูสวัสดิโสภา"
นับเป็นครั้งแรกในรัชกาล ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระบรมราชานุญาต
ให้พสกนิกร ได้กราบถวายบังคมพระบรมรูป "พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร" ที่ประดิษฐานอยู่ในปราสาทพระเทพบิดร
สำหรับพระบรมรูป "พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร"
ความสูงจากพระบาทถึงพระเศียร ๑๗๒ ซม. ความสูงฐานพระบรมรูป ๗ ซม. ความสูงรวม ๑๗๙ ซม.
เส้นผ่าศูนย์กลาง ๕๐ ซม. น้ำหนักรวม ๑๕๖ กก. หล่อด้วยโลหะบรอนซ์
"พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" และ "สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี" เสด็จฯ มาทรงประกอบพิธีบวงสรวง ที่พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
และทรงประกอบพิธีประดิษฐาน สมโภช พระบรมรูปที่ปราสาทพระเทพบิดร เมื่อ ๖ เม.ย.๖๓
ผู้มีจิตประเสริฐ ผู้มั่นกตัญญูในชาติ ในพระศาสนา ในพระมหากษัตริย์ ได้ชื่อว่า ปิดทางเสื่อม เปิดทางสว่าง นิราศทุกข์ จำเริญสุขนิรันดร์
............................
แล้ววันนี้ คุยอะไรกันดีล่ะ คุยเรื่องโควิด-๑๙ น่าจะดี เพราะต่อจากนี้ ที่มืดตื้อ มองไม่เห็นทางตั้งแต่ต้นปี บ้านเมืองเราจะมีลำแสงสาดส่อง พอให้เห็นรำไรบ้างแล้ว
ทั้งโลก ขณะนี้.....
นอกจากหวังพระเจ้า (ของใคร-ของมัน) มาโปรดแล้ว ก็มีแต่ "วัคซีน" เท่านั้น ที่หวังให้เป็นพระเจ้าองค์ที่สอง
แต่ดูเหมือนพระเจ้าเมิน นอกจากเมิน ยังส่งห่าซาตานลงมาไล่กินปอดคนที่ไม่เชื่อว่ายมทูตโควิดมีจริง ล้มตายจนแทบไม่มีที่ว่างจะฝัง ในฝั่งตะวันตก
ถ้าโลกนี้เปรียบเหมือนไข่ดาว ก็ต้องบอกว่า พื้นที่ไข่ขาวแทบทั้งหมด ถูกห่าซาตานโควิด เขมือบเรียบ
เหลือไข่แดงโดดๆ คือไทย ที่โควิดไม่กิน!
จะเป็น "เคสโลก-เคสแรก" มนุษยชาติรอดเหลือ ถึงขั้นต้องวิจัย เป็น "กรณีโลกศึกษา" ว่าเพราะอะไร ประเทศไทย-คนไทย โควิดจึงไม่แตะ?
"ไทย" ได้ชื่อว่าพฤติกรรมคนในชาติ "หลวมที่สุด" ในด้าน "ระเบียบ-วินัย" เมื่อโควิดมา จะหนักมาก ยากรักษา-ป้องกัน
แต่ที่ไหนได้ ชาติที่ว่าเนี้ยบๆ ในระเบียบ-วินัยมาตรฐานผล็อยๆ เป็นฤดูใบไม้ร่วง
แต่ไทยที่อีโหลก-โขลกเขลก พอโควิดมา กลับดีดผึง-ตึงเป๊ะ กินร้อน-ช้อนกู-สวมหน้ากาก
รัฐบาลออกมาตรการอะไรๆ ไม่ว่าตึงขนาดไหน คนไทย เยส เซอร์..เยส..เซอร์
ทำเอาพลโลกส่ายหัว บอกอเมซิงคนไทย ก่อนพากันหงายท้องตึง เพราะโควิดกินปอด
แล้วดูซี ชุมนุมกันตึงๆ ครั้งแล้ว-ครั้งเล่า ก็ได้แต่พูดกันว่า ตายหะ...แบบนี้ รอบ ๒ มันมาแน่
ผ่านไปแล้วกี่รอบ-ต่อกี่รอบ จนไอ้พวกตัวแกนใกล้จะต้องแก้ผ้าล่องหนช่องทางธรรมชาติ โควิดก็ยังกินยานอนหลับเฉย!
แต่อย่างว่า......
เราไม่ป่วยอยู่ประเทศเดียว เพื่อนโลก-เพื่อนบ้านรอบๆ เขาป่วยกันหมด โด่เด่อยู่บ้านเดียว ไม่ป่วยก็เหมือนป่วย
การที่เราไปหาเขาก็ไม่ได้ เขาจะมาหาเราก็ไม่ได้ มันก็คือการเป็นโรคอย่างหนึ่ง คือ "โรคเหงา"!
ยิ่งเห็นเพื่อนบ้านชานเรือนติดกัน เช่นพม่า จากที่แรกๆ แทบไม่มีโควิดระบาด ตอนนี้กลับหนัก
ไม่ถึงเดือน ป่วยกว่า ๒ หมื่น ตายกว่า ๕๐๐ และท่าทีตอนนี้ นอกจากไม่ลดแล้ว ยังจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ประเทศกลุ่มลุ่มน้ำโขง CLMVT คือ "เขมร-ลาว-พม่า-เวียดนาม-ไทย" ประเทศใดเจ็บป่วย เท่าเจ็บป่วยไปด้วยกันทั้ง ๕ ประเทศ
ต้องรักกัน ช่วยเหลือดูแลกัน อย่ารังเกียจรังงอนกัน อย่าอิจฉาริษยากัน
ความเป็นเพื่อนร่วมภูมิภาค อยู่ร่วมแม่น้ำโขงสายเดียวกัน มีประวัติศาสตร์ผูกพันกันมาแน่นเหนียว
ถ้าแตกแยก ไม่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เอาแต่จิกตีกันเหมือนไก่ในเข่ง โอกาสถูกนักล่าอาณานิคม ศตวรรษ ๒๐๒๐ เข้า "แบ่งแยกแล้วปกครอง" เกิดได้อีกแน่
โชคดีที่ ลาว-เขมร-เวียดนาม อนามัยสมบูรณ์ รับโควิดได้อยู่ เหลือแต่พม่าตอนนี้ ที่ยังหนัก
พม่าหนัก เท่ากับไทยเราหนักด้วย!
เพราะไม่เพียงชายแดนติดกันทั้งเหนือ-ใต้-กลาง-ออก-ตกอย่างเดียว ที่สำคัญ พม่าเพื่อนบ้าน เป็นทรัพยากรบุคคลหลักทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทยเราทีเดียว
สมัยอยุธยา พม่ายกทัพมาเผาบ้านเรา
มาสมัยนี้ พม่าเลยต้องมาช่วยสร้างบ้าน-สร้างเมืองให้เรา ขาดแรงงานพม่า โรงงานอุตสาหกรรมทุกชนิดก็ขาดใจ กระทั่งตามบ้าน ถ้าไม่มีพม่ามาช่วย แม่บ้านชักแหงๆ!
ตอนนี้ พี่น้องพม่าด้านแม่สอด จังหวัดตาก กับด้านแม่สาย เชียงรายกำลังลำบาก ถูกโควิดระบาดหนัก
เขาหนัก เราพลอยหนัก
เพราะด่านแม่สอด ฝั่งพม่า คือเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ด่านแม่สาย ฝั่งพม่า คือท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน
๒ ด่านนี้ ไทย-พม่า, พม่า-ไทย ไปมาค้าขายจนกลายเป็นคนบ้านเดียว-เมืองเดียวกันไปแล้ว
โดยเฉพาะแม่สอดกับเมียวดี ถึงมีแม่น้ำเมยกั้นกลาง แต่ก็มีสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาเชื่อมเป็นผืนเดียวกัน ที่สำคัญ แม่สอด-เมียวดี.....
เป็นประตูเชื่อมระหว่างอันดามันกับอินโดจีน และกำลังพัฒนาเป็นศูนย์กลางอาเซียน เชื่อม "อาเซียน-ยุโรป"
ยิ่งกว่านั้น ปักหมุดหมายในแผนที่ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไว้แล้วว่า.....
ให้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าระหว่าง "โลกตะวันตกกับโลกตะวันออก" ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor: EWEC)
"อีสต์-เวสต์ คอร์ริดอร์" ได้ยินกันบ่อย แต่อาจไม่รู้ว่ามันเป็นระเบียงตะวันออก-ตะวันตกได้อย่างไร?
ก็ได้อย่างนี้ไงล่ะ...
เริ่มจากท่าเรือดานัง เวียดนาม เข้าลาวทางสะหวันนะเขต ข้ามแม่น้ำโขงที่มุกดาหาร เข้าเส้นทางหมายเลข ๑๒ ไปขอนแก่น เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก
สุดแดนที่แม่สอด.....
แล้วข้ามแม่น้ำเมยทาง "สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา" เข้าเมืองเมียวดี ข้ามเทือกเขาตะนาวศรี ไปถึงผาอัน เมืองหลวงรัฐกะเหรี่ยง
จากนั้น วกเลียบแม่น้ำสาละวินลงมาสู่ท่าเรือเมาะละแหม่ง อ่าวเมาะตะมะ ทะเลอันดามัน เมืองหลวงรัฐมอญ
วกข้ามแม่น้ำสาละวิน.......
ขึ้นเหนือไปถึงเมืองหงสาวดี เชื่อมถึงกรุงย่างกุ้ง หรือข้ามแม่น้ำสะโตง ไปมัณฑะเลย์ ไปออกชายแดนด้าน "พม่า-อินเดีย" ที่เมืองตามูโน่น
ที่เก็บมาเล่าหยาบๆ เพียงให้เห็นว่า พม่าที่เชื่อมต่อไทยตรงด้านแม่สอด ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ นับวันจะสำคัญขึ้นเรื่อยๆ
และต้องไม่ลืม รัฐต่างๆ ของพม่าที่ติดไทย ล้วนเป็นเส้นทางลำเลียงสินค้าจากไทย ช่วงไม่มีโควิดเฉียดปีละแสนล้าน และสินค้าไทยเป็นที่นิยมแพร่หลายในรัฐต่างๆ ของพม่ามาก
เห็นตอนนี้ วิตกกันมาก....
นัยว่ามีชาวพม่าติดโควิดข้ามด้านแม่สอดเข้ามาจับจ่ายฝั่งไทย เดือดร้อนเจ้าหน้าที่ทั้งแพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์ ทั้งฝั่งเขา-ฝั่งเรา ต้องตรวจเข้ม
ข่าวว่า วันนี้ (๑๓ ต.ค.)
จะนำ "รถตรวจหาเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน" มาประจำจุดขนถ่ายสินค้าหน้าด่านถาวรแม่สอด เพื่อตรวจหาเชื้อคนขับรถทั้งชาวไทยและพม่าทุกคนอย่างเข้มงวดด้วย
ประเด็นที่อยากเสนอ คือ รัฐบาลไทยน่าเสนอให้ความช่วยเหลือด้านอุปกรณ์ป้องกันโควิดแก่พม่า เช่น หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ เพราะเท่าที่ดู ตอนนี้เขาจำเป็นมาก
โดยเฉพาะกับรัฐที่ติดแดนไทย อย่างรัฐฉาน ด้านแม่สาย รัฐกะเหรี่ยง ด้านแม่สอด ตรงด่าน แทนที่ต่างคน-ต่างตรวจ
น่าจะเสนอให้เจ้าหน้าที่แพทย์-พยาบาลทั้งสองฝ่าย ตั้งจุดตรวจร่วมกันทั้งหน้าด่านฝั่งเขาและฝั่งเรา จะสะดวกทั้งชาวบ้านที่ไปมาทุกวัน ทั้งรถที่จุดขนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศ
ต้องไม่ลืม พี่น้องพม่าป่วย โอกาสที่ไทยเราจะป่วยตามด้วยก็มีมาก ยิ่งรถบรรทุกสินค้าไป-มาไม่ได้ ตายเลย
ดังนั้น การช่วยไม่ให้เขาป่วย เท่ากับช่วยเราเองด้วยนะครับ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |