ในบรรดาผู้นำประเภท ขาลง...ดูเหมือนน่าจะเป็น ทรัมป์บ้า ประธานาธิบดีอเมริกานั่นแหละ ที่น่าจะไหลรูด ทะรูดทะราด หนักที่สุด หนักกว่า บิ๊กตู่ บ้านเรา ไม่รู้กี่เท่า ต่อกี่เท่า คือ บิ๊กตู่ นั้น...อาจลงแบบค่อยๆ ย่อง ขาแกว่ง ก้นเตี้ย อยู่ในบางช่วง บางระยะ แต่ไม่ถึงขั้นหงายท้อง เอาตีนชี้ฟ้า แถ่ดๆๆ ชนิดง่ามตูด ง่ามก้น ตลอดไปจนสีข้างถลอกปอกเปิกมากมายเกินไปนัก...
-----------------------------------------------
ต่างไปจาก ทรัมป์บ้า ที่ล่าสุด...ว่ากันว่าเมื่อต้องเจอกับการเปิดโปง ฉุดกระชาก ลากไส้ อย่างเป็นระบบ โดยนักข่าว นักเขียน แห่งหนังสือพิมพ์ ยูเอสเอ ทูเดย์ นาย ไมเคิล โวลฟฟ์ ที่ใช้เวลาไม่น้อย ในการรวบรวม ข้อมูล ข่าวสาร ความคิด ความเห็น จากคนรอบข้าง ทั้งวงใน วงนอก ผู้ใกล้ชิดกับรัฐบาล แล้วเอามาแฉโพยในหนังสือพ็อกเกตบุ๊กชื่อว่า ไฟร์ แอนด์ ฟูรี ซึ่งกำลังขายดิบขายดี ขายระเบิดเถิดเทิงเป็นเทน้ำเทท่า ทันทีที่วางแผง เจอเข้ากับดอกนี้...เล่นเอานอตหลุด นอตหลวม ถึงขั้นต้องหันมา ยกหางตัวเอง ตามแบบฉบับ เดอะ ด๊อกขี้ โนบอดี้ กระดกเทลล์ อะไรประมาณนั้น...
-------------------------------------------------
เรียกว่า...ต้องออกมาชมตัวเอง โฆษณาคุณสมบัติของตัวเอง ว่าสุดแสนจะ ฉะ-หลาด เอามากๆ ระดับไม่ใช่แค่ อัจฉริยะ ธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ถึงขั้น อัจฉริยะที่มั่นคงเอามากๆ อีกซะล่วย คือระดับเป็นถึงประธานาธิบดี ถ้าหากยังหาใครมาชมตัวเองแทบไม่ได้ ต้องออกมา ยกหาง ตัวเองแบบดื้อๆ ทื่อๆ เช่นนี้ เลยออกจะเป็นอะไรที่สอดคล้องกับปีจอ หรือปีหมา อย่างมิอาจปฏิเสธได้ สะท้อนถึงอาการ ขาลง แบบหงายท้อง เอาตีนชี้ฟ้า แทบไม่เหลือโอกาสทรงตัว ยืนบนขาข้างใด ข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างได้เลยแม้แต่น้อย...
----------------------------------------------------
แนวโน้มที่ประเทศมหาอำนาจสูงสุด อย่างคุณพ่ออเมริกา อาจต้อง เปลี่ยนม้ากลางลำธาร ในช่วงเวลาอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล จึงมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะโดยข้อกล่าวหาว่าด้วยการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ไปจนถึงกระบวนการกดๆ บีบๆ ด้วยกรรมวิธีต่างๆ นานา ต่างไปจากประเทศมหาอำนาจคู่แข่ง ที่ถูกเรียกขานเอาไว้ใน ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของอเมริกา ว่า Revisionist Power หรือพลังอำนาจที่มุ่งจะปรับเปลี่ยนโลกทั้งโลกให้เป็นไปในด้านตรงข้ามกับผลประโยชน์และคุณค่าของอเมริกา อันได้แก่คุณพี่จีนและคุณน้ารัสเซีย ที่ผู้นำทั้งสองกำลังอยู่ในช่วง ขาขึ้น ชนิดแทบไม่ต่างจากผู้ที่รับประทานถั่งเช่าวันละ 3 เวลาหลังอาหาร คือออกอาการ โด่มิรู้ล้ม สามารถ อยู่ยาวว์ว์ว์ โดยแทบไม่ต้องเสียเวลามองหา กองหนุน ไม่ว่าในรูปใด ลักษณะใด หรือไม่ว่าจะ ตีความ กันในแบบไหน อย่างไร...
----------------------------------------------------
อาการ ขาขึ้น และ ขาลง ของผู้นำประเทศ ไม่ว่าจะอยู่ในระบบไหน ระบอบไหน จึงค่อนข้างจะมีความสัมพันธ์อย่างแยกไม่ออกกับชะตากรรมของประเทศนั้นๆ อย่างมิอาจปฏิเสธได้ เรียกว่า...แค่จับเอา ทรัมป์บ้า มาชั่งน้ำหนักปอนด์ต่อปอนด์ เทียบกับคุณน้า ปูติน และคุณพี่ สี จิ้นผิง แล้ว ไม่ว่าตลาดรับแทงในกรุงลอนดอน หรือแถวๆ มาเลย์ก็ตาม น่าจะวางราคาต่อรองระหว่างอเมริกากับจีนและรัสเซีย ระดับแทง 100 จ่าย 1 หรือแทง 100 จ่ายแค่อุจจาระสุนัขกองเดียวเอาเลยก็ไม่แน่ คือมันแพ้ขาด ชนะขาด ตั้งแต่ในมุ้งเอาเลยก็ว่าได้...
-----------------------------------------------------
ส่วนสำหรับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา...อาการ ขาลง ของ บิ๊กตู่ จึงเป็นเรื่องที่ผู้คนซึ่งรักและห่วงใยบ้านเมือง คงต้องเก็บเอามาคิดๆ เอาไว้มั่ง อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะในแง่ที่มันอาจส่งผลต่อชะตากรรมของบ้านเมืองมากหรือน้อย หรือไม่ ประการใด อย่างน้อย...ก็เพื่อไม่ให้ชาติบ้านเมืองต้องพลอยเกิดอาการ ขาลง ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ หรือถ้าหากมันต้องลงจริงๆ จะหาทางลงแบบไหนที่ให้มันออกไปทาง ซอฟต์ แลนดิ้ง ไม่ใช่ ฮาร์ด แลนดิ้ง คือให้ลงกันแบบนิ่มๆ ลงแบบการบินไทย แบบสมูท แอส ซิลค์ ไม่ถึงกับบาดตูด บาดก้น ชนิดไปคว้าเอากระดาษทรายมาเป็นกระดาษชำระอะไรทำนองนั้น...
--------------------------------------------------------
อันนี้นี่แหละ...ที่จะเอาแค่ ด่า อย่างเดียว ชม อย่างเดียว หรือเอาแต่ระบายอารมณ์กันอย่างเดียว มันคงไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาซักกี่มากน้อย แต่ต้องอาศัยทั้ง สติ และ ปัญญา ของผู้ที่ยึดเอา ผลประโยชน์ส่วนรวม หรือ ผลประโยชน์แห่งชาติบ้านเมือง เป็นตัวตั้ง อาศัยการตั้งโจทย์และมองหาคำตอบไปเป็นขั้นๆ วาดฉากสถานการณ์ กำหนดซิเนอริโอต่างๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าในแต่ละขั้น แต่ละตอน แต่ละฉากสถานการณ์ ควรวาง คำตอบ เอาไว้เช่นไร ถึงจะทำให้อาการ ขาลงของผู้นำ ไม่กลายเป็น ขาลงของชาติบ้านเมือง หรือแม้แต่ ขาลงของสถาบันทางสังคม ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้...
-------------------------------------------------------
ว่าไปแล้ว...การคิดๆ ในแนวนี้ อาจหนักซะยิ่งกว่าการคิดตั้งพรรคขึ้นมาหนุน หรือตั้งพรรคขึ้นมาค้าน ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า แถมยังอาจไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ ในทางส่วนตัวเอาเลยแม้แต่น้อย แต่ทำไงได้...ในเมื่อชาติบ้านเมืองนั้นเป็นของปวงชนชาวไทยทุกๆ คน ไม่ใช่ของคนใด คนหนึ่ง ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง การ ปิดทองหลังพระ หรือการ แบกรับภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ จึงย่อมถือเป็นภาระหน้าที่อันมิอาจปฏิเสธได้...
---------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Sister Helen Prejean... “ There are two situations that make interesting stories : when an extraordinary person is plunged into the commonplace, and when an ordinary person gets involved in extraordinary events.- มีสถานการณ์สองอย่างที่ทำให้เกิดเรื่องราวน่าสนใจ นั่นคือ เมื่อคนพิเศษถลำลงไปในสถานการณ์ธรรมดา และเมื่อคนธรรมดาเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์พิเศษ...”
----------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |