“จรุงวิทย์” เล็งชงที่ประชุม 7 อรหันต์ กกต.เคาะวันเลือกตั้ง อบจ. ไม่ฟันธงชี้เลยหรือไม่ เพราะต้องดูข้อมูลให้รอบด้าน ชี้ห้ามวงจรอุปถัมภ์ไม่ได้เพราะกฎหมายไม่ห้าม เพื่อไทยประกาศส่งผู้สมัครมากที่สุด ไฟเขียวเลือกผู้สมัคร “ชัยชนะ เดชเดโช” ประกาศหนุนแม่ชิงเก้าอี้
     เมื่อวันอาทิตย์ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมพร้อมเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เหมือนการเลือกตั้งครั้งที่แล้วที่ กกต.กำหนดทุกอย่าง แต่ครั้งนี้การจัดการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ส่วน กกต.มีหน้าที่กำกับดูแล ซึ่งการหารือกับกระทรวงมหาดไทย (มท.) ในการเลือกตั้ง อบจ. เทศบาล อบต. กทม. และพัทยา ได้แบ่งเขตเลือกตั้ง อบจ. ส่วนเทศบาลอยู่ระหว่างส่งไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในขณะที่ อบจ.ร่างระเบียบต่างๆ เสร็จแล้ว จึงเห็นว่าการเลือกตั้ง อบจ.พร้อมที่สุด มท.จึงเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา
     พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวต่อว่า ในวันจันทร์ที่ 12 ต.ค.นี้ เวลา 13.00 น. จะนำเสนอเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งนายกฯ และสมาชิก อบจ.ให้ที่ประชุม กกต.พิจารณาตามขั้นตอน ซึ่งไม่ยืนยันว่าจะได้วันเลือกตั้งหรือไม่ เพราะการกำหนดวันถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่ไปกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ผู้มาใช้สิทธิ์ไม่สะดวก ติดภารกิจ ซึ่งมีหลายปัจจัยมากที่ กกต.ต้องพิจารณา โดยเมื่อ กกต.กำหนดแล้ว ก็จะแจ้งไปยังผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัด เพื่อแจ้ง อปท.ต่อไป
     “การกำกับดูแลควรใช้วันเลือกตั้งวันใด สมัครเมื่อใด ขั้นตอนต่างๆ ต้องเตรียมการล่วงหน้าก่อน กกต.มีมติ เพราะถ้า กกต.มีมติให้จัดการเลือกตั้งเมื่อใด นายกฯ และสมาชิก อบจ.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนสิ้นสุดการเลือกตั้ง เราไม่อยากให้ยาวมาก เพราะท้องถิ่นจะขาดการบริหารจัดการ” พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าว
     เมื่อถามว่ากังวลไหมการเลือกตั้งนายกฯ และสมาชิก อบจ. จะกลายเป็นการสร้างฐานเสียงให้พรรคการเมืองหรือรัฐบาล พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งและประชาชนว่าจะเลือกใคร รวมทั้งความนิยมชมชอบพรรค ซึ่งห้ามไม่ได้ และกฎหมายก็ไม่ได้ห้ามพรรคการเมืองส่งผู้สมัคร ดังนั้นจึงขอให้เลือกคนดีเข้าไปทำหน้าที่
     นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พรรคพร้อมในการเลือกตั้งท้องถิ่นมานานแล้ว โดยจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ในวันที่ 12 ต.ค.นี้เพื่อกำหนดให้ กก.บห.แต่ละคนดูแลการเลือกตั้งเป็นกลุ่มจังหวัด ถ้าจังหวัดไหน ส.ส.ในจังหวัดเห็นตรงกันว่าจะให้ใครเป็นผู้สมัครนายก อบจ.ก็จะส่งผู้สมัครคนนั้นลงสมัครในนามพรรค จังหวัดไหน ส.ส.เห็นไม่ตรงกัน ก็จะให้ลงสมัครในนามส่วนตัว แล้วให้ ส.ส.แต่ละคนสนับสนุนคนที่ตัวเองอยากให้ลงสมัคร ซึ่งความชัดเจนเหล่านี้จะเกิดขึ้นหลังการประชุม กก.บห. โดยพรรคจะส่งผู้สมัครให้ได้มากที่สุด โดยตอนนี้มีเพียง กทม.ที่เดียวที่ยังไม่ชัดเจนเรื่องผู้สมัคร
     นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) และที่ปรึกษาทีมโคราชชาติพัฒนา กล่าวถึงการเลือกตั้ง อบจ. ว่าเป็นเรื่องที่ดี ถือก็เป็นสัญญาณของประชาธิปไตยว่าบ้านเมืองเราปรกติ ส่วนของ ชพน.จะส่งทีมโคราชชาติพัฒนาหรือไม่ต้องพิจารณาเป็นจุดๆ ไป ว่าจุดไหนพร้อม จุดไหนไม่พร้อม  
     นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะสนับสนุนคุณกนกพร เดชเดโช ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นมารดา ลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.และส่งสมาชิกสภา อบจ.ครบทั้ง 42 เขตในนามทีมพลังเมืองนคร 
     "ผมยืนยันว่าการที่ผมสนับสนุนคุณแม่ให้เป็นนายก อบจ.และจัดทีมส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกนั้น ไม่ใช่เป็นความขัดแย้งภายในพรรคแต่อย่างใด แต่ต้องการสร้างทางเลือกที่หลากหลายให้ประชาชนในพื้นที่” นายชัยชนะกล่าว
ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย อดีต ส.ส.ปชป. ตั้งข้อสังเกตถึงพรรคการเมืองเกือบทุกพรรคเริ่มหันมาสนับสนุนลงชิงเก้าอี้ อบจ.ว่าเป็นเรื่องการส่งเสริมปกครองท้องถิ่น หรือหวังยึดครองท้องถิ่นในการส่งคนของตัวเองเข้ายึดเป็นฐานทางการเมือง ส่วนคนที่ลงสมัครก็หวังอยู่ 2 ประการคือ 1.กระแสพรรคการเมือง ไม่ว่าตนเองจะดีหรือชั่วกระแสพรรคจะกลบให้ได้ และ 2.หากพรรคกระแสไม่ดีแต่มีเงินดี จะเอาเงินมากลบกระแสตัวเองแล้วซื้อตำแหน่งเข้าสู่วงจรเดิมๆ คือการเลือกตั้งที่เรียกว่าวงจรอุบาทว์.