สถาบันพระมหากษัตริย์คือเสาหลักของการพัฒนา


เพิ่มเพื่อน    

 

       เกิดเป็นคนไทย ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของชาติไทยตั้งแต่ยุคสุโขทัยมาจนถึงปัจจุบัน ได้รู้ว่าประเทศไทยมีการพัฒนาให้เจริญรุ่งเรือง มีเอกราชเป็นปึกแผ่นแก่นสารมาได้ทุกวันนี้เพราะพระปรีชาสามารถและพระวิสัยทัศน์ของพระมหากษัตริย์ ที่ทรงเป็นจอมทัพในการปกป้องประเทศชาติ รักษาความเป็นเอกราชให้แก่ประเทศไทยมามากกว่า 700 ปี แม้ว่าจะมีบางช่วงที่เราอาจจะเสียทีแก่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า ที่ทำให้เราต้องตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า แต่เราก็มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นมหาราชอย่างสมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สามารถกอบกู้ประเทศได้ และทรงพัฒนาประเทศให้กลับสู่ความสงบที่แข็งแกร่ง

               นอกจากพระมหากษัตริย์ของไทยเราจะเป็นจอมทัพในการออกศึกปกป้องบ้านเมืองแล้ว หลายพระองค์ยังมีพระราชกรณียกิจมากมายที่เป็นคุณแก่แผ่นดิน สร้างความเจริญให้แก่ประเทศ สร้างความผาสุกให้แก่พสกนิกร ทรงยอมเหน็ดเหนื่อยพระวรกายในการทรงงานที่เป็นประโยชน์กับอาณาประชาราษฎร์ หลายสิ่งหลายอย่างเป็นความจริงเชิงประจักษ์นับตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน สมควรให้คนไทยจงรักภักดีและกตัญญูต่อพระมหากรุณาธิคุณของบูรพกษัตริย์มาจวบจนพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน

               นอกจากพระมหากษัตริย์ของไทยเราจะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะประมุขของประเทศอย่างหลากหลายแล้ว หลายพระองค์ยังคงพระราชทานแนวทางของการพัฒนาด้านต่างๆ จนก่อให้เกิดโครงการในพระราชดำริหลายพันโครงการที่เป็นคุณแก่แผ่นดิน นอกเหนือจากพระมหากษัตริย์แล้ว พระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ก็ทรงมีโครงการที่เป็นสาธารณประโยชน์ พัฒนาคุณภาพชีวิตของเหล่าอาณาประชาราษฎร์ พระมหากรุณาธิคุณของสมาชิกพระราชวงศ์ในยุคสมัยต่างๆ ทำให้คนไทยได้อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยด้วยความสงบสุขร่มเย็น แม้ในยามที่ประเทศเพื่อนบ้านต้องตกเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกที่เดินทางมาล่าอาณานิคม แต่ด้วยพระวิสัยทัศน์ในการเตรียมการและพระปรีชาสามารถในการแก้ไขสถานการณ์ ประเทศไทยจึงเป็นประเทศเดียวในแถบเอเชียอาคเนย์ที่ไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของใคร ดำรงความเป็นเอกราชเรื่อยมา

               คนที่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ย่อมตระหนักได้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเสาหลักของประเทศ ที่ส่งผลต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ เพราะกษัตริย์ของไทยทุกพระองค์ ทรงปฏิบัติหน้าที่การเป็นพระประมุขของประเทศด้วยหลักทศพิธราชธรรม ประเทศไทยไม่เคยมีพระมหากษัตริย์ที่เป็นทรราชสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ หรือสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ไม่เคยมีกษัตริย์พระองค์ใดที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ

               แต่บัดนี้กลับมีคนมีความพยายามที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้ว่าจะอ้างว่าเสนอแนะให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างอารยะ แต่เมื่อเราติดตามการแสดงปาฐกถา การอภิปราย การปราศรัยบนเวทีชุมนุม การเขียนป้ายในการชุมนุม ไม่ใช่ข้อเสนอในการปฏิรูป แต่ส่อไปในทางล้มล้างมากกว่า มีการพูดถึงการเปลี่ยนประเทศไทยเป็นสาธารณรัฐ ซึ่งหมายความว่าไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีความพยายามที่จะลิดรอนพระราชอำนาจและสิทธิของพระมหากษัตริย์ มีการกล่าวหาว่าร้ายด้วยข้อความที่เป็นเท็จ มีการใช้วาจาหยาบคายกล่าวจาบจ้วงล่วงละเมิดพระมหากษัตริย์แบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย แม้จะมีคนเตือนว่าจะไล่รัฐบาล จะกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออก ไม่มีใครเขาว่าเพราะเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่ควรจะใช้วาทกรรมและถ้อยคำที่หยาบคายจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ พวกเขาก็ไม่นำพา ยังคงกล่าวยืนยันที่จะต้องวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไป

               พวกเขากล่าวหาด้วยข้อความที่เป็นเท็จว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่ล้าสมัย ไม่ทันโลก ทั้งๆ ที่ประเทศที่ทันสมัยและเจริญรุ่งเรืองทั้งในยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย ก็ยังคงเป็นประเทศที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่อีกหลายประเทศ และที่สำคัญก็คือพระมหากษัตริย์ของทุกประเทศทรงมีบทบาทในการเป็นเสาหลักในการพัฒนาประเทศทั้งนั้น อยากถามคนที่ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น เขามีความจริงเชิงประจักษ์อันใดสนับสนุนข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จของพวกเขา อย่าสร้างวาทกรรมเลย.

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"