'ทิพานัน' ลุยแจงรัฐบาลเพิ่มสิทธิบัตรทอง รักษาทุกที่ ยกระดับบริการด้านสาธารณสุขเพื่อประชาชน


เพิ่มเพื่อน    

10 ต.ค.63 - นางสาว ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี  อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่พระราม2  เขตจอมทอง  เพื่อรับร้องเรียนต่างๆ จากประชาชน และได้กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) มีมติเห็นชอบข้อเสนอยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรณีผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) สามารถไปรับบริการที่ไหนก็ได้ว่า นับเป็นข่าวดีสำหรับพี่น้องประชาชนผู้ที่ได้สิทธิบัตรทองทั่วประเทศ ที่จะได้รับความสะดวกและมีทางเลือกในการเข้ารับบริการเพิ่มมากขึ้น ครอบคลุมและทั่วถึง ตามนโยบายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องการยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำทางการแพทย์  โดยมีการพัฒนาระบบบริการบริการดูแลผู้มีสิทธิบัตรทอง คือ 4 นโยบาย ดังนี้

1. เมื่อเจ็บป่วยผู้ใช้สิทธิบัตรทองสามารถเข้ารับบริการกับหมอประจำครอบครัวในหน่วยบริการปฐมภูมิทุกที่ในระบบบัตรทอง เริ่มนำร่องในกทม.และปริมณฑลในวันที่ 1 พ.ย.2563   

2.ในกรณีที่ใบส่งตัวครบกำหนด ผู้ป่วยในสามารถรั กษาต่อเนื่องได้ทันทีตามการวินิจฉัยของแพทย์ โดยไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัวจากหน่วยบริการประจำ โดยปรับระบบให้ใช้เพียงบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อตรวจสอบตัวตนของผู้ป่วยเท่านั้น เริ่มวันที่ 1 พ.ย.2563 ในเขต 9 นครราชสีมา และวันที่ 1ม.ค.2564 ในกทม.และปริมณฑล   

3.ผู้ป่วยโรคมะเร็งสามารถเข้ารับบริการในสถานพยาบาลที่มีความพร้อมทุกแห่งทั่วประเทศ เริ่มวันที่ 1 ม.ค.2564  และ 4.ย้ายหน่วยบริการได้สิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน  โดยสถานพยาบาลสามารถพิสูจน์สิทธิ์และเบิกจ่ายค่าบริการได้ผ่านบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด เริ่มวันที่ 1 ม.ค. 2563

" จากนโยบายดังกล่าว  เป็นการเพิ่มสิทธิให้กับประชาชนผู้ถือบัตรทอง ไม่ใช่ลดสิทธิบัตรทอง อะไรที่เคยมีสิทธิอยู่ก็ยังคงไว้   ขณะนี้มีความพยายามสร้างความเข้าใจผิดให้กับสังคม  เพื่อสร้างสถานการณ์ความไม่พอใจให้กับพี่น้องประชาชน  ฉะนั้นอย่าหลงเชื่อผู้ที่ไม่หวังดี ให้ข้อมูลบิดเบือน  โดยขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น "น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวอีกว่า ประชาชนยังคงต้องมีหน่วยบริการเป็นสิทธิหลักอยู่ และการไปใช้ได้ทุกที่ในพื้นที่นำร่องนั้น เป็นการไปใช้ในลักษณะเจ็บป่วยขั้นปฐมภูมิหรือเล็กน้อย ส่วนในกรณีการปิดคลีนิคไปเกือบ 200 แห่ง เพราะรัฐบาลตรวจสอบพบว่ามีการโกงประชาชนนั้น ขณะนี้รัฐบาลโดยหน่วยงานของ สปสช. จะดำเนินการย้ายหน่วยบริการที่ใกล้ที่สุดให้อัติโนมัติ ซึ่งมีกว่า 500 แห่งรองรับ ภายใน 1 พ.ย. นี้ และหากท่านใดไม่พอใจหน่วยบริการยังสามารถย้ายได้หลังระบบได้เปลี่ยนแปลงให้ไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี  จึงไม่อยากให้มองนโยบายในมิติทางการเมือง มากกว่า มิติทางด้านสาธารณสุข ฉะนั้นทุกฝ่ายควรจะช่วยกันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ขอฝ่ายค้านไม่ใช่จ้องแต่จะดิสเครดิตรัฐบาลอย่างเดียว แต่ในทางกลับกันควรมองว่าหากรัฐบาลได้พัฒนาต่อยอด เพื่อสิทธิประโยชน์ของประชาชนที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะนำไปสู่การลดเหลื่อมล้ำทางสังคมดีกว่า


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"