'ธพว.'อ่วมโควิดซัดหนี้เสียปูดแตะ20%ของสินเชื่อคงค้าง


เพิ่มเพื่อน    

 

8 ต.ค. 2563 นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ เอสเอ็มอีแบงก์ เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของธนาคาร ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2563 มีสินเชื่อคงค้าง 1 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าสิ้นปี 2563 จะมีหนี้เสียเพิ่มขึ้นประมาณ 3 พันล้านบาท ทำทั้งปีนี้คาดว่าจะมีหนี้เสียทั้งสิ้น 2 หมื่นล้านบาท หรือ 20% ของสินเชื่อคงค้าง

ทั้งนี้ หนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากโครงการพักชำระหนี้ที่จะสิ้นสุดลงในดือน ต.ค. นี้ โดยคาดว่าจะมีลูกหนี้ส่วนหนึ่งไม่สามารถชำระหนี้ต่อไปได้ เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19ที่ส่งผลกับลูกค้าของธนาคารมาตั้งแต่ต้นปี

"ในช่วงที่มีโครงการพักหนี้ พบว่า เอ็นพีแอลของธนาคารอยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท โดยธนาคารได้เข้าไปเร่งปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้กลับมาเป็นหนี้ปกติได้ประมาณ 3 พันล้านบาท ส่งผลให้หนี้เสียของธนาคารอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท แต่คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นมาอีก โดยธนาคารจะพยายามบริหารให้หนี้เสียอยู่ที่ 1.9-2 หมื่นล้านบาท หรือ 20% ของสินเชื่อคงค้าง" นางสาวนารถนารี กล่าว

นางสาวนารถนารี กล่าวอีกว่า โครงการพักชำระหนี้ทำให้รายได้ของธนาคารปี 2563 ลดลง คาดว่ารายได้จากดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท จากปี 2562 อยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท และกำไรปีนี้คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาที่ขาดทุนกว่า 1 พันล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อของธนาคารในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 3 หมื่นล้านบาท หรือ 1.5 หมื่นราย ใกล้เคียงกับปี 2562 ทั้งปีที่ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 3.8 หมื่นล้านบาท หรือ 1.5 หมื่นราย ซึ่งการปล่อยสินเชื่อใหม่ของธนาคารปี 2563 เป็นสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแทบทั้งหมด เพื่อบรรเทาผลกระทบลูกค้าที่ได้รับจากโควิด-19

นอกจากนี้ ที่ผ่านมาธนาคารได้ออกมาตรการพักชำระหนี้ให้ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งครอบคลุมลูกค้าประมาณ 70% ของลูกหนี้ทั้งหมด โดยส่วนที่เหลืออีก 20% ไม่สามารถเข้าโครงการได้ เนื่องจากมีสถานะเป็นหนี้เสีย และอีก 10% มีสินเชื่อเกินเกณฑ์เข้าพักชำระหนี้ส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งไม่ต้องการเข้าโครงการพักชำระหนี้ เพราะยังมีกำลังที่จะผ่อนชำระหนี้ได้

ทั้งนี้ธนาคารยังได้เร่งช่วยเหลือลูกค้าให้เข้าถึงมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ทั้งในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 2% แต่ต้องผ่อนชำระภายใน 2 ปี และของธนาคารเองก็มีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหลายมาตรการอัตราดอกเบี้ย 2-5% ซึ่งผ่อนชำหนี้ได้ยาวกว่าของ ธปท. และล่าสุดธนาคารได้ออกโครงการวันใหม่-ไปต่อ โดยร่วมกับบริษัท บริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด (IAM) และบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่อ่อนแอเพราะสถานการณ์โควิด-19 โดยพาเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของสองหน่วยงานดังกล่าว ซึ่งจะได้รับการผ่อนปรนหลักเกณฑ์และข้อกำหนดทางกฎหมาย ลดภาระการชำระหนี้ พลิกฟื้นธุรกิจได้อีกครั้ง รวมถึงรักษาสถานะทางการเงินของธนาคาร ช่วยให้มีสภาพคล่องรองรับการขับเคลื่อนนโยบายทางการเงิน

อย่างไรก็ดี ธนาคารยังช่วยเหลือลูกค้าต่อเนื่อง รองรับหลังครบมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยอัตโนมัติ 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. เป็นต้นไป โดยให้สิทธิ์ลูกค้าที่มีสถานะชำระปกติ ณ วันที่ 31 ก.ค. 2563 สามารถขยายระยะเวลาพักชำระเงินต้นเพิ่มเติม คงเหลือชำระเฉพาะดอกเบี้ยได้อีก 6 เดือน สำหรับภาระหนี้ที่พักชำระไว้ ธนาคารจะนำยอดดังกล่าว ไปรวมให้ชำระในช่วงท้ายของสัญญา และในช่วงที่ผ่อนปรนนี้ ไม่ถือว่าเสียประวัติข้อมูลเครดิต
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"