8 ต.ค.63 - ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้
ยินดีที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นรมว.คลัง
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
(1) ที่จริงผมก็พอจะได้ข่าวระแคะระคายมาก่อนว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่จะเป็นคุณอาคมฯ แต่ไม่อยากออกความเห็นอะไรๆ ก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการฯ อันนี้เป็นมารยาทและประเพณีของประเทศไทยมาอย่างช้านาน
(2) เมื่อสมัยผมดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ดูแลกิจการที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศระหว่างปี พ.ศ. 2553 - 2555 ผมต้องพึ่งความเห็นจากนักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียง มีผลงานการวิจัยที่เชื่อถือได้และยังต้องฟังความเห็นจากข้าราชการ อดีตข้าราชการ และนักธุรกิจที่มีประสบการณ์ในการนำทฤษฎีมาใช้ในภาคปฏิบัติ
ขณะนั้น ผมมีที่ปรึกษาที่มีคุณสมบัติทั้ง 3 ประเภทอยู่มากกว่า 20 คน คนหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ซึ่งขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งท่านจะไม่เคยลังเลที่จะมาเข้าแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมคณะที่ปรึกษาในทุกครั้งที่ท่านได้รับเชิญ
ผมรู้สึกยินดีมาก ที่ท่านนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันได้เสนอแต่งตั้งคุณอาคมฯ เป็น รมว.คลัง ผมคิดว่าเป็นการใช้ดุลยพินิจที่รอบคอบ กล้าหาญ และเห็นต่อประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1. คุณอาคมฯ เป็นคนมีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ในระดับที่ถือว่าค่อนข้างดี ไม่เฉพาะแต่รอบรู้เรื่องทฤษฎีที่ใครๆ ก็สามารถเปิดตำราพูดได้ แต่คุณอาคมฯ เป็นคนที่จะ #รู้ว่าทฤษฎีของฝรั่งนั้นมีอะไรบ้างที่ใช้ได้และใช้ไม่ได้กับบริบทของสังคมไทย หรือถ้าจะใช้ทฤษฎีใดก็ย่อมรู้ว่าจะใช้ได้มากน้อยแค่ไหน ต้องปรับปรุงและประยุกต์อย่างไรให้เข้ากับบริบทของสังคมไทย หน้าที่การงานของท่านเป็นส่วนหนึ่งที่บังคับให้ท่านต้องเป็นคนเช่นนั้น เพราะในฐานะเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ท่านต้องรับผิดชอบในการยกร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้ที่จะยกร่างแผนฯ ให้ใช้ได้ผลจริงๆ จึงต้องเป็นผู้ที่ต้องรู้จักข้อมูลความเป็นจริงของประเทศว่าเหมาะที่จะใช้กับทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อันไหน มากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้สอนกันไม่ได้ ไม่มีตำราตามห้องสมุดให้อ่านจะรู้เองได้ก็โดยการผ่านการปฏิบัติงานมาอย่างโชกโชนเท่านั้น
2. คุณอาคมฯ เป็นคนที่ เกิดในชนบทที่ไม่เจริญ #ได้เห็นปัญหาความลำบากยากแค้นของคนชนบทมาตั้งแต่เกิด แล้วมารับการศึกษาพัฒนาความรอบรู้ให้มากขึ้นในเมืองหลวง เมื่อจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ได้มีโอกาสไปรับการศึกษาในระดับปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดความลึกซึ้งแม่นยำในทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แบบตะวันตกมากยิ่งขึ้น
3. จากการที่เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สศช. (C.11) และตอนหลังได้รับการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ฯ (หลังปฏิวัติ 2557) คนไทยก็จะ #ไม่เคยได้ยินเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องทุจริตและความประพฤติมิชอบในเรื่องใดๆเลย
ผมเคยไปเรียนในโครงการ “พัฒนาความเป็นผู้นำ” ที่มหาวิทยาลัย Harvard ในสหรัฐอเมริกา ได้มีการพูดถึงผลงานการวิจัยทั้งทางด้านรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ที่เห็นพ้องต้องกันว่า ผู้นำทางการเมืองที่เหมาะสมที่สุดสำหรับประเทศด้อยพัฒนา (Less-developed countries - LDS) นั้น ก็คือบุคคลที่เกิดในชนบทที่แร้นแค้นลำบาก แล้วมาเติบโตมีการศึกษามากยิ่งขึ้นในเมืองหลวงที่มีความเจริญแตกต่างมากจากชนบท คนเหล่านี้จะรู้จักซาบซึ้งถึงความแตกต่างระหว่างชีวิตคนในชนบทและคนในเมืองที่เจริญ จะรู้จักความรู้สึกของทั้งของคนชนบทและความรู้สึกที่เฉยชาของคนในเมืองที่มีต่อความยากจนของคนชนบท (แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่เคยนิ่งดูดายในเรื่องนี้เพราะมีศีลธรรมและได้รับการอบรมจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาอย่างดี)
คนประเภทนี้แหละครับจะรู้วิธีว่าควรจะมีนโยบายอย่างไรให้คนชนบทมีฐานะและโอกาสที่ดีขึ้น และมีวิธีใดที่จะให้นโยบายเหล่านั้นได้รับการสนับสนุนเห็นอกเห็นใจจากคนที่มีฐานะที่ดีกว่า สบายกว่า ซึ่งส่วนมากอยู่ในเมืองใหญ่ๆ โดยที่พวกเขาจะไม่รู้สึกเสียดายในสิ่งที่ตนต้องเสียสละเพื่อความอยู่ดีกินดีและมีโอกาสในการเขยิบฐานะของเพื่อนร่วมชาติที่อยู่ในชนบท ผู้ที่จะกำหนดนโยบายเช่นนั้นได้และมีความสามารถพอจะบริหารนโยบายให้เป็นไปได้ตามเป้าหมาย จึงควรเป็นคนที่เกิดในชนบทที่ยากจนแต่มาเติบโตในเมืองที่เจริญ คุณอาคมฯ จึงมิได้แตกต่างไปจากนายชวน หลีกภัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ประการใด
หวังว่าผมจะไม่ผิดหวังนะครับ เพราะมีผู้นำที่มีคุณสมบัติดังกล่าวอยู่หลายคนในโลกนี้ที่ลืมกำพืดของตนเองจึงเกิดมี การโกงกิน ทุจริต อย่างมโหฬารจนชาติเสียหายอย่างย่อยยับเลยทีเดียว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |