“ป.ป.ช.” ชี้มูล “นิพนธ์” ผิดอาญามาตรา 157 และกฎหมาย อบจ.มาตรา 79 ครั้งนั่งเก้าอี้นายก อบจ.สงขลา กรณีไม่จ่ายเงินให้เอกชนที่ชนะประมูลรถซ่อมบำรุงทาง 2 คัน มูลค่า 50.8 ล้านบาท เจ้าตัวแจงเหตุเพราะมีร้องเรียนเรื่องฮั้ว คดีไม่ถึงที่สุด ลั่นไม่ลาออก เพราะไม่ใช่ทุจริต แต่เป็นการรักษาผลประโยชน์ชาติ
เมื่อวันพุธที่ 7 ตุลาคม นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงถึงการชี้มูลกล่าวหานายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) ละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน มูลค่า 50.8 ล้านบาท ให้กับบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูล
ทั้งนี้ นายนิวัติไชยได้ไล่เรียงข้อมูลตั้งแต่เหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.2556 ที่ อบจ.สงขลาได้ประกาศเรื่องจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน ซึ่งนายอุทิศ ชูช่วย นายก อบจ.สงขลาในขณะนั้นได้ทำสัญญาซื้อขายรถซ่อมบำรุงฯ แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2556 นายนิพนธ์ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา และในวันที่ 8 ต.ค.2556 บริษัท พลวิศว์ฯ ได้ส่งมอบรถ โดยคณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ตรวจรับรถ และแจ้งผลการตรวจรับรถต่อนายนิพนธ์ แต่นายนิพนธ์กลับละเว้นไม่ลงนามในหนังสือดังกล่าว ทั้งยังได้เขียนสั่งการในด้านหลังของรายงานผลการตรวจรับรถทั้งสองคันว่าเห็นควรให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้มีการทดลองระบบต่างๆ ของรถดังกล่าวอีก
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ม.ค.2557 บริษัท พลวิศว์ฯ ได้นำรถทั้งสองคันไปทดสอบตามที่นายนิพนธ์สั่งการ และหลังจากนั้น วันที่ 5 ก.พ.2557 นายนิพนธ์จึงได้มอบอำนาจให้บริษัท พลวิศว์ฯ ไปจดทะเบียนรถทั้ง 2 คันให้แก่ อบจ.สงขลา โดยภายหลัง อบจ.สงขลาได้รับรถทั้ง 2 คันไปใช้งานแล้ว วันที่ 17 ก.พ.2557 เจ้าหน้าที่ได้เสนอเรื่องให้นายนิพนธ์เบิกจ่ายเงินค่ารถแก่บริษัท พลวิศว์ฯ แต่นายนิพนธ์กลับละเว้นไม่จ่ายเงินตามสัญญา ทำให้บริษัท พลวิศว์ฯ ได้ร้องเรียนสำนักตรวจสอบพิเศษภาค 15 (สตง.) และ จ.สงขลา รวมถึงศาลปกครอง โดยศาลปกครองสงขลามีคำพิพากษาให้ อบจ.สงขลาผู้ถูกฟ้องคดี ชำระเงินค่ารถทั้งสองคันพร้อมด้วยดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี รวมเป็นเงิน 52,062,041 บาท ให้แก่บริษัท พลวิศว์ฯ
นายนิวัติไชยกล่าวว่า ป.ป.ช.ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วจึงมีมติว่า การกระทำของนายนิพนธ์เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา มีมูลความผิดฐานเป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีพฤติการณ์การกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 มาตรา 79 ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐานไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจ และไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนพิจารณาดำเนินการต่อไป
นายนิวัติไชยยังกล่าวว่า ขณะนี้ได้มีบุคคลที่เคยร้องเรียนไปยัง อบจ.สงขลามาร้องที่ ป.ป.ช. เรื่องการฮั้วเกิดขึ้นในกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2561 ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ร้อง อบจ.สงขลาเมื่อปี 2556 โดยการร้องเรียนเรื่องฮั้วนั้นความจริงเมื่อมีการกระทำการเกิดขึ้นต้องร้องเรียนทันที แต่ปรากฏว่าเพิ่งจะมาแจ้งความหรือร้องให้ดำเนินคดี
เมื่อถามว่า การที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายนิพนธ์ จะส่งผลกระทบต่อตำแหน่ง รมช.มหาดไทยหรือไม่ นายนิวัติไชยกล่าวว่า นายนิพนธ์กระทำผิดขณะดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา ป.ป.ช.จึงส่งเรื่องไปยังอัยการเพื่อให้สั่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ หากศาลประทับฟ้องแล้วสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ประเด็นจะเกิดขึ้นว่าให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งที่กระทำผิดหรือตำแหน่งอื่นด้วย ซึ่งตรงนี้เป็นประเด็นข้อกฎหมายที่ยังตอบไม่ได้
“กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ แต่เป็นเรื่องของความเหมาะสมที่ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องพิจารณาเอง ป.ป.ช.ไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว” นายนิวัติไชยย้ำ และว่า เรื่องนี้ต้องแยกกัน ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลนายนิพนธ์คือประเด็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญา ส่วนประเด็นเรื่องฮั้วประมูลเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ด้านนายนิพนธ์กล่าวถึงกรณีการไม่จ่ายเงินให้บริษัท พลวิศว์ฯ ว่า เพราะมีเอกสารสำคัญจากผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงชื่อโดยรองผู้ว่าฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่แทน ซึ่งหนังสือดังกล่าวตามขั้นตอนกว่าจะมาถึงใช้เวลา 3-5 วันทำการ โดยระบุให้จ่ายเงิน แต่ลงท้ายว่าให้ระงับการจ่ายเงินไว้ก่อน เพราะมีข้อร้องเรียนเข้ามา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ไม่สามารถจ่ายเงินให้ได้ และมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งของจังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2557
นายนิพนธ์ยังกล่าวถึงกรณีศาลปกครองได้พิจารณาให้ อบจ.ชำระเงินดังกล่าวว่า ขณะนี้ อบจ.ใช้สิทธิ์อุทธรณ์ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ฉะนั้นจึงต้องรอให้คดีถึงที่สุดจึงจะปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล และเนื่องจากสัญญาเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 จึงไม่ผูกพันกับ อบจ.สงขลา ซึ่งถือว่าสัญญาไม่สมบูรณ์ จึงไม่ต้องปฏิบัติต่อกัน และบริษัท พลวิศว์ฯ ก็ไม่ได้โต้แย้งแต่อย่างใด และเชื่อว่าระหว่างบริษัท พลวิศว์ฯ และ อบจ.สงขลา ไม่มีผลต่อกันหลังเป็นโมฆกรรม ไม่ต้องเบิกจ่ายตามสัญญา เพราะมันไม่มีผลตามกฎหมายตั้งแต่ต้น ดังนั้นทาง อบจ.จึงไม่ได้ฟ้องร้องเรื่องนี้ เพราะ อบจ.ไม่มีอะไรเสียหาย และเงินจำนวน 51 ล้านบาทก็ยังอยู่ในคลัง
นายนิพนธ์ยังตั้งคำถามกรณีที่ ป.ป.ช.ระบุว่าการไม่จ่ายเงินกับการฮั้วประมูลต้องแยกคดีกัน ว่ารู้สึกแปลกใจว่าทำไมต้องแยกส่วนกัน ทั้งที่เกี่ยวเนื่องกัน เพราะหากจ่ายไปแล้วสืบทราบในภายหลังว่าบริษัทมีการฮั้วกันจริงจะทำอย่างไร ป.ป.ช.ควรตรวจสอบในเรื่องเหล่านี้ด้วย เพราะเรื่องทั้งหมดอยู่ใน ป.ป.ช.แล้ว และอยู่ในศาลปกครองสูงสุด จะมาด่วนสรุปได้อย่างไรว่าเรื่องนี้ผิด
เมื่อถามว่า นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค ปชป.เสนอให้แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่ง เพื่อรักษามาตรฐานและอุดมการณ์ของพรรค นายนิพนธ์กล่าวว่า ขอขอบคุณนายอลงกรณ์ แต่มาตรฐานครั้งนี้กับครั้งก่อนๆ เป็นคนละกรณีกัน ครั้งนี้เกิดขึ้นขณะเป็นนายก อบจ.สงขลา ไม่ได้เกิดขึ้นในตำแหน่งที่พรรคมอบหมาย จึงไม่ได้ทำให้พรรคเสียหายหรือเสียชื่อเสียง แต่ตนเองรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน ส่วนกรณีก่อนๆ ทำหน้าที่ตามที่พรรคมอบหมาย และอาจทำให้แผ่นดินเสียผลประโยชน์
“ผมเคยเป็นทั้ง ส.จ., นายก อบจ. และ ส.ส.มาหลายสมัย ยืนยันว่าผมมีเกียรติและศักดิ์ศรี สิ่งที่ผมชี้แจงไปทั้งหมดก็เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของผมเองและของพรรค ผมไม่ได้ทำอะไรที่ทุจริต และไม่ได้มีข้อกล่าวหานี้จาก ป.ป.ช.ด้วย” นายนิพนธ์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |