7 ต.ค.63 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ peace talk ว่า ห่วงใยและปรารถนาดีกับการชุมนุม 14 ตุลานี้ ขอให้ฝ่ายรัฐอำนวยความสะดวกกับผู้ชุมนุม พร้อมทั้งเข้มงวดรักษาความปลอดภัยอย่าให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นและอย่าได้มีวีรชนเกิดขึ้นกันอีกสักคนเดียวในปี 2563
นายจตุพร กังขาว่า การชุมนุมที่จะเกิดขึ้นเมื่อ 14 ตุลาแบบม้วนเดียวจบนั้น จะเอาประเด็นอะไรเป็นหลัก ถ้าเป็นเรื่อง รธน.และไล่รัฐบาลยังพอเห็นเค้าจะประสบความสำเร็จ แต่คงต้องดำเนินการเป็นช่วงๆ เพราะรัฐบาลที่มาจากกลไกการรัฐประหารคงยืนท้าทายได้ หากประเด็นการชุมนุมเลยเถิดไปจากเรียกร้อง 3 ข้อแล้ว รัฐบาลคงไม่วิตกทุกข์ร้อนอะไร ขณะเดียวกันยิ่งไปต่ออายุให้รัฐบาลเสียอีก
ส่วนเสื้อแดงจะมาร่วมชุมนุมนั้น เป็นสิทธิและเสรีภาพ สำหรับตนแล้วยังอยู่ที่สถานะคัดท้ายเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ถ้าประเด็นเรียกร้องเลยเถิดไปจาก 3 ข้อเรียกร้องแล้ว จึงเท่ากับเลยจุดยืนของตน ซึ่งมีความห่วงใย
อีกอย่าง ตนยังยืนหยัดว่า หากการชุมนุมมีเป้าประสงค์มุ่งไปที่รัฐบาล และระบบรัฐสภาแล้ว จะมีโอกาสบรรลุชัยชนะได้ แต่เมื่อเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว คงต้องถามว่า ปัญหาวันนี้ต้องการอะไร
"ถ้าต้องการจัดการรัฐบาล จัดการระบบรัฐสภาที่เป็นปัญหา ควรกำหนดให้มีความชัดเจน เพราะผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นต่างๆนาๆ รวมทั้งประวัติศาสตร์มีบทเรียน 6 ตุลา ซึ่งผมเรียนตามตรงว่า เป็นประวัติศาสตร์ขมขื่นและเจ็บปวดของนิสิต นักศึกษา ประชาชน เพราะเป็นการล้อมปรามอย่างอำมหิต และสั่งสมให้เกิดความเกลียดชังขั้นสูงสุด ที่ถูกอีกฝ่ายปลุกขึ้นมา โดยไม่คิดว่าคนอีกฝ่ายหนึ่งมีสภาพเป็นคนไทย"
นายจตุพร ย้ำว่า สิ่งสำคัญของเหตุการณ์ 6 ตุลานั้น มาจากการสร้างสถานการณ์ปลุกกระแสโค่นล้มสถาบัน จึงเกิดความเกลียดชังนักศึกษา ประชาชนอย่างรุนแรงในช่วงนั้น จนทำให้ใช้ความอำมหิตตามมา เมื่อประวัติศาสตร์สอนให้รู้ถึงบทเรียนแล้ว มาครั้งนี้ยังนำเสนอแบบโจ่งแจ้งขนาดนี้แล้ว สถานการณ์จึงน่าวิตกกังวลอย่างยิ่ง
อีกทั้ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.บอกว่าการรัฐประหารมีโอกาสเป็นศูนย์นั้น ประกอบกับ สถานการณ์กำลังนำไปสู่การชุมนุม 14 ตุลา จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนอีกฝ่ายก็ปลุกกันทั่วประเทศ ซึ่งอาจวิวัฒนาการนำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลาได้ ตนจึงคาดว่า ถ้าประเด็นเรียกร้องทะลุเพดาน 3 ข้อเรียกร้องไปแล้ว คงไม่เห็นทางเดินไปสู่เป้าหมายความต้องการได้
"ผมยังยืนยันว่า ต้องให้มีการแก้ไขปัญหาตามแนวทางสันติวิธี ไม่ว่าจะเกิดมีความเห็นแตกต่างก็ตาม การใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาต้องไม่เกิดขึ้น จะต้องไม่มีวีรชนเกิดขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อวีรชนคือคนตาย ดังนั้นในปี 2563 ประเทศไทยไม่ควรมีวีรชนกันอีกต่อไป จึงหวังว่า ฝ่ายรัฐควรใช้ความอดทน และต้องป้องกันโรคแทรกซ้อนให้กับผู้ชุมนุมด้วย"
รวมทั้ง ตนเชื่อว่า 14 ตุลาจะมีประชาชนออกมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก และรัฐต้องอำนวยความสะดวกทุกประการ พร้อมกับรับผิดชอบการรักษาความปลอดภัยเพื่อลดทอนอุณหภูมิ แม้ตนมีความเป็นห่วงในสถานการณ์ แต่เคารพในการต่อสู้ของประชาชน และต้องระวังโรคแทรกซ้อนของฝ่ายไม่หวังดีด้วย โดยหวังว่าจะรอดพ้นจากโรคแทรกต่างๆได้
“ดังนั้น การชุมนุมคราวนี้ไม่ควรต้องจบลงด้วยมีใครมาบาดเจ็บล้มตายกันอีก ไม่ควรมีวีรชนของประเทศไทยกันอีก จึงขอให้ฝ่ายรัฐได้อำนวยความสะดวก ถ้อยทีถ้อยอาศัยกับผู้ชุมนุม”
ส่วนเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ไม่ควรเลือกตั้งกันหลายครั้ง ไม่ต้องเสียงเงินกันซ้ำซ้อน ควรเลือกตั้งกันทุกประเภทในวันเดียวกัน ซึ่งหลายประเทศยังทำกันได้ หากยังคิดแบ่งกันเป็นห้วงเวลาแล้ว ทำกันเพื่ออะไร เป็นการเพิ่มภาระงบประมาณของประเทศเสียเปล่า ตนขอเสนอให้จัดการการเลือกตั้งท้องถิ่นทุกประเภทในวันเดียวให้จบ ซึ่งคนไทย พ.ศ.นี้ สามารถทำได้ทุกอย่างในวันเดียว กกต.ถ้าทำไม่ได้ ในวันเดียวแล้ว ก็ลาออกไป
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |