หึ่ง!เส้นทาง'เงินทอนวัด' ใช้บัญชีคนนอกเบิกถอน


เพิ่มเพื่อน    

    "สุวพันธุ์" เชื่อสอบเงินทอนวัดไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับพระผู้ใหญ่ ขณะที่ "ไมตรี" ยังไม่ออกหมายเรียกมาสอบปากคำ หึ่ง!เส้นทางเงินทอนวัด ใช้บัญชีคนนอกเบิกถอน โอนเงินทอนคืน พศ.
    นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีที่วัดศรีนคราราม อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี หนึ่งในวัดที่ถูกกล่าวหาทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม คืนเงิน 10 ล้านบาทให้ พศ. โดยอ้างว่าไม่ได้ร้องขอ แต่ พศ.กลับโอนเงินมาให้ว่า   เบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว แต่เรื่องการทุจริตเงินเกี่ยวกับวัดทุกอย่างได้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบแล้ว โดยมีการตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ พศ.ได้ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ 
    หากพบมีการกระทำความผิดก็ต้องดำเนินการ และเรื่องนี้มีการส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ จึงต้องปล่อยให้ ป.ป.ช.ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบ โดย ป.ป.ช.จะต้องรับฟังทั้งจากทาง พศ.และวัด พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และส่วนตัวเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบของ ป.ป.ช. จึงต้องรอดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
    นายสุวพันธุ์เชื่อว่าเมื่อเรื่องการทุจริตเกี่ยวกับวัดได้เข้าสู่การตรวจสอบของ ป.ป.ช.แล้ว จะสามารถตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายได้ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการตรวจสอบทุจริตนั้นจะไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับพระชั้นผู้ใหญ่ เพราะงบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัด หรือเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง พศ.กับพระสงฆ์ ดังนั้น เมื่อเป็นปัญหา ก็จะต้องมีองค์กรกลางในการตรวจสอบเข้ามาตัดสินว่าเกิดจากอะไร ขณะที่รัฐบาลก็เข้าไปตรวจสอบพฤติกรรมของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดังจะเห็นว่าที่ผ่านมา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวต่างถูกลงโทษทั้งทางวินัยและอาญา  
    รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย. เจ้าหน้าที่ข่าวกรอง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้นำหลักฐานเส้นทางการเงินในคดีเงินทอนวัด เข้าพบ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ดำเนินการออกหมายเรียกพระเถระชั้นใหญ่ 5 รูปที่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) กระทำความผิดอาญาคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมไปก่อนหน้านี้ หลังจาก ปปง.ได้ตรวจสอบเส้นทางทางการเงินจนพบว่ามีการฟอกเงินในวงการพระพุทธศาสนา เป็นวงกว้าง และมีความผิดชัดเจน จึงนำหลักฐานส่งมอบให้ตำรวจกองปราบปรามดำเนินการ
     พล.ต.ต.ไมตรีเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ ปปง.ได้มาเข้าพบเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อประสานข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางการเงินในคดีเงินทอนวัดครั้งล่าสุด ซึ่งในขั้นตอนและรายละเอียดในการดำเนินการนั้น ยังมีอีกจำนวนมาก โดยยังไม่ถึงขั้นออกหมายเรียกพระผู้ใหญ่มาสอบปากคำแต่อย่างใด โดยจะต้องรวบรวมหลักฐานและประสานงานกับ บก.ปปป. เพื่อหารือเรื่องการรวบรวมหลักฐานต่อไป
    มีรายงานข่าวกรณีเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง ปปง.ได้นำหลักฐานเส้นทางทางการเงินในคดีเงินทอนวัดไปมอบให้ พล.ต.ต.ไมตรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้ออกหมายเรียกพระชั้นผู้ใหญ่นั้น พบว่ามีกรณีหนึ่งที่วัดได้ขอรับเงินอุดหนุนจำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการอบรมคุณธรรม จริยธรรม อุดหนุนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ 37.2 ล้านบาท และเงินอุดหนุนเผยแผ่พระพุทธศาสนา 32.5 ล้านบาท 
    โดยมีเจ้าหน้าที่ พศ.โอนเงินเป็นเช็คสั่งจ่ายเข้าบัญชีส่วนตัวพระผู้ใหญ่รายหนึ่ง แต่ปรากฏว่าวัดดังกล่าวไม่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม แต่กลับมีการเบิกถอนไปเข้าบัญชีคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัดหรือโครงการดังกล่าว  และส่วนหนึ่งได้โอนคืนให้กับเจ้าหน้าที่ พศ. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวนี้ได้มีการสอบหลักฐานกันมานานหลายเดือน ก่อนที่ พ.ต.ท.พงศ์พรจะเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ปปป. ขณะที่วัดอื่นๆ ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาก็มีพฤติกรรมในลักษณะคล้ายๆ กัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"