ตร.แจงแค่ยกเลิกด่านลอย ปปท.ยันลุยคดี‘บอส’เต็มที่


เพิ่มเพื่อน    

  "บิ๊กปั๊ด" เปิดให้ "นายพลใหม่" ช่วยออกแบบองค์กรตำรวจอีก 5 ปีข้างหน้า เน้นพัฒนาคนเหมาะสมงาน "โฆษก ตร." แจงเลิกตั้งด่านเฉพาะด่านลอย ด่านมั่นคง-ยาเสพติดยังอยู่ ศาลยกคำฟ้อง "สันธนะ" หา "จักรทิพย์" ผิด ม.157 อุ้ม "สุวัฒน์" นั่ง ผบ.ตร. คดี "วิระชัย" ฟ้อง 8 ตร.ศาลขอหลักฐานเพิ่ม "ป.ป.ท." ยันทำคดีบอสเต็มที่

    ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ วันที่ 5 ต.ค. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  (ผบ.ตร.) เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสัมมนาผู้บริหารระดับ ผบช., รอง ผบช. และ ผบก.หรือเทียบเท่าที่ได้รับการแต่งตั้งในวาระประจำปี 2563 ระหว่างวันที่ 5-7 ต.ค. โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาจำนวน 179  นาย
    พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า ต้องการให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกคนช่วยกันคิดวางแผนวาดภาพว่า ในอีก 5  ปีข้างหน้าอยากเห็นตำรวจองค์กรนี้มีหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วเราจะเดินไปที่จุดนั้นได้อย่างไร ในแต่ละปีจะทำอะไรก่อนหลัง เพื่อให้เห็นความคืบหน้าในการขับเคลื่อนไปยังจุดที่อยากให้เป็น โดยเน้นให้ความสำคัญที่คน การพัฒนาคน การวางคนให้เหมาะกับงาน
    ผบ.ตร.กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงที่จะต้องคำนึง ได้แก่ 1.Strategy มียุทธศาสตร์ 2.Structure มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร 3.System อาจมีการเปลี่ยนแปลงระบบบ้าง เช่น การนำเอกชนเข้ามาช่วยงาน หรืออาจมีกลุ่มตำรวจมียศ ไม่มียศ ทำในบางส่วนที่ไม่จำเป็นต้องใช้ชั้นยศ 4.Process อาจมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน เช่น กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ที่เกิดใหม่ ที่จะมาแก้ไขปัญหาเรื่องการแจ้งความ ที่เดิมพิจารณาด้านพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของเขตอำนาจ
    นอกจากนี้ 5.People กำลังพล คือการพัฒนากำลังพลให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกระบบ  สามารถรองรับโลกปัจจุบัน อาจพิจารณามองตั้งแต่การคัดเลือกคน การฝึกอบรม พัฒนาทักษะ สมรรถนะต่างๆ ให้ตรงกับความต้องการของสังคมและโลกในปัจจุบัน และ 6.Culture หรือวัฒนธรรมองค์กร จะต้องมีการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตให้ได้
    ขณะที่ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงถึงการตั้งด่านตรวจตามนโยบาย ผบ.ตร.ว่า ด่านตรวจที่ได้รับอนุมัติตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีวัตถุประสงค์เฉพาะและมีการกำหนดเวลาชัดเจน เช่น ด่านความมั่นคง, ด่านป้องกันยาเสพติด หรือการตั้งจุดสกัดหลังเกิดเหตุยังคงดำเนินการตามปกติ
    "ในส่วนของจุดสกัดที่มีการร้องเรียนในลักษณะของด่านลอย หรือตั้งจุดตรวจจุดสกัดโดยไม่ได้ขออนุญาต ผบ.ตร.สั่งให้ทุก บช.ยกเลิกพฤติกรรมดังกล่าว และจะมีการออกระเบียบข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป" โฆษก ตร.กล่าว
    ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลอ่านคำสั่งในชั้นตรวจคำฟ้องคดีหมายเลขดำ  อท.148/2563 ที่นายสันธนะ ประยูรรัตน์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ขณะดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. เป็นจำเลย ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีโจทก์ระบุมีหลักฐานเมื่อระหว่างปี 2544-2547 พล.ต.อ.สุวัฒน์  สมัยดำรงตำแหน่ง ผกก.สส.น.7 มีเงินเดือนเพียง 30,000 บาทเศษ แต่มีเงินเข้าออกบัญชีเงินฝากธนาคารจำนวนกว่า 13 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ได้มานอกเหนือจากเงินเดือนปกติของข้าราชการตำรวจ จึงเป็นการร่ำรวยผิดปกติ โจทก์ได้เคยยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเลขาฯ ป.ป.ช.แล้ว ต่อมาได้ยื่นเอกสารต่อนายกรัฐมนตรี แต่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กลับเสนอชื่อ พล.ต.อ.สุวัฒน์เป็น ผบ.ตร.
    ศาลพิเคราะห์คำฟ้อง โดยสรุประบุว่า การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องดังกล่าว หาได้เป็นการกระทำต่อโจทก์โดยตรง และก่อให้เกิดความเสียหายหรือกระทบกระเทือนต่อสิทธิและหน้าที่ของโจทก์โดยตรงไม่ โจทก์ย่อมไม่ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ จึงไม่เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) และไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พิพากษายกฟ้อง
    วันเดียวกัน ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำสั่งในชั้นตรวจคำฟ้อง คดีหมายเลขดำ อท.144/2563 ที่ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา อดีตรอง ผบ.ตร.เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ต.วีระวิทย์ วัจนะพุกกะ, พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์,  พ.ต.อ.อุกฤษฏ์ ศรีเสือขาม, พ.ต.อ.จิรพัฒน์ พรหมสิทธิการ, พ.ต.อ.สมเกียรติ ค้ำชู และ พ.ต.อ.นิภพล  สุขนิยม ทั้ง 8 คน เป็นจำเลย ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157 กรณีจำเลยทั้งแปดเป็นเจ้าพนักงานและมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง จัดทำรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กรณีสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับคลิปโทรศัพท์การสนทนากรณีมีคนร้ายยิงรถยนต์ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา กับโจทก์
    ศาลได้ตรวจฟ้องของโจทก์แล้ว เพื่อให้ได้ความชัดแจ้งในข้อเท็จจริงแห่งคดี จึงเห็นควรมีหนังสือให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งสำเนารายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ 24/2563 และสำเนารายงานการสอบสวนตามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนที่  383/2563 พร้อมสำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องทุกฉบับต่อศาลภายในวันที่ 5 พ.ย.63
    นอกจากนี้ ให้โจทก์ยื่นคำแถลงว่าได้มีการอุทธรณ์คำสั่งหรือฟ้องคดีต่อศาลปกครองหรือดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 387/2563 ให้สำรองราชการโจทก์หรือไม่ หากมีให้โจทก์แถลงพร้อมกับส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาภายใน 30 วันนับแต่วันนี้ อีกทั้งให้มีหนังสือสอบถามพร้อมส่งสำเนาคำฟ้องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.และคณะกรรมการ ป.ป.ท.เพื่อตรวจสอบว่ามีการกล่าวหาจำเลยทั้งแปดในเรื่องเดียวกันกับที่โจทก์ยื่นฟ้องหรือไม่ จากนั้นแจ้งให้ศาลทราบเพื่อประกอบการพิจารณาภายในวันที่ 5 พ.ย.63 ให้เลื่อนไปนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาวันที่ 23 พ.ย. 63 เวลา 10.00 น.
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวหลังการเข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ถึงความคืบหน้าคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หลังกระจายงานไปยังหน่วยงานต่างๆ ว่า หลังจากส่งเอกสารไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสภาทนายความ เพื่อดำเนินการตามหน้าที่ ถือเป็นกระบวนการที่เขาต้องทำ ซึ่ง ป.ป.ท.ประสานงานกับหน่วยงานที่กล่าวมาและคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา  
    "ส่วนการดำเนินการเอาคนผิดมาลงโทษ รวมถึงการตามตัวนายวรยุทธมาดำเนินคดีนั้น สตช.และสำนักงานอัยการกำลังหารืออยู่ ซึ่ง ป.ป.ท.จะขอความคืบหน้าในทุกส่วนทุกอาทิตย์ หากมีความคืบหน้าก็จะแจ้งให้สาธารณชนรับทราบเป็นระยะ" พ.ต.ท.วันนพกล่าว
    ถามว่า ป.ป.ท.จะสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมได้อย่างไรเพราะคนที่เกี่ยวข้องมีตำแหน่งสูง พ.ต.ท.วันนพกล่าวว่า ป.ป.ท.จะดูแลในส่วนของเราไปด้วยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร อย่างที่นายวิชาได้สรุปข้อมูลไว้และเราก็ทำควบคู่กันไป แต่การดำเนินงานของแต่ละหน่วยงานเป็นกรอบอำนาจของเขาที่ดำเนินการตามกฎหมาย และนายวิษณุกำชับการดำเนินการเพราะ ป.ป.ท.ต้องรายงานให้นายกฯ รับทราบด้วย ยืนยันเรื่องนี้ไม่ต้องกังวลว่าคดีนี้จะไม่มีความคืบหน้า เพราะเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและหลายหน่วยงานก็รับไปดำเนินการในส่วนของตัวเองแล้ว.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"