มาถูกที่ถูกเวลา....

                "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ"

                มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเรียบร้อยแล้ว พร้อมๆ ไปกับการเริ่มต้นปีงบประมาณ

                พูดถึงดีกรี...ไม่เป็นสองรองใคร

                แต่ฝีมือยังต้องพิสูจน์ บนความคาดหวังของคนไทยทั้งชาติว่า จะพาเศรษฐกิจไทยโงหัวขึ้นได้หรือไม่

                ข่าววันก่อน ธนาคารโลก (World Bank) ประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หลังเกิดการระบาดของโรคโควิด-๑๙

                วัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)

                พบว่า ประเทศไทยมีแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

                คาดการณ์จีดีพีของไทยในปีนี้ว่าอาจอยู่ที่ -๘.๓% เลวร้ายสุดอาจร่วงไปถึง -๑๐.๔% หากประเมินว่าสถานการณ์หลังจากนี้มีแต่ดิ่งเหว

                ปัจจัยหลักจากโควิด-๑๙ ระบาดรอบ ๒

                มาดูสถานการณ์โควิด-๑๙ ของประเทศเพื่อนบ้านที่มีรั้วติดกับไทยกันหน่อย

                ใน​มาเลเซีย​ ตัวเลขวันที่​ ๕ ตุลาคม​

                ติดเชื้อ​เพิ่ม​ ๔๓๒ คน

                เป็นเคสอิมพอร์ตเพียง ๓ คน

                อีก ๔๒๙ คน เป็นเคสภายในประเทศ

                ส่วนพม่าติดเชื้อเพิ่ม ๑,๒๙๑ คน เคสภายในประเทศเกือบทั้งหมด

                เสียชีวิตวันเดียว ๔๑ คน

                เป็นอัตราการตายที่พุ่งเร็วที่สุดในโลก

                พรมแดนไทย-มาเลเซีย ๕๐๖ กิโลเมตร

                พรมแดนไทย-พม่า ๑,๘๐๐ กิโลเมตร

                รวม ๒,๓๐๖ กิโลเมตร

                นี่คือสิ่งที่ต้องระวังอย่างยิ่งยวด หลุดมาเมื่อไหร่ก็ไม่ต่างจากโควิด-๑๙ ที่ระบาดจากอินเดียสู่บังกลาเทศ และจากบังกลาเทศสู่พม่า

                ถ้าระบาดรอบ 2 เศรษฐกิจไทยยิ่งกว่าวิกฤติ  

                ฉะนั้นรัฐมนตรีคลังคนเดียวทำอะไรไม่ได้ หากรัฐบาลในภาพรวมไม่เข้มงวดในงานที่ตัวเองรับผิดชอบ

                มหาดไทย กลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานด้านความมั่นคง กระทรวงแรงงาน ฯลฯ การ์ดตกไม่ได้โดยเด็ดขาด

                ขณะเดียวกัน ม็อบ ๓ นิ้ว ระดมพลจัดชุมนุมเบิ้มๆ จุดเชื้อลากความเกลียดชัง ไทยฆ่าไทย ในเหตุการณ์ ๖ ตุลา ๒๕๑๙ มาเรียกน้ำย่อย

                เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย กลับเอาภาพแขวนคอใต้ต้นมะขามมาปลุกเร้า ไม่ต่างจากเอาภาพนาซีมาย้ำแผลเก่า

                เหมือนคาดหวังให้ประเทศไทยฉิบหายวายป่วง ไล่ฆ่ากันเหมือนในอดีต

                ตื่นเถอะครับ...       

                ยุคนี้ไม่มีกระทิงแดง ไม่มีนวพล ไม่มีลูกเสือชาวบ้าน ไปปิดธรรมศาสตร์อีกแล้ว อย่าติดอยู่ในวังวนแห่งอดีต

                มีแต่คนที่ใช้บทเรียนจากอดีตมาแก้ไขปัญหาในปัจจุบันและอนาคต

                "ประยุทธ์" ไม่ใช่ "ถนอม ณรงค์ ประภาส"

                ๖ ตุลา ๒๕๖๓ จึงไม่มีอะไรเหมือน ๖ ตุลา ๒๕๑๙ เลยแม้นิดเดียว.