โลกแห่งอนาคตที่หลายคนเคยเห็นในหนัง มีหุ่นยนต์ให้บริการที่มีความสามารถใกล้เคียงกับคน รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง หรือสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ซึ่งเชื่อว่าความก้าวหน้าของเทคโนโลยี จะผลักดันให้สามารถพัฒนาทุกสิ่งบนโลกไปเกินขีดจำกัดได้ และไม่เหนือความคาดหมายของการจินตนาการอีกด้วย เพราะขนาดในปัจจุบันที่โลก แม้จะเพิ่งเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 มาได้ไม่นานนัก แต่การพัฒนาของเทคโนโลยีก็ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่น่าทึ่งมาแล้วไม่น้อย

                และเชื่อว่าการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมในครั้งต่อๆ ไปจะถือว่าเป็นการปฏิวัติของโลกเลยก็ว่าได้ เพราะอย่างในปัจจุบันที่ของในจินตนาการของหนัง ก็เริ่มมีบทบาทในยุคนี้แล้ว อย่างหุ่นยนต์ที่ตอนนี้อาจจะมีวงจรที่ไม่ซับซ้อนมากนัก แต่ก็ก้าวกระโดดจากในอดีตเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าในตอนนี้มีหลายภาคบริการ ที่นำหุ่นยนต์เข้ามาใช้งาน และดำเนินการด้วยระบบปัญประดิษฐ์หรือเอไอ

                รวมถึงในกลุ่มรถยนต์เองที่เคยเห็นในหนังว่าสามารถขับเคลื่อนได้เอง หรือใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ มนุษย์ไม่จำเป็นต้องไปเติมน้ำมันแล้วในอนาคต หรือรถที่วิ่งทั้งบนน้ำและบนบกได้ หรือแม้แต่รถที่เหาะได้ ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตนั้น มนุษย์คงจะได้เห็นเทคโนโลยีผลักดันการใช้รถไปสู่จุดที่เราเคยคิดไว้ในจินตนาการได้

                ซึ่งในปัจจุบันที่ในโลกเริ่มขยับและตื่นตัวในการจะพัฒนาและผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรืออีวีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนี่คือก้าวแรกที่จะได้เห็นถึงเส้นทางของรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตของโลก โดยหลายค่ายเริ่มออกรุ่นรถอีวีที่ใช้ไฟฟ้า 100% แบบไม่ต้องเติมน้ำมันออกมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน และโมเดลดังกล่าวกำลังกระจายเข้าสู่ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยที่ต้องการจะผลักดันรถอีวีให้เกิดขึ้นอย่างจริงจังจนนำเข้าไปบรรจุอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ

                ซึ่งยอมรับว่าการจะทำให้เกิดขึ้นได้จริงนั้นต้องอาศัยปัจจัยต่างๆ เข้ามาสนับสนุน ทั้งเรื่องของเทคโนโลยี เอกชน ผู้ลงทุน หรือความต้องการภายในประเทศ รวมถึงปัจจัยที่จะต้องตามมาทั้งการดูแลรักษา ราคา ความสะดวกสบาย ทั้งด้านเชื้อเพลิงที่เป็นไฟฟ้า หรือราคาค่าชาร์จ ที่ต้องไม่ยุ่งยากและเป็นการทำความเข้าใจร่วมกับในหลายๆ ฝ่ายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบแพ็กเกจ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำแล้วจะดันให้เกิดคงเป็นไปได้ยาก

                แต่ล่าสุดก็เห็นว่ากระทรวงพลังงานจะเร่งผลักดันเรื่องนี้ โดยเฉพาะอัตราค่าชาร์จไฟที่จะต้องกำหนดราคามาให้ชัดเจน โดยที่ผ่านมานั้นเคยกำหนดมาแล้วหนึ่งครั้ง เพื่อให้เป็นอัตราทดลองใช้ โดยคนละแบบกับการใช้ไฟบ้าน และหากใครที่ต้องการให้บ้านสามารถชาร์จไฟรถอีวีได้ ก็ต้องทำการปรับเปลี่ยนรูปแบบมิเตอร์ให้ตรงกับที่กำหนด แต่ในครั้งนั้นการใช้รถอีวีก็ยังไม่แพร่หลายมากนัก

                และในครั้งใหม่นี้ที่ทุกคนเริ่มให้ความสนใจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องเริ่มต้นเดินหน้าเพื่อผลักดันให้แผนนี้สามารถเกินขึ้นได้จริง โดยด้านการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  (กฟผ.) เองก็ได้เดินหน้าในการที่จะสนับสนุนปัจจัยการใช้รถอีวีในประเทศ โดยมุ่งไปที่เรื่องระบบการชาร์จไฟ ที่ล่าสุดได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท Wallbox Chargers SL. ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพของประเทศสเปนที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาและผลิตอุปกรณ์ชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะแบบสองทิศทาง ที่มีขนาดเล็กสำหรับติดตั้งใช้ในที่พักอาศัยแห่งแรกของโลก

                เพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจบริการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ระหว่างยานยนต์ไฟฟ้ากับระบบไฟฟ้า โดยบริษัท Wallbox Chargers SL. จะให้การสนับสนุน กฟผ. พัฒนาธุรกิจบริการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่เหมาะสมกับประเทศไทย ส่วน กฟผ.จะประสานศูนย์ควบคุมกำลังไฟฟ้าแห่งชาติในการปรับแก้ไขกฎระเบียบในการจ่ายไฟฟ้าจากยานยนต์ไฟฟ้ากลับสู่ระบบไฟฟ้า ต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อเตรียมความพร้อมระบบไฟฟ้าไทยรองรับนวัตกรรมโรงไฟฟ้าเสมือน

                หากอนาคตเปิดให้รับซื้อไฟฟ้าส่วนที่เหลือจากแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเข้าระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) เพื่อเป็นระบบสำรองไฟฟ้าช่วยเสริมความมั่นคงไฟฟ้าของประเทศ โดยเชื่อว่าการเริ่มต้นที่จะร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญครั้งนี่จะเป็นบันไดก้าวสำคัญที่จะผลักดันให้การเกิดขึ้นของรถอีวีในประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างเข้มแข็ง และพร้อมที่จะให้บริการอย่างเต็มที่ในอนาคตอันใกล้.

ณัฐวัฒน์ หาญกล้า