'นุ๊ก สุทธิดา'รับแยกอยู่กับสามี ลั่นมะเร็งไม่ร้ายเท่าซึมเศร้า!


เพิ่มเพื่อน    

 


          หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์ ได้เปิดใจสัมภาษณ์ นุ๊ก-สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา กับมรสุมชีวิตที่ซัดไม่หยุด ตั้งแต่มะเร็ง การแยกกันอยู่กับสามี ไปจนถึงการต่อสู้กับโรคซึมเศร้า ในรายการ ถามสุดซอยWeekend ทางช่องเนชั่น ช่อง 22

สภาพจิตใจตอนนี้เป็นยังไง?
"เข้มแข็งคูณสามค่ะ เพราะเรามีกำลังรบอยู่สามคนด้วยกัน คนโต 16 แล้วค่ะ คนที่สองอายุ 14 คนที่สาม อายุ 3 ขวบครึ่ง"

สามีและนุ๊กได้แยกกัน และสามีขอกลับประเทศเขา?
    "แยกกันโดยเหตุบังเอิญ เพราะตอนมีโควิด พาสปอร์ตเขาหมดอายุ แล้ววีซ่าก็หมดอายุเช่นกัน พอหมดอายุปุ๊บ เขาต้องกลับประเทศ คือกฎหมายจะอัปเดตทุกเดือน เขาก็ให้กลับภายในเดือนที่ผ่านมา กลับเสร็จวีซ่าจะเดินกลับเข้ามาด้วยท่องเที่ยวไม่ได้แล้ว ก็จะต้องไปทำวีซ่าที่ติดตามลูก ส่วนวีซ่าตรงนี้เราก็ไม่รู้ว่ามันจะได้หรือเปล่า หรือจะนานแค่ไหน เหมือนกับว่ากลับไปแล้ว เราไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเจอกันอีกเมื่อไหร่ ส่วนของเรา ก็อย่างที่บอก พอเป็นความรักที่โตแล้ว บางทีเราไม่ได้เจ็บปวดกับการไม่ได้อยู่ด้วยกันหรืออะไร เพราะสุดท้ายเรารู้ว่าเจอเพื่อจากอยู่แล้ว
    แต่ว่าลูกมากกว่าที่เราเจ็บปวดมากๆ จนนุ๊กรู้สึกว่าทำใจยาก นุ๊กต้องบอกลูก 3 ขวบว่าเขาตื่นมาไม่เจอพ่อเขายังไง เขาไม่เข้าใจ นุ๊กว่าทุกคนเป็นพ่อแม่น่าจะรู้ได้ เขาไม่เข้าใจต่อให้เราบอกขนาดไหน แต่เราก็รู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้น เขาจะตื่นมาแล้วไม่เจอพ่อ เขาจะใช้ชีวิตปกติใน 2-3 วันแรก แต่ผ่านไปสัก 3-4 วัน เด็กจะเริ่ม เพราะเขาอยู่กับพ่อตลอด เรากลัวลูก Broken Heart จริงๆ ต้องบอกว่าด้วยเทคโนโลยีตอนนี้เราสามารถวิดีโอคอลได้ แต่เราก็ยังรู้สึก Broken Heart ไปกับลูกเรา แล้วก็มีให้เห็นจริงๆ สมมติรับโทรศัพท์พอบอกให้เซย์บ๊ายบายเขาจะเซย์ฮัลโหล นุ๊กก็ถามว่าทำไมยูไม่เซย์บ๊ายบาย เขาบอกว่าเขาไม่อยากเซย์บ๊ายบาย สิ่งที่เขาพูดมันบาดเรามาก ตายแล้ว พอมันนานขึ้น ทุกเช้าเขาตื่นมาก็จะบอกว่าคอลหาแดดดี้ คอลไปเสร็จ ก็ร้องเพลงให้พ่อ โห แม่จะตาย"

 

 

สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตที่เล่ามาทั้งหมด ทำให้เราเกิดการที่เราจะเป็นโรคซึมเศร้ามั้ย?
"พี่หนุ่มรู้มั้ยการเป็นมะเร็ง ไม่ได้ร้ายแรงเท่าการเป็นซึมเศร้าเลยนะ มะเร็งกินแค่เนื้อเรา แต่โรคซึมเศร้ากินความสุขของเรา จริงๆโรคซึมเศร้า มันเริ่มจากความฟลุคคือนุ๊กไปทานยาโดยหมอสั่งนี่แหละ แต่ผิด ไม่ควรทาน เราก็ไปปรึกษาหมอที่เกี่ยวกับโรคซึมเศร้า เขาบอกว่ายาตัวนี้มันส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้า ซึ่งตอนนี้ก็เป็นซึมเศร้า รักษาไปปีนึง"

วิธีการรับมือกับโรคซึมเศร้าเป็นยังไง?
"ตรงนี้นุ๊กยินดีมาก อยากให้เป็นวิทยาทานกับหลายๆคน เรื่องโรคซึมเศร้าจริงๆ ต้องแบ่งเป็นสองกรณี อย่างแรกคือส่วนตัว ดูแลตัวเอง อย่างที่สองคือคนรอบข้าง แพทย์ด้วย พอเราป่วยเรื่องนี้เราต้องบอกทุกคนรอบข้าง กับลูกอาจไม่รู้ว่าซึมเศร้าเป็นอะไรเพราะลูกเป็นเด็กวัยรุ่น เราแค่บอกลูกว่า แม่ป่วย แม่ไม่ปกตินะคะช่วงนี้ อย่าดื้อ เพราะอารมณ์จะสวิงมาก บอกสามีกับคนรอบข้าง เพื่อนทุกคนว่ามีอาการนี้นะ ทุกคนต้องช่วยกันพยุง สุดท้ายคือหากิจกรรม บางคนบอกว่าให้ออกกำลังกาย แต่บางทีคนปกติยังออกกำลังกายยากเลย แต่พอเข้าสเตทของการเป็นซึมเศร้า ออกกำลังกายจะยากมาก เราต้องหากิจกรรมอะไรที่เราได้ขยับแข้งขยับขา และหาความสดชื่นให้ร่างกาย และทำให้เราไม่ต้องกลับไปรับประทานยาอีก"

วิธีการจัดการโลกโซเชียล บางทีมีคอมเมนต์ไม่ดี ตำหนิเข้ามาในพื้นที่ของเรา มีวิธีการจัดการยังไง?
"เราเป็นดารายุค 90 เราอาจไม่ถนัดกับโลกโซเชียลเท่าไหร่ (หัวเราะ) การที่นุ๊กมาเล่นอินสตาแกรมก็ยากแล้วนะคะ นุ๊กก็มีแต่รูปลูก หรือเฟซบุ๊กนุ๊กไม่ค่อยได้เล่น แต่มีคนบังคับให้นุ๊กเล่น ยูต้องเล่น ต้องรู้จักมัน เราก็ปฎิญาณว่ามันคืองาน มันต้องทำ แต่จริงๆ แล้วเราไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ ฉะนั้นเวลานุ๊กเสพโซเชียลเลยไม่สนใจสักเท่าไหร่ สองนุ๊กรับมือโดยการที่คำชม คำด่า คำติเตียน นุ๊กไม่รับทั้งหมดเลย เวลาเป็นคำชมนุ๊กก็ขอบคุณมากๆเลย เพราะนุ๊กว่าสิ่งที่นุ๊กทำอาจไม่ถูกต้อง แต่ถูกใจเขา พอเราไม่ได้รับคำชมเข้ามาในหัวใจเขามากขนาดนั้น คำด่าเลยไม่มีผลไปด้วย แต่ถ้าเรารับคำชมมากๆ เวลาเราโดนคำด่า มันก็จะมีผลกระทบกับเราแรงๆ ทั้งคำด่าคำชม มันไม่ได้ทำให้เปลี่ยนแปลงตัวเราสักเท่าไหร่ ถ้าหากมีอะไรเกินเลย เรื่องนี้เรารับไม่ได้จริงๆ ส่วนมากนุ๊กแค่บอกไป"

 

 

ถ้ายุ่งกับลูกจะเป็นมั้ย?
"ไม่เป็น ถ้าเป็นเรื่องพื้นฐาน ส่วนตัวดารา นุ๊กจะไม่เป็น ถ้าเรื่องลูกนุ๊กมองว่าเขาอาจเป็นห่วงแต่บางทีเราอาจไม่ถูกใจไง เพราะเราก็คิดว่าเราเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดในแบบของเรา พ่อแม่แต่ละคนก็เลี้ยงลูกให้ดีในแบบตัวเอง เขาคงเป็นห่วงเราแหละเขาถึงแนะนำ เราคิดในเชิงบวก อะไรที่ไม่พอใจ อ่านไปก็อย่าไปคิดมาก ให้คิดว่าหลักๆ เขาเป็นห่วงแหละ เขาสนใจเราแหละ เขาถึงมาเสียเวลาคอมเมนต์ (หัวเราะ)"

ขอถามคำถามส่วนตัว ตอนนี้วีจิขวบกับห้าเดือน ลูกชายนุ๊กคนโต 16 แล้ว?
"พี่จะดองเหรอคะ (หัวเราะ)"

ไม่ใช่ดอง จะถามว่าวิธีการดูแลลูกแต่ละปีให้เขาผ่านไป ให้มีสิ่งดีๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะการเลี้ยงดู อบรม การศึกษา หนักแค่ไหน ให้กำลังใจตัวเองยังไง?
"หนักมาก นุ๊กเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมา 10 ปีนะคะ ก่อนแต่งงานใหม่ เราต้องเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ เราก็ต้องมีพาร์ทเข้มแข็งกับลูก แต่นุ๊กเลี้ยงลูกเหมือนเพื่อน นุ๊กไม่เคยเป็นแม่ของเด็ก 14 วันที่เขาเป็นเด็ก 14 วันที่เขาเป็นเด็ก 15 นุ๊กก็ไม่เคยเป็นแม่ของเด็ก 15 เหมือนกัน ฉะนั้นเราก็โตไปกับลูกพร้อมๆ กัน นุ๊กก็ทำให้ลูกเห็นในเรื่องที่เพอร์เฟกต์ของนุ๊กด้วย เพื่อให้เห็นว่าแม่ก็เป็นมนุษย์ เวลาที่แม่เสียใจ แม่ก็ร้องไห้ค่ะ มีเรื่องที่เสียใจแล้วไปร้องไห้กับเขา และให้เขาปลอบเราบ้าง ให้เขารู้ว่าจริงๆ มันธรรมดามากนะที่เราจะทำน้ำหก แล้วตั้งแก้วขึ้นมาใหม่ หรือแค่เช็ด แต่ว่าก็ธรรมดานะที่เราจะล้มและเราก็ลุกขึ้นมาใหม่แค่นั้นเอง แต่ถ้าทำให้เขาเห็นว่าแม่เก่งเหลือเกิน เพอร์เฟกต์ไปหมด เขาจะรู้สึกว่าเขาผิดไม่ได้ เขาพลาดไม่ได้ เวลาพลาดแล้วไปไม่เป็น เราทำให้เห็นว่าชีวิตเราปกติ เรามีพลาดได้ แค่ลุกขึ้นมาใหม่ และเรียนรู้ไปกับลูกจนกว่าจะโต แต่สุดท้ายแล้วแต่ละบ้านก็มีแนวทางไม่เหมือนกัน แต่คิดว่าทุกบ้านเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกแล้ว"

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"