อุตุฯ เตือน 28 จว.ยังต้องรับมือพายุฤดูร้อนถึง 27 เม.ย.นี้ พายุฝนถล่มบุรีรัมย์ บ้านพังยับกว่า 50 หลัง ซ้ำร้ายฟ้าผ่าลุงวัย 62 ดับอนาถขณะหว่านข้าวในทุ่งนา ควายตาย 1 ตัว ที่อำนาจเจริญ ชาวนาถูกฟ้าผ่า แต่ส่งรักษาทันจนพ้นขีดอันตราย พายุพัดถล่มขอนแก่น ต้นไม้ เสาไฟโค่นทับหลังคาลานจอดรถของโรงพยาบาล รถยนต์ รถจักรยานยนต์เสียหาย
    เมื่อวันที่ 26 เมษายน กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเรื่อง "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบถึงวันที่ 27 เมษายน 2561)" ฉบับที่ 19 ระบุว่า ในช่วงวันที่ 26-27 เมษายน 2561 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีฟ้าผ่าและลูกเห็บตกบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมถึงระวังอันตรายจากฟ้าผ่า สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
    ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนได้แผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนในช่วงวันที่ 26-27 เมษายน 2561 ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และฟ้าผ่า กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ มีผลกระทบตามภาคต่างๆ ดังนี้ ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง สุโขทัย กำแพงเพชร และตาก
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย ชัยภูมิ นครราชสีมา และบุรีรัมย์
    ภาคกลาง : จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
    ภาคตะวันออก : จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
    ภาคใต้ : จังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
    ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ต่างจังหวัด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดพายุฝนพัดกระหน่ำในพื้นที่ ต.โคกม้า และ ต.ตะโกตาพิ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นพบว่ามีบ้านเรือนราษฎร ยุ้งข้าว และคอกสัตว์ถูกพายุพัดพังเสียหายกว่า 50 หลัง ในจำนวนนี้พังเสียหายทั้งหลัง 3 หลัง
    ทั้งนี้ ยังมีรายงานฟ้าผ่าควายเพศเมียท้องแก่ของนายถวิล เล็กประโคน เกษตรกรบ้านโคกม้า ม.2 ต.โคกม้า ที่ปล่อยเลี้ยงไว้กลางทุ่งนาตาย 1 ตัว ทั้งยังเกิดเหตุสลดฟ้าผ่านายเอียน โลกประโคน อายุ 62 ปี เกษตรกรบ้านบาตร ต.ตะโกตาพิ ที่กำลังหว่านข้าวอยู่ในทุ่งนา ได้บาดเจ็บสาหัสถูกหามส่งโรงพยาบาลประโคนชัย แต่อาการยังโคม่าจึงถูกส่งไปรักษาที่ รพ.ศูนย์บุรีรัมย์ ล่าสุดนายเอียนเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าวันนี้ที่ผ่านมา
    นางเยี่ยม แก่นใส อายุ 49 ปี 108/1 ม.4 บ้านโคกเพชร ต.โคกม้า บอกว่า ตอนเกิดเหตุตนกำลังนำพันธุ์ข้าวเข้ามาเก็บหน้าประตูบ้าน แต่จังหวะนั้นได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงอย่างหนัก ได้พัดเอาหลังคาบ้านเปิงไปทั้งหลัง จึงรีบวิ่งหนีเอาตัวรอดไปหลบบ้านญาติ เพราะกลัวจะได้รับอันตราย พร้อมเผยตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอเหตุการณ์พายุรุนแรงขนาดนี้ในรอบเกือบ 50 ปี
    ด้านนายทวีวัฒน์ แซ่ตั้ง นายกเทศมนตรีตำบลโคกม้า กล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่เร่งลงพื้นที่ออกสำรวจบ้านเรือน ยุ้งข้าว คอกสัตว์ และทรัพย์สินต่างๆ ที่ถูกพายุพัดพังเสียหายเพื่อประเมินค่าความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมทั้งได้จะได้รายงานทางอำเภอและจังหวัดทราบตามขั้นตอน และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามหลักเกณฑ์อย่างเร่งด่วนต่อไป
    ที่ จ.อำนาจเจริญ เมื่อเวลา 20.00 น.ของวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้เกิดพายุฤดูร้อนพัดเข้าพื้นที่ ทำให้มีฝนตก ลมกระโชกแรง และมีฟ้าผ่า จากที่อากาศร้อนอบอ้าวติดต่อกันหลายวัน เมื่อฝนตกลงมาส่งผลให้สภาพอากาศเย็นสบาย คลายร้อนลงได้ระดับหนึ่ง และที่น่าสลดใจก็คือ ที่ อ.ชานุมาน ในขณะที่เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมงและเม็ดฝนเริ่มซาเบาบางลง นายธวัชชัย สมชาติ อายุ 37 ปี ชาวบ้านบ้านนกกระเต็น ต.โคกสาร อ.ชานุมาน ได้ขี่รถจักรยานยนต์จะไปเก็บมะม่วงที่สวน ห่างจากบ้านประมาณ 3 กิโลเมตร แต่ระหว่างที่ขี่จักรยานยนต์บนถนนลูกรัง ก่อนถึงสวนมะม่วง 700 เมตร เกิดเหตุไม่คาดคิด ทันใดนั้น ฟ้าผ่าลงที่กลางหลังนายธวัชชัยจนเสื้อไหม้ กระเด็นตกจากรถจักรยานยนต์สลบแน่นิ่งอยู่ข้างทาง ต่อมากู้ชีพ อบต.โคกสารนำส่งโรงพยาบาลชานุมาน เพื่อช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน
    เมื่อไปถึง รพ.ชานุมาน แพทย์และพยาบาลช่วยกันนำตัวผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่ห้องฉุกเฉินเพื่อปฐมพยาบาลอย่างเต็มที่ กระทั่งเวลา 19.30 น. วันเดียวกัน นายธวัชชัยพ้นขีดอันตรายแล้ว จึงส่งไปนอนพักฟื้นรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยทั่วไป ทั้งนี้ คาดว่าสาเหตุที่ทำให้ฟ้าผ่านายธวัชชัย เพราะในกระเป๋ากางเกงมีกุญแจ ทำให้เป็นสื่อเกิดฟ้าผ่าได้
    ที่ จ.พิจิตร พ.อ.ศุภฤกษ์ สถาพรผล รอง ผบ.มทบ.36 และนายหัฎฐะพล เมฆอาภา นายอำเภอดงเจริญ จ.พิจิตร ได้ร่วมกันลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือราษฎรหลังจากที่ได้รับรายงานว่า ได้เกิดพายุฤดูร้อนที่มีทั้งฝนและลมพัดกระโชกแรง ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ ม.2 และ ม.3 ต.ห้วยร่วม อ.ดงเจริญ ได้รับความเสียหายจำนวน 12 หลังคาเรือน โดยพบว่าพายุได้พัดเอาหลังคาบ้านที่ส่วนใหญ่เป็นบ้านมุงสังกะสี ปลิวไปกับสายลมได้รับความเสียหาย สร้างความเดือดร้อนให้กับราษฎร
    ฝ่ายทหารและฝ่ายปกครอง รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงเร่งลงพื้นที่สำรวจเพื่อให้การช่วยเหลือในการจัดหาวัสดุก่อสร้างจำพวกสังกะสี ไม้แปรรูป และตะปู รวมถึงแรงงานจากกำลังพลทหารจาก มทบ.36 และจิตอาสาในพื้นที่ ให้ช่วยกันระดมกำลังเพื่อดำเนินการเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนราษฎร เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนแล้ว
    ที่ จ.นราธิวาส นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ออกไปสำรวจและช่วยเหลือจากเหตุพายุฤดูร้อน พัดบ้านเรือนประชาชนเสียหาย ในพื้นที่ ม.3 บ.บาโงมาแย ต.สากอ อ.สุไหงปาดี เพื่อให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น
    จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ทราบว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 18.00 น. ได้เกิดฝนตกอย่างหนักและพายุฤดูร้อนพัดอย่างแรง ทำให้มีบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายจำนวน 8 หลังคาเรือน บางพื้นที่มีต้นไม้ข้างบ้านล้มทับได้รับความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ออกไปสำรวจความเสียหายเพื่อจะได้แจ้งให้ทางผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป
    ที่ จ.ขอนแก่น ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เมืองขอนแก่น ลมพัดเอาต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่นหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นบริเวณลานจอดรถของโรงพยาบาลราชพฤกษ์ ริม ถ.มิตรภาพ สายขอนแก่น-อุดรธานี ต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับหลังคาลานจอดรถของโรงพยาบาลได้รับความเสียหายทั้งแถบ จากการตรวจสอบพบว่ามีรถยนต์จอดอยู่ในบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหาย 4 คัน เจ้าหน้าที่ได้เร่งทำการตัดต้นไม้และเก็บกู้ออกจากพื้นที่ตลอดทั้งคืน
    จากการสอบถามเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีฝนตกลงมาอย่างหนัก พอฝนหยุดตกได้มีลมกระโชกแรงนานนับชั่วโมง จนทำให้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในบริเวณลานจอดรถได้ล้มทับหลังคาจนได้รับความเสียหายดังกล่าวขึ้น โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเทศบาล ในการเร่งเคลียร์พื้นที่ให้เป็นปกติเร็วที่สุด.