เดือนตุลาฯ กับวันผู้สูงอายุ


เพิ่มเพื่อน    

                                                   (1)

            นี่ก็เข้าเดือน ตุลาคม กันแล้ว...เดือนที่ออกจะมีความสำคัญสำหรับใครต่อใครไปตามสภาพ เห็นว่าช่วงวันที่ 1 ตุลาคม ต่างชาติ ต่างประเทศ หรือ ยูเอ็น เขากำหนดให้เป็น วันผู้สูงอายุสากล ส่วนถ้าเลยต่อมานับจากนั้น ไม่ว่าจะ 6 ตุลาคม หรือ 14 ตุลาคม ก็แล้วแต่ ผู้ที่พอจะรำลึก นึกถึง ความสำคัญของวันประเภทนี้ได้มั่ง ก็น่าจะหนักไปทางประเภท ผู้สูงอายุ ไปด้วยกันทั้งสิ้น เพราะอะไรก็ตามที่ถูกหยิบมาเป็นความสำคัญ ก็ล้วนแต่ผ่านมาประมาณเกือบ 40-50 ปีเข้าไปแล้ว...

                                                     (2)

            คือบรรดาผู้ที่ยังสามารถหวนระลึกนึกถึง บรรยากาศที่ออกไปทางทำให้รู้สึกฮึกเหิม ปลาบปลื้ม ยินดี กับสิ่งที่ถือเป็น ชัยชนะ รวมทั้งบรรยากาศที่ออกไปทางหดหู่ ห่อเหี่ยว ปวดร้าวทรมาน ทางอารมณ์ ความรู้สึกมิใช่น้อย ต่อสิ่งที่ถือเป็น ความพ่ายแพ้ ชนิดส่งผลให้ใครต่อใครต้องจากบ้าน จากเมือง จากนาครสู่วนาไปเป็นสายๆ เอาเข้าจริงๆ แล้ว โดยอายุ-อานาม ก็น่าจะจัดอยู่ในประเภท หกสิบขึ้น ไปด้วยกันทั้งสิ้น เพราะถ้าช่วง 44 ปี 47 ปีที่แล้ว ยังไม่ได้เกิด หรือยังไม่โตพอ ที่จะไปนอนกลิ้ง นอนหงาย อยู่กลางถนนราชดำเนิน หรือที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็คงไม่อาจหวนรำลึก นึกถึง สีสันบรรยากาศระดับ ของจริง-ของแท้ ได้มากมายซักเท่าไหร่...

                                                        (3)

                ด้วยเหตุนี้...ระหว่างที่ต้องรำลึก นึกถึง สิ่งที่เป็นทั้ง ชัยชนะ และ ความพ่ายแพ้ หรือสิ่งซึ่งถือเป็นความสำคัญของวันประเภทนี้ มันคงต้องมี ความแก่ หรือ ความเป็นผู้สูงอายุ ติดตามมาด้วย อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ โดยที่ ความแก่ หรือ ความเป็นผู้สูงอายุ ที่ว่านี้ จะส่งผลให้เกิดการรำลึก นึกถึง ไปในรูปไหน อย่างไร? อันนั้น...คงขึ้นกับ รสนิยม ของใคร-ของมัน ที่จะไปว่าเอาเองก็แล้วกัน ด้วยเหตุเพราะความแก่ หรือความเป็นผู้สูงอายุ ผู้สูงวัย ก็ใช่ว่าจะเป็นอะไรที่เหมือนๆ กันไปซะทั้งหมด เรียกว่า...มีทั้งประเภทแก่ได้ที่ แก่แล้ว-แก่เลย แก่แต่ยังมีไฟ แก่กะโหลก-กะลา แก่เพราะกินข้าว-เฒ่าเพราะอยู่นาน ฯลฯ ชนิดจาระนัยไม่หวาด-ไม่ไหว...

                                                     (4)

                แต่เอาเป็นว่า...ไม่ว่าแก่ประเภทไหน สิ่งที่ถือเป็น ความแก่ นั้น บางครั้ง-บางครา ก็อาจมี ประโยชน์ มิใช่น้อย อย่างน้อย...ก็พอได้รับทรัพย์ประมาณ 600 บาท หรือเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ซะแล้ว ที่ว่ากันว่ารัฐบาลท่านพร้อมจะจัดให้ สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ส่วนจ่ายแบบไหน เมื่อไหร่ และอย่างไร คงต้องลองไปปรึกษาคุณพี่ ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค เพราะเห็นว่าท่านเพิ่งไปติดต่อ เนื่องจากความเสียดม เสียดาย อะไรประมาณนั้น แต่อย่างไรก็ตาม...นอกเหนือไปจากนั้น สิ่งที่เรียกว่า ความแก่ ก็อาจให้ โทษ ต่อผู้ที่ไม่รู้จักแยกแยะ ได้ไม่น้อยเช่นกัน...

                                                     (5)

                คือคงเพราะการ ผ่านหนาว-ผ่านร้อน มาก่อนนั่นแหละ ไม่ได้ถึงกับมีอะไรมาก แต่ด้วยเหตุเพราะสิ่งที่เรียกว่า ประสบการณ์ ในแต่ละรูป ละแบบ ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากความพยายามที่จะก้าวข้ามผ่านความสุข ความทุกข์ ความปลาบปลื้ม ยินดี ความเจ็บปวด รวดร้าว ทรมาน ซึ่งไม่ว่าใครก็ตามย่อมหนีไม่พ้นต้องเผชิญแบบหนักบ้าง เบาบ้าง มากบ้าง น้อยบ้าง ไปตามสภาพ โดยถ้าหากบรรดาสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ถูกนำมากลั่น มากรอง จนเกิดอาการ ตกผลึก ขึ้นมาจริงๆ เผลอๆ...อาจไม่ต่างอะไรไปจาก ผลึกคาร์บอน ไปโน่นเลย กลายเป็นเพชรดี มณีแดง เขียวใสแสงมรกต ที่ผ่านการเจียระไนมาเรียบร้อยแล้ว สามารถนำไปประยุกต์ ดัดแปลง ให้กลายเป็นบทเรียน บทศึกษา ที่น่าจะมีคุณค่า-ราคา ไม่มาก-ก็น้อย...

                                                     (6)

                แต่ก็นั่นแหละ...กระบวนการกลั่นกรองแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ที่ถือเป็น ประสบการณ์แห่งชีวิต หนีไม่พ้นต้องอาศัยองค์ประกอบต่างๆ นานาอีกเยอะแยะมากมาย มันถึงจะมีโอกาส ตกผลึก ขึ้นมาได้จริงๆ โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกว่า สติ และ ปัญญา รวมทั้ง สมาธิ ควบคู่ไปด้วย บรรดาคนแก่ยุคอดีตหรือยุคพราหมณ์ฮินดู ที่อายุย่างเข้า 51-75 ปี เลยต้องแยกตัวออกไป ปฏิบัติธรรม อยู่ในป่า-ในเขา จนถูกเรียกในนาม วานปรัสถ์ ทำนองนั้น และถ้าเผอิญยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้ตายโหง-ตายห่าไปก่อนกำหนดการ พออายุขึ้นไปถึง 76-100 ปี ย่อมสมควร ออกบวช แปรสภาพตัวเองไปเป็น สันยาสี อย่างมิควรปฏิเสธ ภายใต้กระบวนการเช่นนี้นี่เอง จึงกลายเป็นที่มา-ที่ไปของ ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ หรือขุมสมบัติแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของหมู่เฮาทั้งหลายในเวลาต่อมา...

                                                        (7)

                ส่วนประเภทแก่แสนแก่...แต่ยังอดมิได้ที่จะส่งเสียงครวญคราง แหบๆ โหยๆ เพรียกหาบรรดาหนูเล็กๆ และเด็กๆ ทั้งหลาย ให้ ช่วยหามลุง...ไปตีกับมันที อะไรประมาณนั้น อันนี้...ถ้าไม่ออกไปทาง แก่แล้ว-แก่เลย ก็อาจหนักไปทาง แก่กะโหลกกะลา หรือ แก่เพราะกินข้าว-เฒ่าเพราะอยู่นาน ที่คงต้องฟังหู-ไว้หู ไม่ว่าจะหยิบ ประสบการณ์ ใดๆ ขึ้นมารำลึก นึกถึง ก็แล้วแต่ เพราะโอกาสที่จะนำไปสู่บรรยากาศประเภทสว่าง สะอาด และสงบเย็น คงแทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย กลายเป็นบรรยากาศประเภทถ้าคนแก่ดันไม่ โชคดี...ที่ตายก่อน ก็คงเหลือแต่เด็กๆ นั่นแหละ ที่มีแต่ต้อง ตาย...กับ...ตาย ลูกเดียวเท่านั้นเอง...

                              ----------------------------------------------------------

                                      

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"