โควิดกับ 'ไทยในโอกาสโลก'


เพิ่มเพื่อน    

         "ขออวยพรให้หายเร็วๆ ก็เพื่อนกัน ไม่ว่าอย่างไรก็เพื่อนกัน คำว่าเพื่อนก็คือเพื่อน เราต้องให้กำลังใจกัน"

            -พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

                ๒ ตุลาคม ๒๕๖๓

                อืมมมม....

            นายกฯ ของเรานี่ "จิตใจสูง" สมกับเป็นผู้นำอารยประเทศอย่างไทยมาก

            เมื่อทราบข่าวประธานาธิบดีสหรัฐฯ "นายโดนัลด์ ทรัมป์" และภริยา "นางเมลาเนีย ทรัมป์" ติดเชื้อโควิด-๑๙

            ใครต่อใคร สะใจบ้าง สมน้ำหน้าบ้าง เยาะเย้ย-ถากถางบ้าง

            แต่นายกฯ ประยุทธ์ กลับกล่าวด้วยน้ำใส-ใจจริง ว่าเป็นห่วงเพื่อน และส่งกำลังใจไปให้ พร้อมอวยพรให้หายเร็วๆ

            คำพูด ท่าทีแม้เล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ก็จริง แต่มันมีค่า และยิ่งใหญ่มาก

            เพราะที่สังคมโลกขาดแคลนถึงขั้น "หายากมาก" ทุกวันนี้ ไม่ใช่วัตถุ เงินทอง

            หากแต่เป็นความดีงามทางจิตใจของมนุษย์ ที่เห็นใครได้ดี-มีสุข ก็ยินดีด้วย ใครได้ทุกข์ ก็ห่วง พร้อมช่วยเหลือเขา

            มนุษย์กับเดรัจฉาน อยู่ในตระกูลสัตว์ ด้วยมี ๓ อย่างเหมือนกัน คือ

            โคจรสัญญา-ต้องหากินเหมือนกัน, กามสัญญา-มีความอยาก, ความต้องการเหมือนกัน และ มรณสัญญา-ต้องตายเหมือนกัน

            มีสิ่งหนึ่งและเป็น "สิ่งเดียว" ที่ทำให้สัตว์มนุษย์ได้ชื่อว่า "สัตว์ประเสริฐ" เหนือสัตว์เดรัจฉาน

            คือ "ธรรมสัญญา"

            รู้บุญ-รู้บาป, รู้กุศล-รู้อกุศล, รู้จริงตามจริง, รู้ว่าใจฝึกแล้วประเสริฐ แยกแยะ "ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี" ได้เท่านั้น จึงเป็นมนุษย์

            เหล่านี้ คือ "ธรรมสัญญา" ที่มนุษย์มี แต่สัตว์ไม่มี แต่ถ้ามนุษย์คนไหน ไม่มีธรรมสัญญา คนนั้น ก็แค่ "สัตว์เดรัจฉาน" ในร่างมนุษย์เท่านั้น!

            เห็นข่าวว่า ทักษิณ ชินวัตร กับน้องสาว "เยาวภา วงศ์สวัสดิ์" ก็ติดเชื้อโควิดอยู่ที่ดูไบ แต่หายแล้ว

            ก็โล่งใจ.....

            ยิ่งข่าวบอก ยิ่งลักษณ์ไม่ติด ยิ่งสบายใจหายห่วงเป็นร้อยเท่า ไม่อยากให้ใครเป็นอะไรเลยจริงๆ

            ไม่ใช่อะไรหรอก เบื่ออ่านข้อความทวิตเตอร์ ว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ส่งโควิดตามไปคุกคาม "เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ" ถึงที่โน่น!

            พูดถึงโควิด ถึงวันนี้ (๒ ต.ค.) ทั่วโลก ตายไปแล้วล้านกว่าคน ติดเชื้อกว่า ๓๔ ล้าน ประเมินว่า กว่าจะมีวัคซีนป้องกันเป็นหลัก-เป็นฐาน ยอดติดเชื้อมีโอกาสถึง ๕๐ ล้าน (ขึ้นไป)

            เรียกว่า "โควิดล้างโลก" ก็คงไม่ผิด

            ปี ๖๓ ทั้งปี เป็นปีอภิมหันตโรคล้างโลกจริงๆ ชนิดไม่มีมนุษย์หน้าไหน ชาติไหน ประเทศไหน เบ่งกล้ามเหนือโควิดได้เลย

            ถ้าจะมี ก็ประเทศไทยเรานี่แหละมั้ง!?

            ติดโควิดเป็นที่ ๒ โลก รองจากจีน แต่ด้วยประสิทธิภาพรัฐบาลและทีมแพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งคนไทย มีคุณภาพ มีวินัยเข้มแข็งตามมาตรการรัฐ

            ใช้เวลาเพียง ๔ เดือน จากกุมภา-พฤษภา พอขึ้นมิถุนาก็สามารถตั้งหลัก "นับญาติ" กับโควิดได้

            จากนั้น คนไทยกับโควิด ก็ "ต่างคน-ต่างอยู่" ไม่มีเวรและกรรมต่อกัน เป็นที่มหัศจรรย์ต่อชาวโลก

            จากยอดแย่ อันดับ ๒ โลก......

            ไทยครองแชมป์ ประเทศ "เดอะ เบสต์" อันดับ ๑ ของโลก ด้วยอัจฉริยภาพทีมไทย ปราบโควิด-๑๙  ได้ เบ็ดเสร็จเด็ดขาด!

            แรกๆ คนนอกชาติ-ในชาติ กระทั่งหมอเอง ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า...รอบ ๒ มันมาแน่

            มันจะแรงกว่ารอบแรกซะอีก ทำเป็นการ์ดตกไปเหอะ

            ก็ตั้งต้นนับ ๑ มาเรื่อยๆ แบบนับไป-เสียวไป ว่ามันจะโผล่รอบ ๒ วันไหน นับจนถึง ๑๐๐ วันผ่านไป แจ็กพอตก็ไม่แตก

            เทวดาเด็กไทย ไม่รู้จะเล่นอะไร ก็เล่นเกมล่มบ้าน-ล่มสถาบัน ชุมนุมกันเป็นพัน-เป็นหมื่น ครั้งแล้ว ครั้งเล่า คิดกันว่า แบบนี้ มันมาแน่

            พี่โควิดก็ไม่มา!

            ชาวบ้านเริ่มบ่น ปิดประเทศนานๆ ไม่ตายเพราะโควิด แต่เศรษฐกิจจะทำให้ชาวบ้านอดตายกันหมด

            ทีมแพทย์, ทีมพ่อค้า, ทีมรัฐบาล ก็ต้องหารือกันว่าจะเอาไงดี ขืนปิดประตูเมือง โดยไม่รู้วัน-เดือน-ปีไหน โควิดจะหายไปจากโลก ก็จะแห้งตายกันหมดทั้งประเทศจริงๆ

            เลยตัดสินใจ สวมวิญญาณบรรพบุรุษไทย......

            ปิดประเทศรอดวันนี้ แต่ตายพรุ่งนี้ ฉะนั้น แง้มประเทศยังพอมีโอกาสรอดทั้งวันนี้และพรุ่งนี้ แผนตีฝ่าวงล้อมโควิดจึงถูกร่างขึ้น

            โดยใช้แบรนด์ไทยแลนด์ "แดนปลอดโควิด" คัดนักท่องเที่ยวเกรด A ให้เข้ามาพักผ่อน ดีกว่าเป็นดักแด้ตายคาใยที่มัดตัวเอง

            ก็ยังเถียงเพื่อชาติกันอยู่ดี ฝ่ายหนึ่งอยากเป็นดักแด้ อีกฝ่ายจะเป็นผีเสื้อโบยบิน

            สุดท้าย ได้ข้อสรุปเป็นฉันทมติ แบบมีกระแอม-กระไอเป็นสีสันประชาธิปไตยบ้าง พอสวยงาม

            จาก ๑ ตุลานี้........

            เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประเภท Special Tourist Visa (STV) อนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยได้ ๙๐ วัน ต่อได้อีก ๒ ครั้ง ครั้งละ ๙๐ วัน

            รวมแล้ว ใครมารายการนี้ อยู่ได้ ๒๗๐ วัน คือ ๙ เดือน ด้วยเงื่อนไข ต้องพักระยะยาว และที่สำคัญต้องมี เงิน..เงิน..เงิน แคชชี แคชชี

            จะพกมานิดหน่อย กะไปขอเลขจากไอ้ไข่นครศรีฯ ไปแทงหวยรวยที่ ๑ แบบนั้น ไม่ได้-ไม่เอา

            และต้องยอมปฏิบัติตามมาตรการ ศบค. จะอ้างเสรีภาพ อ้างโควิดว่าเรื่องหลอกเด็ก ที่จะไม่ทำตามเงื่อนไข ไม่ได้

            ทาง ททท.กับกระทรวงต่างประเทศ ขมีขมันเรื่องนี้เต็มที่เห็นบอกว่า ลูกค้าต่างชาติเกรด A จับจอง พร้อมเดินทางเข้ามา ตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาเป็นระลอกกระฉอกฉาน

            เอเยนต์ท่องเที่ยว ทั้งในและนอกพลอยกระปรี้กระเปร่าไปด้วย ประเทศไทย เป็นแบรนด์ยืนยันคุณภาพครบด้าน ทั้งสถานที่พักผ่อน อาหารการกิน การบริการ

            โดยเฉพาะด้านสุขภาพและการแพทย์ ไทยฝีมือป้องกันโควิดอันดับ ๑ โลก ใครก็อยากมา ยิ่งคนมีเงิน ไม่มีใครอยากกอดเงินอยู่กับบ้านหรอก

            พอบอกว่าไทย "เปิดประเทศ".....

            "พระเจ้าเปิดโลก" ยังไงก็ยังงั้นเลยเชียว!

            โดยเฉพาะที่ภูเก็ต หัวแหวนทางการท่องเที่ยวของไทย ที่ชาวโลกบอกว่า "ก่อนตายต้องมาซักครั้ง" เมื่อเปิดให้เข้ามาเป็นพิเศษอย่างนี้ด้วยแล้ว

            ๑,๒๐๐ ห้อง จากทุกโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการระยะแรก ผ่านการประเมินว่าพร้อมตามมาตรการแล้ว เผลอๆ จะไม่พอเอาด้วยซ้ำ

            ขั้นแรกนี่ มี ๙ โรงแรม ตั้งแต่ ๕-๓ ดาว ที่พร้อมรับและจับจองกันเข้ามา ก็มี

            อนันตราไม้ขาวภูเก็ตวิลล่า, ตรีสรา ต.เชิงทะเล, เมธาดีรีสอร์ทแอนด์วิลล่า กะรน, เกรซแลนด์รีสอร์ทแอนด์สปา ป่าตอง, อนันตราภูเก็ตสวีทส์แอนด์วิลล่าไม้ขาว

             บันยันทรีภูเก็ต, ลากูน่าฮอลิเดย์ คลับภูเก็ต รีสอร์ท, เจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์สปา  และเดอะเซนส์เซส รีสอร์ท แอนด์ พูลวิลล่า

            นอกจากโรงแรมแล้ว มีโรงพยาบาลที่เป็น "สถานเก็บตัวทางเลือก (ALSQ) อีกหลายแห่งพร้อมสรรพ

            "กลุ่มแรก" ที่จะเข้ามาถึงสนามบินภูเก็ต ก็วันที่ ๘ ตุลา เป็นนักท่องเที่ยวจากกว่างโจว ประเทศจีน  ๑๕๐ คน เช่าเหมาลำ "แอร์เอเชีย" บินเข้ามา

            ๒๕ ตุลา โดยไทยสมายล์ บินมาลงสนามบินสุวรรณภูมิอีก ๑๒๖ คน

            ๑ พฤศจิกา เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย โดยสายการบินไทย มาลงสุวรรณภูมิ  ๑๒๐ คน

            ไม่ต้องห่วงว่า โอ้โห..มากันรึ่มแบบนี้ เดี๋ยวโควิดก็ได้ระบาดกันเต็มบ้าน-เต็มเมืองจนได้หรอก

            เพราะทุกคน ลงปุ๊บ เชิญแถวเรียงหนึ่งเข้า ALSQ ทันที ๑๔ วัน ตามติดด้วยมาตรการตรวจเข้มอีกมากมายต่อเนื่อง ก่อนจะปล่อยให้ไปไหนได้ตามโปรแกรมและเงื่อนไข

            นี่ผมก็เล่าคร่าวๆ พอได้บรรยากาศ ประเด็นที่อยากจะพูด ก็คือ

            ที่ห่วงและค้านกันว่า "ไม่เอา-ไม่คุ้ม" กับที่คนต่างชาติจะนำโควิดเข้ามาระบาดนั้น

            ผมไม่เถียง แต่มีความเห็นว่า นี่คือโอกาสของทีมไทยได้ใช้ "สถานการณ์จริง" ทดสอบ-ศึกษา-วิจัย ต่อยอดเป็นศาสตร์ เป็นตำราของโลก

            ทั้งด้านวิธีรักษาโควิด-๑๙ ทั้งด้านวิธีการป้องกัน และทั้งด้านว่า ทำอย่างไร มีมาตรการแบบไหน จึงสามารถอยู่ร่วมกับโควิดได้ โดยไม่ติดเชื้อโควิด?

            โลกและเรา เรียนทฤษฎี ศึกษา ทดสอบ ปฏิบัติการ ในการรับมือโควิด ผิดบ้าง-ถูกบ้าง มาร่วมปี

            ยังไม่ปรากฏว่า สูตรไหน ทฤษฎีไหน มาตรการไหน ของประเทศไหน ยึดถือ ด้วยเชื่อถือเป็นมาตรฐานได้

            ทวีปอเมริกานั้น ไม่ได้เดินไปให้โคลัมบัสค้นพบ หากแต่โคลัมบัสล่องเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ทั้งเสี่ยงตาย ทั้งหลงแล้ว-หลงอีก ๓ ครั้ง ๔ ครา จึงไปพบทวีปอเมริกาในซีกโลกตะวันตก

            โควิดมันไม่หายไปจากโลกหรอก ฉะนั้น เราต้องค้นหาวิธีอยู่ร่วมกับมันโดยไม่ติดโรคให้ได้

            ไทยเรา เป็นผู้พิชิตกระฉ่อนโลกมาขั้นหนึ่งแล้ว เราเป็นผู้เรียนตามตำรา เรียนตามทฤษฎีมาช้านาน

            บัดนี้ โอกาสที่ "ทีมไทย" จะเป็นผู้สร้างตำราให้ชาวโลกได้เรียนตามบ้างแล้วว่า วิธีอยู่ร่วมกับไวรัสโควิด-๑๙ ให้แฮปปี้ ต้องแบบไหน อย่างไร?

            ดังนั้น อย่ากลัว อย่าเป็นเต่าหดหัวในกระดอง ประกาศศักดาเป็นก้าวที่ ๒ ของประเทศไทย เปิดแบบมีมาตรฐานฝีมือ "เดอะ เบสต์" ของโลก ให้ต่างชาติเข้ามา

            แล้ว "ทีมไทย-คนไทย" จะได้ช่วยกัน "สร้างตำรา" ผ่านตัวพวกเขาซึ่งเป็นพาหะนั่นแหละ ให้คน  ๗,๐๐๐ ล้านทั้งโลกได้ศึกษาจากเราไปใช้บ้างว่า

                "อยู่กับโควิดอย่างไรให้ปลอดภัย ๑๐๐%" จากบทศึกษา-ค้นคว้า โดยประเทศไทย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"