ว่าด้วยการ“ก้าวข้ามตะวันตก”


เพิ่มเพื่อน    

  

       ถ้าจำไม่ผิด...ดูเหมือนว่า อาจารย์ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ขณะที่ยังไม่ได้ขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อะไรต่อมิอะไรอีกยาวเหยียด เป็นเพียงระดับ ภาคีบัณฑิตยสภา ท่านน่าจะเป็นผู้ประดิษฐ์ คิดค้น บัญญัติศัพท์ บัญญัติคำ ว่าด้วยการ ก้าวข้ามตะวันตก ขึ้นมาเป็นรายแรก หลังจากได้เห็นความเสื่อมทรุด เสื่อมโทรม ไม่ว่าทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ของบรรดาพวกฝรั่งมังค่าทั้งหลาย ที่ถึงกับต้องบัญญัติศัพท์ บัญญัติคำว่า Westlessness ขึ้นมาในหมู่ชาวตะวันตกเมื่อช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง...

                        ----------------------------------------------

            แต่ก็นั่นแหละ...การ ก้าวข้ามตะวันตก ในทาง ทฤษฎี อาจเป็นความคิด ความอ่าน หรือเป็นอะไรที่สามารถประดิษฐ์ คิดค้น ขึ้นมาได้สบายๆ แต่สำหรับในทาง ปฏิบัติ แล้ว คงต้องยอมรับว่า...น่าจะเป็นอะไรที่ ยากซ์ซ์ซ์ฉิบหาย แม้จะสามารถดึงเอาคุณพี่ สำราญ รอดเพชร ไปเป็นมือซ้าย มือขวา เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีได้แล้วก็ตาม เพราะเพียงแค่ต้องเจอความปรารถนาและต้องการที่จะไหลไปตาม เสรีภาพแบบตะวันตก ของบรรดาหนูเล็กๆ และเด็กๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าเสรีภาพในการไว้ผมยาว ไม่ต้องเกรียน ไม่ต้องรองทรง เสรีภาพในการแต่งตัวอะไรก็ได้ ไม่ต้องมีเครื่องแบบ มีหัวเข็มขัด กะเทย กระทิง หรือกระซู่ จะแต่งหญิงแต่งชาย ก็แล้วแต่ใจปรารถนา เพียงเท่านี้...ไม่ใช่แค่รัฐมนตรี เอนก กระทั่งรัฐมนตรีศึกษาฯ ณัฐพล ยังหวิดๆ ถูกพวก นักเรียนเลว ไล่โห่ ไล่เป่านกหวีด หวิดๆ ไล่กระทืบเอาเลยถึงขั้นนั้น...

                            -------------------------------------------------

            คือคงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...ระหว่าง เสรีภาพแบบตะวันตก กับ เสรีภาพแบบตะวันออก มันออกจะเป็นคนละเรื่อง คนละม้วน อย่างมิอาจปฏิเสธได้ หรือขณะที่ความหมายของคำว่า เสรีภาพ ในแนวของพวกฝรั่งมังค่าทั้งหลาย มักหนักไปทาง ตามใจตัวเอง ซะเป็นหลัก อยากจะใส่อะไรก็ได้ นุ่งอะไรก็ได้ แม้แต่ หน้ากากอนามัย ก็ยังไม่คิดจะสวม ใครมาบังคับ ขืนใจ อาจเจอการลุกฮือ ลุกขึ้นมาประท้วงเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ขณะที่ความหมายของคำว่า เสรีภาพ ในแบบตะวันออก โดยเฉพาะตามแบบฉบับชาวพุทธ-คริสต์-อิสลาม ฯลฯ ทั้งหลาย ที่ล้วนแต่มีต้นกำเนิดมาจาก ตะวันออก ด้วยกันทั้งสิ้น กลับหนักไปทางการ ข่มใจตัวเอง หรือกระทั่งขืนใจ ฝืนใจตัวเองซะเป็นหลัก...

                               ----------------------------------------------

            อย่างบรรดาพระสงฆ์ องคเจ้า ของชาวพุทธ ทั้งหลาย...ที่หนีไม่พ้นต้องใช้ชีวิตแบบทรมานตัวเองแท้ๆ ต้องตีกรอบ สร้างกรอบ ไว้กักขังตัวเองถึง 227 ข้อด้วยกัน หรือแม้แต่คริสต์ศาสนาของพระเยซูเจ้า ที่ถึงกับชี้แนะ ชี้นำ ไว้ประมาณว่า ถ้าฝ่ายตรงข้าม หรือศัตรูตบแก้มซ้าย ควรยื่นแก้มขวาไปให้เขาตบด้วย หรืออย่าคิดสั่งสมสมบัติเอาไว้ในโลกนี้ ให้ฝากเอาไว้ในโลกหน้าโน่นเลย ไปจนพระนบีมุฮัมมัดของชาวอิสลามทั้งหลาย ที่วันดี-คืนดี หรือวันรอมฎอน กลับสั่งห้ามให้อดข้าว อดน้ำ อดอาหารซะเฉยเลย ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่หนักไปในทาง ข่มใจตัวเอง หรือฝืนใจตัวเองซะเป็นหลัก โดยเป็นที่เชื่อๆ กันว่าย่อมสามารถนำมาซึ่งเสรีภาพในอีกรูปแบบหนึ่ง หรือ เสรีภาพทางจิตวิญญาณ อันเป็นสิ่งสูงส่ง สูงค่า ไปกว่า เสรีภาพทางร่างกาย ไม่รู้กี่ร้อย กี่พันเท่า เป็นสิ่งที่ช่วยให้สามารถ อยู่ร่วมกันโดยสันติ กับสังคมไหนๆ ก็ย่อมได้ ไม่ว่าสังคมเผด็จการ หรือสังคมประชาธิปไตย ก็ตามที...

                       --------------------------------------------------

            ส่วนอะไรที่จะเป็นจริง-เป็นจัง เป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้ อะไรเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร ฯลฯ...อันนั้นคงต้องไปนั่งคิด นอนคิด กันเอาเองก็แล้วกัน แต่เหตุที่ต้องหยิบเอาเรื่องทำนองนี้มาพูดจา ว่ากล่าว กันไว้ ณ ที่นี้ ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่า การมีโอกาสได้อ่านข่าว ฟังข่าว ว่าด้วยเรื่องการ ดีเบต ระหว่างคนแก่ คนชรา 2 ราย ที่พยายามยื้อแย่ง แข่งขัน หวังที่จะผงาดขึ้นเป็นผู้นำประเทศมหาอำนาจสูงสุดแห่งโลก หรือเป็น ประธานาธิบดีอเมริกัน ให้จงได้ นั่นก็คือการโต้เถียง อภิปราย ระหว่างผู้นำรายปัจจุบัน ที่คงต้องขออนุญาตเรียกขานว่า ทรัมป์บ้า กับคู่แข่ง คู่ชิง ที่แก่แสนแก่ไม่แพ้กัน ซึ่งถูกฝ่ายตรงข้ามเรียกขานในนาม โจซึมเซา (Sleepy Joe) หรือ โจวิตถาร (Creepy Joe) ก็แล้วแต่จะว่ากันไป...

                    --------------------------------------------------

            คือถึงแม้สิ่งที่เรียกว่า...การ ดีเบต หรือการโต้กันไป-โต้กันมา ระหว่างผู้ที่พยายามเสนอตัวให้ปวงชนทั้งหลายได้ตัดสินใจเลือกเฟ้นไปตามความปรารถนา-ความต้องการของแต่ละราย อาจเป็นอะไรที่ดูสูงส่ง วิเศษวิเสโส เสียเหลือเกิน โดยเฉพาะในระบอบการเมือง-การปกครองที่เรียกขานกันในนาม ระบอบประชาธิปไตย ของประเทศแม่แบบอย่างคุณพ่ออเมริกา แต่ไปๆ-มาๆ ไม่ว่าใครก็ตามที่มีโอกาสได้ดู ได้ชม การ ดีเบต ระหว่าง 2 ชายชรา ที่ต่างมีอายุ-อานามระดับ 70 ปีขึ้นไป คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ ว่าแทบไม่ต่างอะไรไปจากรายการ กัดกัน หรือการไล่ฟัด ไล่งับ การด่าว่า ด่าทอ ระหว่างคนแก่กับคนแก่ ที่แทบไม่หลงเหลือความเป็น ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ไปด้วยกันทั้งคู่ หรือต่างพร้อมที่จะแค้นจัด-กัดดะ-ฝังเขี้ยวจมน่องฝ่ายตรงข้าม จนออกอาการเละเทอะ เลอะเทะ หรือ เละตุ้มเป๊ะ ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

                                --------------------------------------------------

            ด้วยเหตุนี้...ถ้าวันหนึ่ง-วันใด ที่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา หนีไม่พ้นต้อง ไหลไปตามกระแสตะวันตก โดยไม่คิดจะ ก้าวข้าม เอาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าในระดับเด็กๆ หรือระดับผู้ใหญ่ก็แล้วแต่ โอกาสที่เราทั้งหลายจะได้เห็นการไล่ฟัด ไล่งับ ระหว่าง นักการเมือง ด้วยกัน ก่อนที่สังคมทั้งสังคมที่ถูกยุ ถูกแหย่ ถูกกระตุ้นให้ต้องหันมาเผชิญหน้าซึ่งกันและกัน อาจมีอันต้อง ล่มสลาย ตามไปด้วยในอีกไม่นาน-ไม่ช้า ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาซะเลย!!!

                        ---------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Burke” (อีกครั้ง...และอีกครั้ง)... What is liberty without wisdom and without virtue? It is the greatest of all possible evils. – เสรีภาพที่ปราศจากปัญญาและคุณธรรม จะต่างอะไรไปจากความชั่วที่ร้ายกาจที่สุด...”.

                -------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"