คณะกรรมการจัดการอภิปรายโต้วาทีระหว่างคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐให้คำมั่นจะปรับเปลี่ยนกฎกติกาเพื่อให้การดีเบตมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น หลังจากการดวลฝีปากนัดแรกเต็มไปด้วยความวุ่นวายเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ คอยแต่พูดแทรกก่อกวนโจ ไบเดน และพิธีกร โดยมีข้อเสนอให้ใช้วิธีปิดไมค์เสียเลย

    ข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม กล่าวว่า การอภิปรายโต้วาทียกแรกระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์แห่งพรรครีพับลิกัน และไบเดน ตัวแทนจากเดโมแครต ซึ่งจัดที่เมืองคลีฟแลนด์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดนวิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะทรัมป์ที่ระรานและพูดแทรกไบเดนอยู่ตลอดเวลา แต่ทั้งสองฝ่ายต่างโดนตำหนิพอกันกับการที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงด่าทออีกฝ่าย โดยทรัมป์ดูถูกระดับสติปัญญาของไบเดน ส่วนไบเดนเรียกทรัมป์ว่าคนขี้ปด, เหยียดผิว และเป็นประธานาธิบดีที่แย่ที่สุดเท่าที่สหรัฐเคยมีมา

    "การดีเบตเมื่อคืนทำให้เห็นชัดเจนว่าควรมีโครงสร้างเพิ่มเติมในการจัดรูปแบบของการดีเบตที่เหลืออยู่ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการอภิปรายประเด็นต่างๆ จะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น" คณะกรรมการว่าด้วยการโต้วาทีของผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกล่าวในแถลงการณ์ และว่า พวกเขาจะประกาศมาตรการใหม่ในไม่ช้านี้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะมีเครื่องมือเพิ่มขึ้นในการรักษาความเป็นระเบียบสำหรับการโต้วาทีที่เหลืออีก 2 นัด ในวันที่ 15 และ 22 ตุลาคม

    การอภิปรายโต้วาทีนาน 90 นาที กำหนดรูปแบบให้ผู้อภิปรายแต่ละคนมีเวลาตอบคำถามผู้ดำเนินรายการคนละ 2 นาที ก่อนที่จะเปิดโอกาสให้โต้วาทีกัน แต่ทรัมป์กลับเอาแต่พูดแทรกคำตอบของไบเดนอยู่ตลอดเวลา นำไปสู่การประคารมกันอย่างเผ็ดร้อนและวุ่นวาย ไบเดนที่เหลืออดเรียกทรัมป์ว่าตัวตลกและตอนหนึ่งถึงกับบอกให้ทรัมป์ "หุบปาก"

    คริส วอลเลซ ผู้ประกาศข่าวรุ่นเก๋าของสถานีฟ็อกซ์นิวส์ เป็นผู้ดำเนินรายการครั้งนี้ แต่เขาคุมสถานการณ์ไม่ได้แม้จะพยายามวิงวอนทรัมป์ให้ทำตามกติกาที่ทีมงานหาเสียงของทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ล่วงหน้า

    ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้เดโมแครตบางคนและบุคคลในแวดวงสื่อเรียกร้องให้ไบเดนบอยคอตการโต้วาทีที่เหลือ แต่ทีมงานของอดีตรองประธานาธิบดีผู้นี้ยืนยันกับสื่อสหรัฐเมื่อวันพุธว่า ไบเดนจะเข้าร่วมการโต้วาทีตามแผนเดิม

    ไบเดนกล่าวถึงการดีเบตเมื่อวันอังคารและพฤติกรรมของทรัมป์ว่า เป็นความอับอายระดับประเทศ ตัวเขาไม่อยากจะคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นในการดีเบตครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 เขาหวังด้วยว่าผู้จัดการโต้วาทีที่เหลือจะสามารถปิดไมโครโฟนของผู้อภิปรายเมื่อยังไม่ถึงเวลาพูด

    ด้านวอลเลซ ซึ่งยอมรับว่าคาดไม่ถึงว่าดีเบตที่ผ่านมาจะโกลาหลวุ่นวายถึงเพียงนี้ กล่าวว่า การปิดไมค์อาจไม่ได้ผล เพราะถึงแม้เขาจะปิดไมค์ของทรัมป์ แต่ทรัมป์ก็ยังสามารถพูดตะเบ็งเสียงก่อกวนไบเดนที่ยืนอยู่ไม่ห่างนักได้อยู่ดี

    สำหรับประธานาธิบดีทรัมป์ คุยโวว่าเขาเป็นผู้ชนะการดีเบต และมีเสียงชื่นชมมากมาย แต่เขาไม่ได้ยกตัวอย่างคำชมที่ว่านั้น

    บริษัทนีลเซนสำรวจจำนวนผู้ชมการดีเบตทางทีวีเมื่อคืนวันอังคารผ่าน 16 เครือข่าย พบว่า มีผู้ชมเพียง 73.1 ล้านคน ลดลงจากดีเบตนัดแรกระหว่างทรัมป์ กับนางฮิลลารี คลินตัน เมื่อปี 2559 ที่ทำสถิติไว้ถึง 84 ล้านคน

    ส่วนสถานีซีบีเอสสุ่มสอบถามผู้ที่อาจไปใช้สิทธิ 1,039 คนที่ได้ชมการดีเบต พบว่าไบเดนมีคะแนนเหนือกว่าทรัมป์ที่ 48% ต่อ 41% ซึ่งเป็นส่วนต่างที่ใกล้เคียงกับโพลระดับชาติ.