1 ต.ค.63 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีวุฒิสมาชิกเห็นควรให้มีการพูดคุยในกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 6 ฉบับ ก่อนรับหลักการ โดยไม่เห็นด้วยกับการที่นายกรัฐมนตรีจะมาส่งสัญญาณให้รับญัตติของพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงหากจะตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ต้องมีการทำประชามติเสียก่อนว่า เป็นความเห็นของส.ว. แต่ถึงอย่างไรทุกอย่างจะต้องไปพูดคุยกันในกรรมาธิการฯ ซึ่งตั้งขึ้นตามข้อบังคับเพื่อพิจารณาก่อนรับหลักการ รัฐบาลหรือตนคงออกความเห็นอะไรไม่ได้
โดยร่างนั้นเป็นร่างของพรรคร่วมรัฐบาล 1 ร่าง และเป็นร่างของพรรคฝ่ายค้าน 1 ร่าง ซึ่งหลักการคล้ายคลึงกัน แต่เป็นการแก้ไขรายมาตราอีก 4 ร่าง ร่างของไอลอว์อีก 1 ร่าง ซึ่งของไอลอว์นั้นประธานกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ทั้งหมดจะเข้าไปสู่การพิจารณาของกรรมาธิการฯ และได้ยินว่าเขาจะนำบทสรุปหรือข้อสังเกตของกรรมาธิการชุดของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือว่าเป็นการดี เพราะตอนที่ชุดของนายพีระพันธุ์ เสนอนั้น ยังไม่มีร่างใดเลยแม้แต่ร่างเดียว ดังนั้นจึงต้องนำมาเทียบกันทั้งหมด จะต้องใช้เวลาไม่เกิน 30 วันนี้ ให้เป็นประโยชน์
นายวิษณุ กล่าวว่า ซึ่งที่เป็นข่าวและวิจารณ์กันว่ารัฐบาลส่งสัญญาณอะไรนั้น เมื่อวันอังคารที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนก็นั่งอยู่ในที่เกิดเหตุนั้นด้วย แต่ไม่เห็นว่าเป็นการส่งซิกใดๆทั้งนั้น เป็นเพียงมีการพูดคุยกันหลายเรื่อง เป็นธรรมดาของทุกวันอังคารก่อนการประชุมครม.ที่รัฐมนตรีคนไหน หรือหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลคนไหนมีข้อหารือหรือเล่าให้นายกรัฐมนตรีฟัง ก็มาพูดคุยเป็นธรรมดา ไม่ใช่เป็นการประชุมอะไรด้วยซ้ำไป เนื่องจากมีคนอื่นๆ อยู่ด้วยหลายคน เช่น ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งส่วนใหญ่พูดคุยกันเรื่องวัคซีนว่าจะทำอย่างไร ที่จะเอาเข้ามาได้โดยเร็ว พูดกันถึงเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และอีกหลายเรื่องที่สภาพัฒน์ฯ ต้องจัดการ
มีการพูดถึงเรื่องปัญหารัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกฯปรารภขึ้นมาว่า ร่างของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลได้ลงชื่อกันไปจำนวนมากกว่า 200 คน เพราะฉะนั้นก็เป็นธรรมดาที่พรรคร่วมรัฐบาลเมื่อเสนอแล้ว ก็ต้องเข็นต่อไป จะไปกลับลำได้อย่างไร ซึ่งนี่คือสิ่งที่นายกฯพูด ซึ่งทุกพรรคก็เห็นด้วย ทั้งท่านอนุทิน ท่านจุรินทร์ ท่านวราวุธ ต่างก็เห็นด้วยว่าถูกต้อง นายกฯก็บอกว่าอันนี้คือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ส่วนการที่จะทำความเข้าใจอย่างไรต่อไปกับคนอื่น ซึ่งในที่นี้หมายถึงสมาชิกรัฐสภา ทั้งผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา และประชาชน ก็รอฟังกรรมาธิการว่าเขาว่ากันอย่างไร เพราะถ้าออกมาตรงกันก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อยอธิบาย แต่ถ้าไม่ตรงกันก็ต้องช่วยกันอธิบาย พูดกันแค่นี้ ไม่ได้ส่งซิกส่งอะไร
ส่วนวุฒิฯท่านจะพูดกันอย่างไรก็ถูก เพราะถือเป็นผู้มีสิทธิเสียบบัตร หรือผู้มีสิทธิออกเสียง หรือขานชื่อ ท่านจะเอาอย่างไรก็ต้องแล้วแต่ท่าน แต่ทั้งหมดนี้ คงต้องคุยกันในกรรมาธิการฯก่อน ไม่อย่างนั้นจะตั้งขึ้นมาหาอะไร และตอนที่นายกฯพูดคือวันอังคาร คณะกรรมาธิการฯยังไม่ได้ประชุมกัน ซึ่งเขาเพิ่งประชุมกันนัดแรกในวันพุธ”นายวิษณุระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงอย่างไรเสียงของส.ว.ก็มีส่วนสำคัญในการที่จะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะส.ว.มีตั้ง 250 เสียง ต้องขอรอฟังการพูดคุยของกรรมาธิการฯกันเสียก่อนเพื่อให้เกิดตกผลึก “ตนได้พูดประโยคสำคัญ พวกคุณสังเกตหรือไม่ เพราะถ้าสังเกตให้ดีจะมีอะไรซ่อนอยู่ ผมบอกว่าทั้งหมดอยู่ที่คณะกรรมาธิการฯ ถ้ากรรมาธิการฯออกมาตรงกับแนวของเรา มันก็ได้ แต่ถ้าไม่ตรงกัน ก็ต้องไปช่วยกันทำความเข้าใจกับส.ส. ส.ว.และประชาชน”
เมื่อถามย้ำว่ามีส.ว.บางคนเรียกร้องให้ทำประชามติก่อนจะตั้งส.ส.ร. นายวิษณุ กล่าวว่า มีบางคนพูดเท่านั้น ซึ่งตนได้ยินมานานแล้ว ก็ไม่เป็นไร ทั้งนายสมชาย แสวงการ ,นายไพบูลย์ นิติตะวัน ก็พูด ก็ไม่เป็นไร ก็ถือเป็นข้อเสนอและเป็นข้อสังเกตที่ดี และนั่นคือสิ่งที่พูดกันมาก่อนจะมาตั้งกรรมาธิการ เพราะการพูดอย่างนั้นจึงเป็นที่มาของการตั้งกรรมาธิการตามข้อบังคับ 121 วรรค3 เพราะเกิดตกใจขึ้นมาว่า ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 18-22/2555 ที่เคยมีมานั้นตรงกับกรณีที่เกิดขึ้นในเวลานี้หรือไม่ เพราะในวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวได้บอกไว้จริงๆว่า อำนาจมาจากประชาชน เมื่อมาจากประชาชนก็ต้องกลับไปถามประชาชน แล้วหลักดังกล่าวจะนำมาใช้กับครั้งนี้ได้หรือไม่ อันนี้ก็สุดแท้แต่ ซึ่งตนเองมีความเห็นแต่ไม่อยากพูด ดังนั้นควรไปพูดคุยกันในกรรมาธิการ ในเมื่อมีเวลาแล้วก็พูดกันใน 30 วันนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์
“30 วันนี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อจะถ่วงเวลาใดๆทั้งสิ้น เพราะได้อธิบายแล้วว่า ถึงจะรับหลักการในวาระที่ 1 แล้ว สมมติว่าไม่ได้ตั้งกรรมาธิการ ก็ยังเดินหน้าต่อไม่ได้ และอย่างมากก็ตั้งกรรมาธิการพิจารณาในวาระ2,3 จนกระทั่งเปิดสภาฯ มาพิจารณาวาระ 2 รายมาตรา จนกระทั่งพิจารณาเสร็จแล้วทิ้งไว้ 15 วัน เพื่อพิจารณาวาระ3 เสร็จแล้วก็ต้องทิ้งไว้อีกเป็นเดือนๆ เพราะว่ายังไปทำประชามติไม่ได้
ผมทำปฏิทินไว้ในใจว่ากว่ากฎหมายประชามติจะผ่าน ก็ไปถึงก.พ.-มี.ค.64 เพราะฉะนั้นรัฐธรรมนูญที่ทำเสร็จในเดือนธ.ค.ก็ต้องทิ้งเอาไว้อยู่ดี เพราะต้องรอ ไม่เช่นนั้น ไม่รู้จะไปลงประชามติกันอย่างไร ฉะนั้นก็ต้องใช้เวลา ซึ่งก็รอบคอบ ดังนั้นใครที่นั่งฟังอยู่ บางคนก็บอกว่ากลัวอย่างนั้น บางคนก็บอกว่ากลัวอย่างนี้ บางสิ่งที่กลัวบ้างก็ไม่มีเหตุผล บางสิ่งก็อาจจะมีเหตุผล ก็ควรนำมาถกกันเสียในช่วงที่สภาฯปิด 30 วันนี้ เพราะถ้าสภาฯไม่ปิด การตั้งกรรมาธิการฯ เป็นการถ่วงเวลาจริงๆ แต่เมื่อสภาฯปิดสมัยประชุม 30 วัน ทำอะไรก็ไม่ได้ในสภาฯ จึงใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์ ถ้าทำเสร็จเร็วไม่ถึง 30 วัน ก็ยิ่งดี และถึงอย่างไรก็ต้องรอเปิดประชุมสภาฯวันที่ 2 พ.ย.อยู่ดี” นายวิษณุกล่าว
รองนายกฯ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การจะเปิดสภาสมัยประชุมวิสามัญฯนั้นยุ่งยากพอสมควร เพราะต้องมีพระราชกฤษฎีกาเปิดสภาฯ แล้วยังต้องมีพระราชกฤษฎีกาอีกฉบับหนึ่งเพื่อปิดสภาฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าไม่ต้องเปิดสมัยประชุมวิสามัญฯใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่แน่ อาจจะเปิดก็ได้ เพราะการเปิดสภาฯ สมาชิกก็เข้าชื่อกันขอเปิดได้ เพราะการเปิดสภาฯวิสามัญนั้นทำได้ 2 แบบ โดยครม.ขอเปิด และสมาชิกสภาฯเข้าชื่อกันขอเปิด แต่ในเมื่อจะเปิดสภาฯอยู่แล้วในวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ ดังนั้นก็ต้องเปิดวันที่ 2 พ.ย. ก็สามารถประชุมร่วมกันได้เลย ก็ไม่ได้เสียเวลาแต่อย่างใด ส่วนความมั่นใจก็รอฟังทางกรรมาธิการฯ ส่วนตนเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลที่เข้าชื่อกันเสนอนั้น เขาก็มีความมั่นใจของเขาแล้ว เชื่อว่าในกรรมาธิการฯพูดกันเดี๋ยวเดียวก็เข้าใจ ในเมื่อแต่ละคนมีเหตุผลทั้งนั้นก็ให้นำมาพูดกัน
“หากรับหลักการในวาระ 1 แล้วตั้งกรรมาธิการฯ 45 คน ซึ่งคนนอกเป็นกรรมาธิการฯไม่ได้ เพื่อให้มาตรวจแก้ร่างฯ ซึ่งครั้งนี้ยังไม่ได้เป็นการร่างส.ส.ร. แต่เป็นเพียงการเปิดทางให้มีส.ส.ร. ซึ่งกรรมาธิการฯ 45 คนนั้น ต้องมาจากสมาชิกรัฐสภา ครม.ส่งคนไปไม่ได้ คนนอกเป็นไม่ได้ แม้แต่ร่างไอลอว์ของประชาชน ถ้าเข้าไปได้แล้วรับหลักการให้วาระ 1 ไอลอว์ก็เป็นกรรมาธิการฯไม่ได้ แต่ไปชี้แจงได้"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |