นายกฯ เรียก "บิ๊ก ขรก.-ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่" หารือให้ช่วยกันทำงาน แก้ไขปัญหาชาติบ้านเมือง ขณะที่ผู้นำทุกเหล่าทัพร่วมทำพิธีรับ-ส่งหน้าที่ ประกาศก้อง ยืนยันทำหน้าที่ในการปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล
ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 30 กันยายน ในช่วงเช้านายกฯ เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีรายงานว่า นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ว่าที่เลขาธิการ สศช.คนใหม่ เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อรับนโยบายในการปฏิบัติหน้าที่
ยังมีรายงานว่า ผู้บัญชาการกองพลของกองทัพ รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) บางส่วน ซึ่งเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่เข้าพบเป็นการส่วนตัวก่อนปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 1 ต.ค. ทั้งนี้ เพื่อความสัมพันธ์ใกล้ชิดในกองทัพ และในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งไม่มีนัยพิเศษแต่อย่างใด
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้เรียกคณะผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดใหม่เพื่อหารือถึงแนวทางการทำงาน และสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอให้ทุกคนร่วมมือ ช่วยกันดูแล ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง เพราะขณะนี้ปัญหาของประเทศมีมากมาย โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ที่กระทบต่อประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ให้กำลังใจ และมอบพระเป็นสิริมงคลในโอกาสเริ่มต้นการทำงานในตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ
ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทำพิธีรับ-ส่งหน้าที่ให้กับ พล.อ.เฉลิมชัย ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนใหม่ โดยมี พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก, พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ, พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมพิธี
พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมากองบัญชาการกองทัพไทย เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่างมุ่งมั่นในการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ ทั้งด้านการเตรียมและการใช้กำลังและพัฒนาความเคารพ รวมถึงพัฒนาขีดความสามารถ อาวุธยุทโธปกรณ์อย่างต่อเนื่อง สามารถปฏิบัติงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังทำหน้าที่ปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่เป็นภัยต่อประเทศชาติ
เชื่อมั่นว่าภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บัญชาการทหารสูงสุดท่านใหม่ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ จะนำพากองทัพไทยเป็นหน่วยงานหลักด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคงที่มีการพัฒนาและเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ และทำหน้าที่ในการปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลในการร่วมแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้อย่างดีเยี่ยม
ยึดถือพระราชพิธีนิทาน 5
ด้าน พล.อ.เฉลิมพลกล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่จะเกษียณชีวิตราชการในครั้งนี้ ได้มุ่งมั่นทุ่มเทเสียสละเพื่อพัฒนากองบัญชาการกองทัพไทย ปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และดูแลความเป็นอยู่ของกำลังพลเป็นอย่างดียิ่ง ตนและเพื่อนข้าราชการทุกคนขอให้คำมั่นว่า จะร่วมการปฏิบัติหน้าที่เพื่อธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และช่วยเหลือประชาชนในทุกโอกาส และเสริมสร้างเกียรติภูมิของกองทัพไทย ตลอดจนจะมุ่งมั่น ทุ่มเท เสียสละ และยึดถือพระราชพิธีนิทาน 5 และนโยบายของรัฐบาลเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ในวาระสำคัญนี้ตนขอรับหน้าที่และการบังคับบัญชาในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเริ่มพิธีรับ-ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.พรพิพัฒน์ได้มอบของที่ระลึกและถ่ายรูปร่วมกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดและ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่
ต่อมา พล.อ.พรพิพัฒน์ให้สัมภาษณ์ว่า ทุกเหล่าทัพต้องเข้าใจว่าสภาพงบประมาณเป็นข้อจำกัด อาจทำให้ไม่สามารถพัฒนาขีดความสามารถได้ตามที่เราประสงค์ โดยเฉพาะด้านยุทโธปกรณ์ จะต้องมีความพอดีและพอประมาณ ตามหลักของในหลวงรัชกาลที่ 9 และใช้ความฉลาดในการบริหารงาน
"ดังนั้นกองทัพยุคต่อไปต้องปรับตัวด้วยความชาญฉลาด และเพิ่มขีดความสามารถให้ได้ในช่วงที่มีงบประมาณ ตลอดจนถึงปรับกลไกการทำงานให้สอดคล้องกับรัฐบาลและรัฐสภากำหนด"
เมื่อถามว่าได้แนะนำการทำงานกับ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ที่จะต้องเข้ามาเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อย่างไรบ้าง พล.อ.พรพิพัฒน์ตอบว่า ทุกคนมีดุลพินิจในการหารือหรือการแสดงบทบาทของ ผบ.เหล่าทัพในฐานะ ส.ว. ว่าจะดำเนินการอย่างไร คิดว่าจะมีการแถลงแนวทาง จะมีการแถลงในอนาคตต่อไป
"ผมเชื่อมั่นว่าประเทศไทยมีความรู้รักสามัคคี และความปรองดองเท่านั้นที่จะทำให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้านำความเห็นต่างมาช่วยเสริมและกำหนดทิศทางด้วยกัน บนพื้นฐานเรารักกันอยากเห็นประเทศไทยเดินหน้า อยากสงบสุขอย่างสงบสุขแบบไม่ต้องสร้างความขัดแย้ง และเชื่อว่าในที่สุดเห็นทางสว่าง" พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าว
ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราชกองทัพอากาศ จัดพิธีรับ-ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารอากาศ และการมอบการบังคับบัญชาระหว่าง พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ซึ่งเกษียณอายุราชการ กับ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ.คนใหม่ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพอากาศ ข้าราชการทหารอากาศ ผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ สมาคมแม่บ้านทหารอากาศ และแขกผู้มีเกียรติร่วมในพิธี ทั้งนี้กองทัพอากาศยังได้จัดเครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 (F-5) จำนวน 2 เครื่อง, เครื่องบินขับไล่แบบที่ 19 (F-16) จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องบินขับไล่แบบที่ 20 (กริพเพน) จำนวน 2 เครื่อง บินผ่านพิธีเพื่อเป็นเกียรติ
พล.อ.อ.แอร์บูลกล่าวว่า ตนขอรับหน้าที่และการบังคับบัญชา จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ มุ่งมั่นทุ่มเทอย่างเต็มกำลังความรู้ความสามารถ
เมื่อถามถึงคลื่นใต้น้ำในกองทัพอากาศหลังเป็น ผบ.ทอ. พล.อ.อ.แอร์บูลตอบว่า คงไม่น่ามีปัญหาหนักใจอะไร คลื่นสักวันก็สงบ แล้วค่อยดำเนินการแก้ไขปัญหากันไป ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำตามนั้น ทุกอย่างจะดีเอง ความเป็นพี่น้องก็ดำเนินการต่อไป เพราะเราถูกปลูกฝังเอาไว้เช่นนั้น
อย่าไปเชื่อข่าวลือ
โดย พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ อดีต ผบ.ทอ. ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงเหตุผลในการเลือก พล.อ.อ.แอร์บูล ว่าตนมีเอกสารทำเป็นตารางประเมินอย่างชัดเจน เมื่อเห็นแล้วจะทราบว่า พล.อ.อ.แอร์บูลได้คะแนนสูงสุดเพราะอะไร สิ่งที่สำคัญคือต้นทุนของแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่ตนให้คะแนนโดยดูจากข้อมูลมาเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง พล.อ.อ.แอร์บูลมีคะแนนสูงสุด
“ไม่มีใบสั่ง อย่าไปเชื่อข่าวลือ และยืนยันว่าไม่มีการเมืองมาแทรกแซง เพราะถ้าแทรกคงไม่ได้เป็นชื่อแอร์บูล ผมพิจารณาคนเดียวทั้งหมดแล้วส่งไปที่นายกฯ มีเอกสารประกอบ และมีคะแนนแสดงชัดเจน ซึ่งเกณฑ์ที่กำหนด 6 ประการ 10Q ก็เป็นสิ่งที่ผมแกะจากพระบิดา ทอ.เจ้าฟ้าจักรพงษ์ฯ ที่ท่านได้วางไว้ มาเป็นหัวข้อในการประเมิน” พล.อ.อ.มานัตกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ พล.อ.อ.แอร์บูลตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในการถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทอ.คนใหม่ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง 5 เสืออากาศ แต่มาจากกรุผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพอากาศ โดย พล.อ.อ.มานัตยืนยันว่าได้ใช้เกณฑ์ในการพิจารณาจากกรอบ 6 ประการ 10Q จากผู้ที่อยู่ในเกณฑ์ชั้นยศพลอากาศเอกทั้งหมด
ที่ท้องพระโรงพระราชวังเดิม กองทัพเรือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ทำพิธีรับ-ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ให้กับ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร.คนใหม่ โดย พล.ร.อ.ลือชัยกล่าวว่า ในปัจจุบันเจอปัญหามากมาย ยุ่งยากซับซ้อนกว่าเมื่อก่อนมาก เราทำคนเดียวไม่ได้อีกต่อไป จึงต้องได้รับความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาระหว่างเพื่อนฝูง พี่น้อง เพราะพวกเราคือลูกประดู่ ลูกเสด็จเตี่ย ตามคำขวัญที่ว่า เมื่อบานก็บานด้วยกัน จะโรยก็โรยพร้อมกัน พี่น้องกันตัดไม่ตายขายไม่ขาด พันธะหน้าที่อาจแตกต่างกันไประหว่างช่วงชีวิตก็ต้องแตกต่างกันไป แต่ต่างทำหน้าที่กันอย่างดีที่สุด
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จัดพิธีรับ-ส่งมอบหน้าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนที่ 12 โดยได้มีพิธีตรวจแถวกองเกียรติยศ และพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 4 ณ หน้าอาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพิธีถวายราชสักการะพระบรมรูปหล่อ รัชกาลที่ 9 ที่ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อมามีพิธีลงนามในเอกสารการรับ-ส่งมอบหน้าที่ มอบตราสัญลักษณ์ และมอบธงประจำตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า จะเทิดทูนและปกป้องไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กรและประโยชน์ต่อส่วนรวม เชื่อมั่นว่าจะสามารถร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจปฏิบัติหน้าที่กับเพื่อนข้าราชการตำรวจ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ดูแลประชาชน อำนวยความยุติธรรมให้กับสังคม ซึ่งตำรวจสัญญากับพี่น้องประชาชนว่าจะทำตัวให้ดีกว่าที่เคยเป็นมา โดยจะแถลงนโยบายให้ทราบในวันที่ 2 ต.ค.นี้
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ได้กล่าวร่ำลาพร้อมสวมกอด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ท่ามกลางบรรยากาศตื้นตันใจ ซึ่งในช่วงท้าย พล.ต.อ.สุวัฒน์พร้อมผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมส่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ขึ้นรถประจำตำแหน่งและกราบที่ตัก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ซึ่งทางอดีต ผบ.ตร.ได้สวมกอดอีกครั้ง ก่อนเคลื่อนขบวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นการยุติบทบาท ผบ.ตร.ในวันสุดท้าย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |