'ทรัมป์-ไบเดน'ขึ้นเวทีดีเบตนัดแรกด่ากันเละ


เพิ่มเพื่อน    

การอภิปรายโต้วาทีนัดแรกระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ กับโจ ไบเดน เป็นไปอย่างชุลมุนเมื่อค่ำวันอังคาร สองฝ่ายพูดแทรกและด่าทออีกฝ่ายโดยที่พิธีกรคุมเกมไม่อยู่ ตอนหนึ่งไบเดนทนไม่ไหวถึงขั้นบอกให้ทรัมป์ "หุบปาก" ผู้เชี่ยวชาญชี้เป็นการดีเบตที่แย่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐ

    รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า การดีเบตครั้งแรกจากทั้งหมด 3 นัด ระหว่างคู่ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐวันที่ 3 พฤศจิกายน จัดที่เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ เมื่อค่ำวันอังคารที่ 29 กันยายน 2563 ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีคริส วอลเลซ ผู้ประกาศข่าวของฟ็อกซ์นิวส์ เป็นผู้ดำเนินรายการตลอด 90 นาที

    การอภิปรายโต้วาทีแบบตัวต่อตัวครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ และอดีตรองประธานาธิบดีไบเดน เริ่มต้นโดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้จับมือทักทายกันตามปกติ แม้จะสืบเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ก็เป็นสัญลักษณ์สะท้อนความแตกแยกในประเทศนี้ได้เช่นกัน

    อารมณ์ของการดีเบตเป็นไปอย่างดุเดือดไม่ว่าทั้งสองฝ่ายจะกล่าวถึงประเด็นใด ทรัมป์ในวัย 74 ปีเป็นฝ่ายรุกหนักกว่า โดยดูถูกไบเดนวัย 77 ปีว่าไม่มีความฉลาดหลักแหลมใดๆ เลย และยังอ้างว่า "พวกซ้ายจัด" ควบคุมตัวแทนพรรคเดโมแครตสายกลางรายนี้อยู่

    ไบเดนก็ตอกกลับแบบไม่ลดราวาศอกเช่นกัน โดยด่าทรัมป์ต่อหน้าว่า เขาเป็น "คนขี้ปด", "เหยียดผิว" และ "ตัวตลก" ตอนหนึ่งเขายังบอกว่า ทรัมป์เป็นลูกสุนัขของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน

    แต่ดูเหมือนว่าทรัมป์จะเป็นคนคุมเวทีเป็นส่วนใหญ่ โดยทั้งไบเดนหรือวอลเลซไม่สามารถพูดแทรกได้เลยระหว่างที่ทรัมป์ตะเบ็งเสียงคุยโอ่ผลงานด้านเศรษฐกิจของเขา และกล่าวโจมตีฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของคู่ปรับบนเวที ว่าคอร์รัปชัน

    แอรอน คอลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการดีเบตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน กล่าวกับเอเอฟพีว่า การดีเบตครั้งนี้จะถูกบันทึกว่าเป็นครั้งที่แย่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์

    มีอยู่ตอนหนึ่งที่ไบเดนเหลืออดกับการพูดไม่หยุดของทรัมป์ ถึงขั้นถามทรัมป์ว่า นายจะหุบปากมั้ย อาการตบะแตกของไบเดนเข้าทางทรัมป์ที่พยายามยั่วยุกวนโมโหเขา ตลอดหลายเดือนมานี้พรรครีพับลิกันเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดที่น่าตกใจว่า ไบเดนใช้ยา หรือแอบติดอุปกรณ์ช่วยฟัง เพื่อช่วยบอกคำตอบให้เขาเอาตัวรอดได้ในค่ำคืนนี้

    ผู้ดำเนินรายการถามทั้งคู่เรื่องการเลือกตั้ง ที่ทรัมป์พยายามประโคมทฤษฎีการโกงเลือกตั้งผ่านการลงคะแนนทางไปรษณีย์ ว่าพวกเขาจะยอมรับผลการเลือกตั้ง โดยจะขอให้ผู้สนับสนุนอยู่ในความสงบและไม่ประกาศชัยชนะหากผลการนับคะแนนยังไม่ชี้ขาดทันที หรือไม่ ไบเดนตอบทันทีว่า "ครับ" แต่ทรัมป์บ่ายเบี่ยงว่า หากบัตรลงคะแนนนับแสนใบโดนปรับเปลี่ยน เขาก็คงยอมรับไม่ได้

    ยังมีประเด็นเหยียดสีผิวและการก่อความรุนแรง ที่พิธีกรไล่เบี้ยทรัมป์ว่า เขาจะประณามกองกำลังติดอาวุธขวาจัด อย่างเช่นกลุ่มพราวด์บอยส์ หรือไม่ ทรัมป์ไม่ตอบตรงๆ แต่เลี่ยงบาลีว่า "พราวด์บอยส์ จงถอยและเฝ้ารอ"

    กองกำลังติดอาวุธกลุ่มนี้ดูจะภาคภูมิใจที่ถูกเอ่ยถึงบนเวทีดีเบตระดับชาติ บัญชีโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวโยงถึงกลุ่มนี้นำคำกล่าวของทรัมป์มาโพสต์เป็นโลโก้ว่า "ถอย, เฝ้ารอ"

    ประเด็นโควิด-19 ไบเดนมีช่องโจมตีทรัมป์ที่ทำให้สหรัฐมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200,000 คน เพียงเพราะทรัมป์กลัวผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องภาษีที่ทรัมป์โดนสื่อขุดคุ้ยว่าไม่จ่ายภาษีเลยในช่วง 10 ปีจาก 15 ปีที่ผ่านมา และจ่ายเพียง 750 ดอลลาร์ในปี 2559 และ 2560 ไบเดนกดดันทรัมป์ด้วยการแสดงรายการยื่นภาษีของเขาไม่กี่ชั่วโมงก่อนดีเบต และเรียกร้องให้ทรัมป์เปิดเผยบ้าง แต่ทรัมป์ยังคงอ้างคำตอบเดิมว่า เขาจ่ายภาษีหลายล้านดอลลาร์ แต่ให้ข้อมูลไม่ได้เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบบัญชี.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"