จาก ‘หนึ่งภาพแทนความหมาย’ ปรากฏในโลกออนไลน์ สร้างผลสะเทือนมาถึงพรรคเพื่อไทย คล้อยหลังไม่นานนัก หญิงหน่อย-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประกาศกลางเฟซบุ๊ก ลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เฮียพงษ์-สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีผลทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคต้องพ้นสภาพไปด้วย

            ‘โภคิน พลกุล’ ‘พงศ์เทพ เทพกาญจนา’ ‘วัฒนา เมืองสุข’ ‘อนุดิษฐ์ นาครทรรพ’ ‘จิรายุ ห่วงทรัพย์’ ทยอยทิ้งตำแหน่งหัวโขนในพรรคเพื่อไทยตาม สุดารัตน์ ไปด้วย 

            เป็นผลให้เพื่อไทยต้องจัดทัพใหม่ นัดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในวันที่ 1 ต.ค. แน่นอนวาระสำคัญอยู่ที่การคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนในระหว่างนี้ และต่อไปมีเรื่องระหว่างบรรทัดให้ต้องตามติดชนิดห้ามกะพริบตา 

                ‘เพื่อไทยผ่าองค์กรครั้งใหญ่’

            กรรมการบริหารพรรค ว่ากันว่าเดิมมี 29 คน ในชุดใหม่จะไม่มากเท่าเก่าแล้ว ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคที่เคยมีถึง 15 คน รองเลขาธิการพรรคที่มีถึง 7 คน จะไม่มีจำนวนมากเท่าเก่าแล้ว แต่จะคงเหลือเพียงตัวแทนภาคเหนือ กลาง อีสาน กทม. และตัวแทนมุ้งส่งเข้ามานั่งในตำแหน่งบริหาร

            สูตรผสมเชิงโครงสร้างทางบริหาร ประกอบไปด้วย กลุ่มคนรุ่นใหม่ คนรุ่นกลาง และผู้มีประสบการณ์การเมือง ร่วมกันทำงาน โผกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ 

            สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ยังนั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรค ถือเป็นสายตรงบ้านใหญ่จันทร์ส่องหล้า มีความประนีประนอม เข้าได้กับทุกกลุ่มในพรรค โดยตำแหน่งดังกล่าวผูกติดกับรัฐธรรมนูญ หัวหน้าพรรคต้องเป็น ส.ส.และผู้นำฝ่ายค้านด้วย ผลจากการทำงานที่ผ่านมา ประสานงานได้กับทุกกลุ่มในพรรค รวมไปถึงยังมีคอนเน็กชั่นแน่นปึ้กทั้งในซีกฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ตามประสานักการเมืองรุ่นเก๋า

            ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พาสชั้นขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ประเสริฐ ยังถือเป็นสายตรง เฮียเพ้ง-พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ดร.หญิง-น.ส.อรุณี กาสยานนท์ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ก้าวขึ้นเป็นโฆษกพรรค แท็กทีม น้ำ-น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด ข้าวฟ่าง-น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร รองโฆษกพรรค นพ.ชีวานันท์ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขาธิการพรรค ขณะที่หมวดป๊อป-นอ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ แม้จะเป็นคนสนิทสุดารัตน์ แต่เมื่อพิจารณาผลงาน การทำงานก็เข้าเป้า ถูกขยับไปนั่งรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแทน

            เป็นเพียงโผคาดการณ์ที่หลุดออกมาเบื้องต้นเท่านั้น ถือเป็นส่วนผสมของคณะทำงานรุ่นใหม่ รุ่นกลาง รุ่นเก่า รองรับปรับสูตรพรรคเพื่อไทย ที่เตรียมความพร้อมเอาไว้สำหรับการเลือกตั้ง และจากโผดังกล่าวที่ปรากฏแทบจะเป็นการล้างขั้วอำนาจเก่าในสายสุดารัตน์ออกเกือบหมด ส่วนที่ยังคงเหลือก็เป็นโควตาของกลุ่ม ที่เมื่อพิจารณาตามหลักอาวุโส ความสามารถ ต้องส่งตัวแทนเข้าไปนั่งให้ได้ตามสัดส่วนเท่านั้น

            กลุ่มคนทำงานใกล้ชิด นายใหญ่-นายหญิงแห่งจันทร์ส่องหล้า กลุ่มคนสายตรง กลุ่มเครือญาติ กลุ่มการเมืองที่เคยแยกตัวออกไป ทยอยตบเท้ากลับเข้าพรรคกันมาเกือบครบ กลุ่มแคร์ นำโดย ภูมิธรรม เวชยชัย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กลุ่มไทยรักษาชาติ นำโดย เสี่ยแดง-พิชัย นริพทะพันธุ์ กลุ่มคนใกล้ชิดแม้จะวางมือไปแล้ว เฮียเพ้ง-พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล หวนคืนกลับสู่บ้านเก่า เช่นเดียวกับกลุ่มคนที่ทำงานแนบแน่นมายาวนาน นพดล ปัทมะ ก็จะกลับมาช่วยงานของพรรคมากขึ้น หลังจากไร้เงากลุ่มขั้วอำนาจเก่า ปกครองพรรคแล้ว

            นอกจากนี้ยังจะมีการตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาอีก 5 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการเมือง ด้านรัฐสภา ด้านเศรษฐกิจ ด้านข่าวกรอง ด้านบริหารพื้นที่ โดยในเบื้องต้นก็ได้เริ่มลิสต์รายชื่อ ทาบทามคนจะมานั่งหัวขบวนเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

            การปรับทัพครั้งนี้ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอย่างมากหนีไม่พ้นหญิงอ้อ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร นายหญิงแห่งพรรคเพื่อไทย ที่ทุกฝ่าย ทุกกลุ่มก๊วนให้ความเคารพ ผลจึงออกมาราบรื่น ไม่มีคลื่นใต้น้ำ จ้องเขย่าทำให้พรรคกระเพื่อม และว่ากันว่าการปรับทัพครั้งนี้ยังจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ยังจะต้องมีการปรับทัพ ปรับจูน เพื่อให้ลงตัวมากขึ้น

            บนเป้าประสงค์ขอทวงคืนความยิ่งใหญ่กลับคืนมาสู่เพื่อไทย เหมือนสมัยไทยรักไทยในอดีต โดยกลุ่มบุคคลที่เคยออกจากบ้านเก่า ข้าราชการ นักธุรกิจน้ำดี แม้แต่คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถจะทยอยตบเท้าเข้ามาช่วยงานพรรคเพื่อไทยตามมาในอนาคต โดยเบื้องต้นมีการเปิดชื่อ เสี่ยทริป-ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม ที่ถือเป็นคนใกล้ชิดนายหญิงแห่งเพื่อไทย รวมไปถึงเสี่ยพงศ์-ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ เป็นอีกสเต็ปที่ถูกวางตัวให้เข้ามาช่วยงาน บางคนก็ถูกวางตัวไปถึงหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคเพื่อไทยเลยทีเดียว

            การจัดทัพ ปรับสูตร ที่ให้ชินวัตรและบุคคลใกล้ชิดชินวัตรกลับมากุมอำนาจในพรรคอย่างเบ็ดเสร็จ ย้อนกลับไปเป็นเหมือนสมัยไทยรักไทยเรืองอำนาจ บรรดา ส.ส. บรรดารัฐมนตรี ล้วนเป็นสายตรงที่ต้องรับฟัง คอยเดินตามเกมภายใต้คนคนเดียว ผู้มีอำนาจเดียวในพรรค 

            และเริ่มมีเสียงเล็ดลอดเชิงเปรียบเทียบการบริหารแบบเดิม พยายามก้าวข้ามชินวัตร เพื่อทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองอย่างแท้จริง แต่กับการปรับโหมด จัดทัพรอบใหม่ ย้อนกลับไปเป็นแบบเก่าที่ผูกขาดเพียงแค่คนคนเดียว เป็นพรรคครอบครัว 

                เพื่อไทยเวอร์ชั่นย้อนยุคไทยรักไทย ที่มีนายหญิงคอยกำกับจะนำพาพรรคก้าวไปในทิศทางใด คงต้องตามลุ้น ตามติด ชนิดห้ามกะพริบตาเลยทีเดียว.