พิธีรับ-ส่งมอบหน้าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ “ผบ.ตร.” คนที่ 12 ผ่านไปเรียบร้อย “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รับไม้ต่อจาก “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 พิธีการเป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติ มีการมอบตราและธงประจำตำแหน่ง ช็อตสุดท้ายบนเวที ผบ.ตร.คนเก่า สวมกอด ผบ.ตร.คนใหม่ เป็นภาพที่น่าประทับใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วมพิธีต่างยืนขึ้นปรบมือให้ และขณะส่งขึ้นรถ “บิ๊กปั๊ด” ได้ก้มกราบที่ตัก อดีต ผบ.ตร.อีกครั้ง
โดยระหว่างการทำพิธีรับ-ส่งมอบหน้าที่ ผบ.ตร. “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้กล่าวแสดงความยินดีกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 12 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.63 เป็นต้นไป
ตำแหน่งผู้นำองค์กรต้องแบกภาระหน้าที่ไว้ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ในการรับปัญหาหรือแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม แต่ผมเชื่อว่าท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ และนำพาองค์กรผ่านพ้นไปด้วยดี เพราะท่านเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดการรับราชการตำรวจ ขอให้พวกข้าราชการตำรวจทั้งหลายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอุตสาหะ ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา
ส่วน ผบ.ตร.คนที่ 12 เผยว่า "ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผมเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป ผมขอรับมอบหน้าที่ด้วยความยินดีและเต็มใจ พร้อมทั้งให้คำมั่นสัญญาจะทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ สติปัญญา ปฏิบัติภารกิจในหน้าที่ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ดีที่สุดอย่างเต็มกำลังความสามารถ
ตั้งอยู่บนความสุจริตยุติธรรม ความถูกต้องในกฎหมาย ระเบียบแบบแผนราชการ กับทั้งแบบธรรมเนียมที่ดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นพื้นฐาน เทิดทูนปกป้องไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กรและส่วนรวม เชื่อมั่นว่าจะสามารถร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจปฏิบัติงานกับเพื่อนข้าราชการตำรวจทุกท่าน เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย อำนวยความยุติธรรมให้กับสังคม และส่งผลให้งานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติบรรลุเป้าหมายดั่งเจตนารมณ์"
ทั้งนี้ ในวันที่ 2 ก.ย.นี้ ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ผบ.ตร. เตรียมมอบนโยบายและวิสัยทัศน์ผู้นำองค์กรให้กับข้าราชการตำรวจ คือ 1.เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมาย สร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนโดยใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อพิทักษ์ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เทิดพระเกียรติและสนองพระบรมราโชบายในทุกด้าน
เพื่อป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดและอำนวยความยุติธรรมทางอาญา เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงของราชอาณาจักร เพื่อปฏิบัติหน้าที่อื่นใดตามที่รับมอบหมายอันเป็นประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน
2.นำสมัย มีการพัฒนาและเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอยู่ตลอดเวลา ทั้ง “ด้านบุคลากร” ข้าราชการตำรวจเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง รู้เท่าทันสถานการณ์ทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีทักษะการใช้เทคโนโลยี สามารถสื่อสารภาษาต่างประเทศ และคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานในความรับผิดชอบได้อย่างมีมาตรฐานสากล
“ด้านสิ่งอุปกรณ์” มีอาวุธ ยานพาหนะ อุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้มาตรฐานสากล เพียงพอเหมาะสม มีประสิทธิภาพจัดการข้อมูลสารสนเทศขนาดใหญ่ (Bigdata) เพื่อตอบสนองภารกิจที่ได้รับมอบหมายในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงนวัตกรรมด้านอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับองค์กร
“ด้านบริหารจัดการ” มีการบริหารจัดการที่ทันสมัย ปรับเปลี่ยนกระบวนการบริหารงานเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ มีเอกภาพชัดเจน เหมาะสมสอดคล้องกับบริบท และมีการทำงานเป็นทีม โดยประชาชนมีส่วนร่วมเพื่อรองรับความท้าทายของโลกในอนาคตด้วยมาตรฐานสากล
3.มาตรฐานสากล มีคู่มือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสายงาน บอกรายละเอียดของยุทธวิธี วิธีปฏิบัติงาน วิธีการทำงานที่สามารถใช้เป็นตัวชี้วัดกำหนดแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ มีมาตรฐานการประเมินการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเทียบเคียงกับต่างประเทศ ที่สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย เพื่อสร้างมาตรฐานการปฏิบัติงานให้ตอบสนองความต้องการของสังคม
4.ให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา ปฏิบัติงานด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ สุจริต เป็นธรรม โปร่งใสได้มาตรฐานวิชาชีพที่สอดคล้องกับบริบทของกฎหมายและสังคมไทย มีการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับประชาชนด้วยอัธยาศัยไมตรีอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน
โดยคำนึงถึงความพึงพอใจควบคู่กับผลงาน สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความยุติธรรมทางอาญา และการให้บริการ สนับสนุนงานอื่นใดเพื่อประโยชน์แห่งรัฐและคุณค่าทางสังคมที่ดีงาม ได้รับการยอมรับในระดับสากล
ชูวิสัยทัศน์ (OUR COPS) “ตำรวจไทยของเราทุกคน” “O” ย่อมาจาก Oneness เป็นหนึ่งเดียว ตำรวจ ประชาชน หน่วยงาน มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน “U” ย่อมาจาก Up-to-date with Universal standards นำสมัยได้มาตรฐานสากล มีการพัฒนาทางเทคโนโลยีนวัตกรรมให้มีความพร้อมในการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทั้งด้านบุคลากร อุปกรณ์การบริหารจัดการที่มีมาตรฐานสากล “R” Reliability and trust เชื่อถือไว้ใจศรัทธา อำนวยให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นศรัทธาไว้วางใจว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่เต็มความสามารถ และได้รับบริการที่ดี
“C” Competency สมรรถนะ ความรู้ ทักษะการปฏิบัติหน้าที่มีมาตรฐาน “O” Overall Fairness สุจริตโปร่งใส เป็นธรรม การปฏิบัติหน้าที่โปร่งใส เสมอภาค เที่ยงธรรม ตรวจสอบได้ “P” People Orientation ประชาชนเป็นศูนย์กลาง และ “S” Service-mindedness บริการด้วยใจ มีจิตสำนึกบริการประชาชนเท่าเทียมกัน
นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ เป็นผู้นำองค์กรสีกากีอย่างเต็มตัว ต้องแบกรับภาระ นำพาองค์กร บำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชน และได้กล่าวภายหลังรับมอบหน้าที่
“การทำงานทำคนเดียวไม่ได้ ต้องได้รับความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2.3 แสนคน และประชาชนด้วย เราสัญญาจะทำตัวให้ดีกว่าที่เคยเป็นมา ปัญหาความท้าทายมีตลอด สังคมก็พัฒนาไป เราก็ต้องพยายามปรับตัวให้สังคมยอมรับ เราต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”
โดยส่วนตัวแล้วผบ.ตร.คนใหม่แล้ว เป็นคนที่สุขุมไม่ค่อยพูด ตามสไตล์นักสืบ ต้องดูกันต่อไปว่าจะนำพาองค์กรบรรลุเป้าหมายอย่างปณิพานไว้ได้หรือไม่ โดยเฉพาะขณะนี้มีม็อบหลายกลุ่มลงถนนเรียกร้องล้มรัฐบาลและมีการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอันเป็นที่เคารพรักของประชาชนชาวไทย ข้อกฎหมายและการปฏิบัติ จะเป็นดั่งวิสัยทัศน์ “เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่นำสมัย ในระดับมาตรฐานสากล เพื่อให้ประชาชนศรัทธา” ได้หรือไม่ประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |