ต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์แวดวงความมั่นคงอย่างแท้จริง เมื่อเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดง่ายๆ เมื่อ ผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้ง “สีเขียว” และ “สีกากี” พร้อมใจผลัดใบเปลี่ยนโฉมผู้นำ กันอย่างพร้อมเพียงทั้ง 4-5 เหล่าทัพรวมกัน ...๐ ไล่มาตั้งแต่ “พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี” หรือบิ๊กกบ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ที่ส่งไม้ต่อให้ “พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์” หรือบิ๊กแก้ว เสนาธิการทหารมานั่ง ผบ.ทสส. ในส่วนกองทัพบก “พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” หรือบิ๊กแดง ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่มี “พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้” หรือบิ๊กบี้ ผู้ช่วย ผบ.ทบ.เข้ามารับตำแหน่ง ส่วนทัพเรือนั้น “พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์” หรือบิ๊กลือ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ก็ส่งเรือดำน้ำให้ “พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน” หรือบิ๊กอุ๋ย ผู้ช่วย ผบ.ทร.มาขับเคลื่อนต่อไป ขณะที่ทัพฟ้านั้น “พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์” หรือบิ๊กนัต ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ก็ส่งไม้ต่อให้ “พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ” หรือบิ๊กแอร์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพอากาศนั่งบัญชาการ ...๐
ในซีกสีกากี “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” หรือบิ๊กแป๊ก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ก็ส่งโล่เงินให้ “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” หรือบิ๊กปั๊ด รอง ผบ.ตร. เป็น ผบ.ตร.คนที่ 12 นี่ดีว่ามีเก้าอี้ของ “พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ” หรือบิ๊กณัฐ ปลัดกระทรวงกลาโหมที่ยังมีอายุราชการเหลืออีก 1 ปี ไม่เช่นนั้นต้องเรียกว่าเป็นยุคผลัดใบกันยกกระบิอย่างแท้จริงเชียว ...๐
โดยงานส่งไม้ต่อและส่งมอบสายบังคับบัญชาก็มีการทยอยดำเนินการไป โดยวันสุดท้ายของปีงบประมาณ 2563 ก็มีทั้งกองบัญชาการทหารสูงสุด, กองทัพอากาศ กองทัพเรือ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มาดำเนินการในวันสุดท้ายแบบไม่ได้นัดหมาย ในขณะที่ “กองทัพบก” ได้จัดพิธีไปก่อนหน้าแล้ว ซึ่งที่เรียกเสียงฮือฮาอย่างมากก็มีกรณี ทอ.และ ตร. โดยที่ ทอ.นั้น “บิ๊กนัต” ชี้แจงครั้งแรกถึงการคัดเลือก “บิ๊กแอร์” มานั่ง ผบ.ทอ.ว่าคัดมากับมือเอง ที่สำคัญที่สุดก็ให้เหตุผลว่าต้นทุนแต่ละคนไม่เท่ากัน!!! ในขณะที่ซีกตำรวจนั้น “บิ๊กปั๊ด” ก็ให้สัมภาษณ์หลังรับมอบหน้าที่ ผบ.ตร.แบบให้ต้องตีความว่า “ตำรวจสัญญากับพี่น้องประชาชนว่าจะทำตัวให้ดีกว่าที่เคยเป็นมา” นี่ถ้าบิ๊กแป๊ะได้ยินก่อนที่ “บิ๊กปั๊ด” มากราบที่ตักในช่วงการส่งขึ้นรถได้มีการดีดหูดีดกะโหลกกันแน่ๆ ...๐
เก่าไปใหม่มาเป็น “สัจธรรม” ที่มิอาจหลีกเลี่ยง เพราะวงล้อเวลาก็หมุนเวียนเปลี่ยนแปรอยู่เสมอทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ต่างจาก “พรรคเพื่อไทย” ที่หลังจากแตกฉานซ่านเซ็นไปสารพัดกลุ่มสารพัดก๊วนตามยุทธศาสตร์แตกแล้วโต แยกกันตี ซึ่งพิสูจน์แล้วว่า “ล้มเหลวไม่เป็นท่า” ทำให้ “คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร” ต้องคัมแบ็กกลับมาเป็น "แม่ย่านาง” ให้บรรดาลิ่วล้อและลูกหาบกลับมาศิโรราบ เรียกว่าเป็น “ไผ่รวมกอ” กันอีกครั้ง ...๐
แต่ที่น่าตลกไม่ออก และต้องเรียกว่าฝ่ายธุรการในหลายส่วนกระทบไปด้วย คือกรณี “หัวหน้าพรรคเพื่อไทยโลกลืม” อย่าง “นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ที่ลาออกจากหัวหน้าไปแล้ว จะกลับมานั่งหัวโขนนี้อีกครั้ง!!! เพราะต้องไม่ลืมว่า “สมพงษ์” นั้นยังมีศักดิ์ฐานะหนึ่งคือ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร การชักเข้าชักออกในเก้าอี้ ตัวนี้จึงน่าตำหนิติติงอย่างยิ่ง ไหนบรรดาลูกหาบพรรคเพื่อไทยในสไตล์มีหลายหัวมนบอกว่ามีบุคลากรคับคั่ง แต่แค่จะหาหัวหน้าพรรคทำไมต้องเป็นหน้าเดิมเล่า ...๐
แล้วที่หน้า หงายเงิบไปก่อนหน้าการประชุมอย่างเป็นทางการของพรรคเพื่อไทยในวันที่ 1 ต.ค. คงไม่มีอะไรเกินข่าวที่ปูดว่าจะดึง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” กลับคืนถิ่นเก่านั้น ล่าสุด “อดีตรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” ปฏิเสธแล้วว่า ออกมาแล้วก็ไม่คิดหวนกลับอีก แหม! ไม่รู้ว่า “กลุ่มแคร์” หรือ "CARE คิด เคลื่อน ไทย" ที่เปิดตัวไปเมื่อกลางเดือน มิ.ย. ว่าจะเป็น “คณะผู้ห่วงใยประเทศ” จะพลิกลิ้นกันอย่างไรดี เพราะร่ำๆ กันว่า “โปลิตบูโร” ที่จะมี “หญิงอ้อ” กุมบังเหียนนั่งหัวโต๊ะประเมินการบ้านการเมืองรายสัปดาห์นั้น 70% ก็เป็นคนในกลุ่มแคร์ทั้งนั้น โดยเฉพาะบรรดาแก๊งออฟโฟร์อย่าง ภูมิธรรม เวชยชัย, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และ พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ...๐
ประเดิมยกแรก ศึกดีเบตผู้นำอเมริกาต้องบอกดุเด็ดเผ็ดมันส์ อย่างมาก แม้ทั้งฝ่าย “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน และ “โจ ไบเดน” พรรคเดโมแครต จะอายุอานามเป็นคุณปู่กันแล้วทั้งคู่ แต่กลับฟาดปากฟาดน้ำลายยิ่งกว่าวัยสะรุ่นเสียอีก ...๐
...ท.ศักดิ์
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |