“อรรถพล” เตรียม สรุปผลการสืบกองทุนเสมา เสนอ “รมว.ศธ.” 7 พ.ค.นี้ เผยเรียกอดีตผู้บริหารระดับสูง ชี้แจงให้ข้อมูลแล้วกว่า 20 ราย และเชิญข้าราชเกี่ยวข้อง 19 ราย มาให้ข้อมูล ชี้มีผู้เกี่ยวข้อง3กลุ่ม มีทั้งเจตนาทุจริต ประมาทเลินเล่อ ละเว้นหน้าที่หรือใช้อำนาจเกินหน้าที่ เผยพบข้อมูลใหม่ มี4โรงเรียนมัธยม กทม. ได้รับการโอนเงินกองทุนเสมาฯด้วย แต่พบเป็นเอกสารปลอม 2โรงเรียน ที่รจนา ดำเนินการ
นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต กล่าวว่า จากนี้ทางคณะกรรมการสืบสวนฯ จะทำงานต่อเนื่องไม่มีวันหยุด และในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ จะสรุปผลการสืบสวนและรายงานนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ. เพื่อพิจารณา โดยจะสรุปข้อเท็จจริงทั้งหมดเป็นการชี้มูลว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวข้องแค่ไหนเป็นรายครั้ง พฤติกรรมของแต่ละคนจากเอกสารหลักฐานและการสอบปากคำ ใครที่มีมูลการกระทำความผิดทางวินัยหรือไม่ ถ้ามีจะเป็นความผิดฐานใด ซึ่งเท่าที่ดูน่าจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มที่ทุจริต กลุ่มที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าทีหรือปฏิบัติเกินอำนาจหน้าที่ และกลุ่มที่ไม่พึงระมัดระวังในการทำงานเข้าข่ายประมาทเลินเล่อ ส่วนจะมีอดีตผู้บริหารระดับสูงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ตนยังตอบไม่ได้ ขอให้รอ รมว.ศธ. วินิจฉัยก่อน นอกจากนี้ ตนจะเสนอด้วยว่าหลังจากนี้ควรจะดำเนินการอย่างไรหรือมีประเด็นใดที่ต้องสืบสวนต่อ เพราะพบว่ามีการนำเงินกองทุนเสมาฯ ไปให้กู้ทั้งที่เป็นทุนให้เปล่า ครูอัตราจ้างที่จ้างไม่มีตัวตนจริง และการตรวจสอบนักเรียนทุนว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ รมว.ศธ.
อย่างไรก็ตาม ในการสอบสวนพบว่ามีเรื่องที่ผิดปกติ คือ มีโรงเรียนมัธยมในกรุงเทพมหานคร 4 แห่ง ได้แก่ ร.ร.สันติราษฎร์วิทยาลัย รร.ชิโนรสวิทยาลัย รร.มัธยมวัดมกุฎกษัตริย์ และรร.วัดน้อยนพคุณ ซึ่งไม่ใช่โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ และโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ได้รับการโอนเงินกองทุนเสมาฯด้วย โดยทางโรงเรียนได้มาชี้แจงแล้ว 2 โรงว่าเป็นเงินกองทุนเสมาฯ ที่ได้รับหนังสือแจ้ง แต่เมื่อนำหลักฐานมาตรวจสอบพบว่าเป็นเอกสารปลอม ซึ่งทั้งหมดดำเนินการโดยนางรจนา สินที อดีตข้าราชการระดับ 8 ที่ดูแลเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามคำชี้แจงดังกล่าวยังไม่เคลียร์คงต้องมีการสอบเพิ่มเติม
ส่วนการดำเนินการสืบสวน ล่าสุด เมื่อเร็วๆ นี้ ตนเชิญได้ข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับกองทุนเสมาฯ จำนวน 19 ราย ใน 3 กลุ่มคือ 1.กลุ่มที่รับผิดชอบการเซ็นใบเบิกถอน 2.กลุ่มลงบัญชี และ3.กลุ่มตรวจสอบภายใน มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ก็ทยอยมาให้การ คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 2-3 วันนี้ หลังจากนั้นคณะกรรมการสืบฯ จะพิจารณาว่าผู้ที่เกี่ยวข้องใช้ความรอบคอบในการดำเนินการมากน้อยแค่ไหน ส่วนการชี้แจงข้อมูลของอดีตปลัด ศธ. และรองปลัด ศธ. กว่า 20 รายนั้น ขณะนี้ ส่งข้อมูลมาให้คณะกรรมการสืบสวนฯ เกือบครบแล้ว เหลือเพียงอดีตรองปลัด ศธ. อีกเพียงรายเดียว ซึ่งคณะกรรมการสืบสวนฯ จะไม่รอแล้ว นอกจากนี้ปัญหาใหญ่ของคณะกรรมการสืบสวนฯ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) คือไม่ได้รับความร่วมมือจากธนาคารกรุงไทยเท่าที่ควร เพราะขอไปที่สาขาได้รับแจ้งกลับมาว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจให้ข้อมูลได้ เนื่องจากเก็บข้อมูลไว้ไม่เกิน 3 ปี ตนจึงได้ทำหนังสือไปที่สำนักงานใหญ่ ดังนั้นขอให้ธนาคารกรุงไทยเห็นแก่เด็ก ที่รอการเยีวยาด้วยการออกมาให้ข้อมูล ถ้าไม่ให้ ศธ.ก็ควรจะให้ ป.ป.ท. เพราะขณะนี้ต้องหาข้อมูลเองซึ่งมีปัญหามาก เพราะบางคนเปลี่ยนชื่อหรือไม่ก็ชื่อซ้ำ
"กลุ่มคนที่เชิญมาเกี่ยวข้องในการทุจริตด้วยหรือไม่ เรื่องนี้เป็นไปได้ทั้งนั้น และเจตนาที่เชิญมาก็เพื่อขอข้อมูลในฐานะพยานมากกว่า ขณะนี้ถือว่าทั้ง 19 คนยังเป็นผู้บริสุทธิ์เว้นแต่ว่าเมื่อมีการสรุปผลแล้วพบว่ามีการเชื่อมโยงหรือรู้เห็นเป็นใจ " ผู้ตรวจฯ ศธ.กล่าว