ผวา‘โควิด’รอบ2ฉุดGDPดิ่ง


เพิ่มเพื่อน    

 ธนาคารโลกหวั่นโควิดระบาดรอบ 2 ฉุดจีดีพีดิ่งเหว ติดลบ 10.4% ชี้ปัญหาเชิงปฏิบัติทำนโยบายใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจไม่แรงพอ แนะรัฐบาลพิจารณาการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหตุเอี่ยวการเมือง ห่วงส่งผลกระทบเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวระยะยาว แต่ "คลัง" ยังลุ้นจีดีพีปีนี้โตเพิ่มอีก 0.25% หลังรัฐบาลอัดฉีดอีก 5.1 หมื่นล้านบาท

    นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบเศรษฐกิจไทยค่อนข้างรุนแรง โดยคาดว่าในปี 2563 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวติดลบ 8.3% โดยจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปีครึ่งกว่าที่เศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวได้ในระดับปกติก่อนมีการระบาดของโควิด-19
    อย่างไรก็ดี กรณีเลวร้าย หากมีการระบาดของโควิด-19 รอบ 2 จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว ภาคการเงินมีปัญหา ทำให้ธุรกิจต้องปิดตัวเหมือนเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงการเกิดภัยแล้งน้ำท่วมยังกระทบกับรายได้เกษตรกร ซึ่งได้รับผลกระทบเรื่องภัยแล้งมาตั้งแต่ปลายปี 2562 ถึงต้นปี 2563 โดยปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจปี 2563 ขยายตัวติดลบถึง 10.4% และต้องใช้เวลาถึง 3 ปี กว่าจะฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมก่อนมีการระบาดของโควิด-19 สำหรับเศรษฐกิจของไทยในปี 2564 ธนาคารโลกคาดว่าจะขยายตัวได้ 4.9% กรณีปกติ และกรณีเลวร้ายจะขยายตัวได้ 3.5%
    "ความเสี่ยงของเศรษฐกิจยังอยู่ที่การระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่มีวัคซีน รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองยังส่งผลกระทบต่อทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล จากกรณี รมว.การคลังลาออกจากตำแหน่ง นอกจากนี้ ยังส่งผลทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง" นายเกียรติพงศ์ระบุ
    นายเกียรติพงศ์กล่าวอีกว่า ในส่วนของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยใช้เงินถึง 13% ของจีดีพี มากสุดในภูมิภาค แต่ปัญหาอยู่ที่การปฏิบัติได้หรือไม่ การเบิกจ่ายงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทำได้แค่ 50% ความเสี่ยงการเมือง ความไม่แน่นอนเรื่องทีมเศรษฐกิจ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) การประท้วงรัฐบาล ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นเศรษฐกิจต่ำลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ และมีโอกาสที่จะลากยาวไปถึงปีหน้า และกรณีเลวร้ายจะลากยาวไปถึง 3 ปี
    นางเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ดี แต่ก็ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย ทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องหาสมดุลในการดูแลการระบาดของโควิด-19 และการดูแลการขยายตัวของเศรษฐกิจให้กลับมาโดยเร็ว เพราะตอนนี้การลงทุนลดลง กิจกรรมทางเศรษฐกิจน้อยลง รัฐบาลต้องมองยาวว่านโยบายของรัฐบาลควรเป็นอย่างไร จะมีการดึงนักลงทุนต่างประเทศกลับมาได้อย่างไร
    ทั้งนี้ มองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลออกมายังไม่เพียงพอ ถึงจะมีวงเงิน 8-13% ของจีดีพี แต่การนำไปปฏิบัติได้จริง โดยมีเงินช่วยเหลือออกไปน้อยแค่ 4% ของจีดีพี ซึ่งธนาคารโลกยังติดตามดูว่ารัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นอะไรออกมาอีกบ้าง ทั้งมาตรการแจกเงิน 3,000 บาท ซึ่งธนาคารโลกมองว่ายังไม่เพียงพอ
    "รัฐบาลต้องพิจารณาเรื่องการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวของไทย รัฐบาลต้องชั่งใจว่าการมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และยังไม่สามารถทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในเมืองไทยได้ เป็นการดำเนินการที่ถูกต้องหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องยาก เพราะนโยบายการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเกี่ยวข้องกับการเมืองด้วย รัฐบาลต้องตัดสินใจว่าสมดุลต่อไปในอนาคตจะสร้างสมดุลเรื่องสาธารณสุขกับเรื่องเศรษฐกิจให้ไปกันได้อย่างไร" นางเบอร์กิท ฮานสล์ กล่าว
    วันเดียวกัน นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นการบริโภค 2 โครงการ วงเงินรวม 51,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน โดยโครงการดังกล่าวจะเป็นการช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.2563 เป็นวงเงินรวม 21,000 ล้านบาท
    2.โครงการคนละครึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับฐานราก สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยโดยเฉพาะกลุ่มหาบเร่ แผงลอย เพื่อให้มีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้น โดยภาครัฐร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไปผ่านฝ่ายของผู้ซื้อ 50% ทั้งนี้ ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,000 บาท ต่อคนตลอดระยะเวลาโครงการ เป็นวงเงินรวม 30,000 ล้านบาท ซึ่งการร่วมจ่ายคนละครึ่งนี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และจะช่วยเติมกำลังซื้อของประชาชนเพื่อให้มีการใช้จ่ายหมุนเวียนไปถึงผู้ประกอบการรายย่อยได้อย่างต่อเนื่องเป็นเงิน 60,000 ล้านบาท
        ทั้งนี้ จะเริ่มให้ประชาชนผู้ที่มีสัญชาติไทย มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีบัตรประจำตัวประชาชน ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ ww w.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.2563 เวลา 06.00-23.00 น. จำกัดจำนวนไม่เกิน 10 ล้านคน  สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2563 เวลา 06.00-23.00 น. ผ่านเว็บไซต์ ww w.คนละครึ่ง.com หรือลงทะเบียนผ่านทางสาขาธนาคารกรุงไทย โดยธนาคารกรุงไทยจะช่วยติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” เพื่อใช้ในการรับชำระเงินจากการขายสินค้า
    นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า โครงการกระตุ้นการบริโภคของรัฐบาลในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจในปีนี้ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.25% และเชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2563 จะขยายตัวติดลบน้อยลง โดยจะน้อยลงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่าจะติดลบ 7.8% และน้อยกว่าที่ธนาคารโลกได้ประเมินว่าจะติดลบ 8.3%.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"