สถานการณ์เศรษฐกิจไตรมาส 3 เริ่มมีท่าทีที่ดีขึ้น หลังจากรัฐบาลทยอยคลายล็อกดาวน์จนธุรกิจกลับมาเดินหน้าได้ตามปกติ เหลือเพียงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเท่านั้นที่ยังไม่ฟื้นตัว อันเนื่องมาจากมาตรการจำกัดชาวต่างประเทศในการเดินทางเข้ามาในไทย
ความท้าทายของรัฐบาลในเวลานี้ คือ การประคับประคองธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่ทำเงินเข้าประเทศมหาศาลไม่ให้ล้มครืนท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกที่ยังไม่มีแนวโน้มจะดีขึ้น ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องเลือกก็คือ การเปิดรับชาวต่างชาติให้กลับมาในประเทศอีกครั้ง เพื่อรักษาเศรษฐกิจในประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้
และล่าสุด เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้เห็นชอบมาตรการผ่อนคลายให้กลุ่มชาวต่างชาติที่มีศักยภาพและประสงค์จะพำนักในประเทศไทยระยะกลางและระยะยาว รวมถึงกลุ่มนักธุรกิจที่ขอเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ โดยมีทั้งหมด 6 กลุ่ม
1.นักกีฬาต่างชาติที่จะเข้ามาแข่งขันกีฬาจักรยานทางไกลนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ชิงถ้วยพระราชทาน จะใช้เส้นทางผ่านจังหวัดสมุทรสงคราม เพชรบุรี และไปสิ้นสุดที่ จ.ระนอง โดยนักกีฬาที่จะเดินทางเข้ามาจะพักที่ State Quarantine โรงแรมรัตนโกสินทร์
2.นักบินและลูกเรือบริษัทการบินไทย จากเที่ยวบินที่รับนักกีฬาให้เข้า State Quarantine
3.อนุญาตให้ผู้ที่ถือวีซ่าประเภทอยู่ชั่วคราวประเภทต่างๆ เข้าพักในราชอาณาจักร
4.การกำหนดเงื่อนไขผู้ขอวีซ่าท่องเที่ยวสำหรับกลุ่ม Long stay เบื้องต้น นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องถูกกักตัวในจังหวัดที่กำหนด เป็นเวลา 14 วัน โดยสามารถเดินทางออกนอกที่พักได้ไม่เกิน 1 กิโลเมตร หากไม่พบเชื้อ จึงจะสามารถท่องเที่ยวนอกรัศมีที่กำหนด ซึ่งจะอยู่ในประเทศไทยได้ระยะยาว คือ 90 วัน และต่อวีซ่าเพิ่มได้ 2 ครั้ง รวม 270 วัน หากต้องการข้ามจังหวัดต้องถูกจำกัดพื้นที่อีกครั้งนาน 7 วัน
5.อนุญาตให้ผู้ถือบัตร APEC Card เข้าประเทศเพื่อประโยชน์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเลือกประเทศที่มีความเสี่ยงน้อย
และ 6.อนุญาตให้ผู้ที่ประสงค์ที่จะพำนักในประเทศในระยะสั้น ระยะยาว เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยต้องมีระบบการตรวจสอบบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน ไม่น้อยกว่า 500,000 บาท
ทั้ง 6 กลุ่มถือเป็นการนำร่องให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพื่อพักผ่อน และเข้ามาแข่งขันกีฬา ซึ่งรัฐบาลต้องการแสดงให้เห็นว่า กำลังดำเนินนโยบายรักษาสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งแน่นอนรัฐบาลจะยึดแนวทางการคัดกรอง และการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน เหมือนกับกลุ่มคนไทย หรือกลุ่มที่มีคู่สมรสชาวไทย ที่ทยอยเดินทางเข้าไทยก่อนหน้านี้
ถือว่ามติดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นว่าไทยกำลังปรับตัวให้อยู่กับการระบาดของโควิด-19 ในระยะยาว โดยที่ไม่เอาเศรษฐกิจประเทศไปเสี่ยงกับการปิดตายรับชาวต่างชาติ โดยเชื่อว่ามาตรการนี้จะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของไทยได้ เพราะจุดเริ่มต้นของโครงการจะเริ่มใช้ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.นี้ เพราะตรงกับช่วงไฮซีซั่นของประเทศแถบยุโรปพอดี
นอกจากนี้ การเปิดวีซ่าพิเศษเช่นนี้ ยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ในทางอ้อมได้ด้วย เพราะในขณะนี้ก็มีชาวต่างชาติสนใจที่จะมาเช่า หรือซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อลงทุน หรือเตรียมพร้อมสำหรับการมาพำนักในระยะยาว
ขอให้ประชาชนจับตาดูการทำงานของรัฐบาลให้ดี ห้ามการ์ดตกเป็นอันขาด เปิดรับได้ แต่ก็ต้องเข้มงวด ถ้ายึดมั่นตามมาตรฐานของสาธารณสุข ก็มั่นใจว่ารัฐบาลน่าจะรับมือป้องกันเชื้ออยู่.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |