เกิดระเบิดในโรงงานผลิตน้ำมันก่อนไฟลุกท่วมคลอก 2 คนงานดับอนาถ เสียหายราว 10 ล้าน เจ้าของเผยอยู่ระหว่างทดลองเดินเครื่อง คาดสาเหตุเกิดจากการเชื่อมเหล็กบกพร่อง
    เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 29 กันยายนนี้ พ.ต.ท.ศุภณัฐ พุ่มน้อย รอง ผกก.หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.ย่อยบางน้ำจืด รับแจ้งเหตุระเบิดและเกิดเพลิงไหม้ภายในบริษัท จีอาร์ดี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด เลขที่ 19/16 หมู่ 6 ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงพร้อมด้วยนายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สมุทรสาคร และหน่วยงานในพื้นที่ไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นโรงงานผลิตน้ำมันทางเลือก ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เศษ ก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 2 เดือน และมีการติดตั้งเครื่องจักรกลที่ใช้ในกระบวนการผลิตน้ำมันทางเลือกแล้วเสร็จราวๆ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างทดลองระบบการกลั่นน้ำมันเครื่องเก่า เพื่อนำมาเป็นน้ำมันทางเลือกใหม่สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรมแทนน้ำมันดีเซล 
    เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทศบาลตำบลคอกกระบือ และ อบต.บางน้ำจืด นำรถน้ำดับเพลิงเข้าระงับเหตุ จำนวน 2 คัน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่ตัวโครงสร้างอาคารบางส่วนพังเสียหายลงมา นอกจากนี้พบศพคนงาน 2 คน ซึ่งทำหน้าคุมเครื่องจักร ทราบชื่อต่อมาคือ นายปัญญา นันทะรุ้ง อายุ 45 ปี และนายศุภางค์ชนันท์ แสนไชย อายุ 27 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยการกุศลสมุทรสาครได้นำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช
    นายก้องเกียรติ เจ้าของโรงงาน เปิดเผยว่า โรงงานแห่งนี้เพิ่งสร้างใหม่ ยังไม่ได้เปิดทำงานอย่างเป็นทางการ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลองเดินเครื่องกลั่นน้ำมันจากขยะรีไซเคิลประเภทน้ำมันเครื่องเก่า เพื่อทดสอบว่าระบบมีปัญหาตรงส่วนไหนหรือไม่ ซึ่งในช่วงที่ทดลองเดินระบบเครื่องจักรนั้นมีคนงานอยู่ในพื้นที่โรงงานทั้งหมด 8 คน แต่ผู้เสียชีวิต 2 คนนี้เป็นคนที่คุมงานอยู่หน้าเครื่องกลั่นน้ำมัน คาดว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดการระเบิดไฟลุกไหม้ขึ้น น่าจะเป็นตรงรอยเชื่อมต่อระหว่างถังน้ำมันขนาด 800 ลิตร กับส่วนของตัวเครื่องกลั่นที่อาจจะเชื่อมไม่ได้มาตรฐาน เมื่อเจอน้ำมันกลั่นที่มีความร้อนกว่า 200 องศาเซลเซียส จึงรองรับไม่ไหวทำให้ฝาถังเกิดการระเบิด แล้วแรงระเบิดทำให้ผู้คุมงานทั้ง 2 คนกระเด็นตกกระแทกพื้นก่อนที่จะถูกไฟคลอกตายในกองเพลิง
    เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญเจ้าของโรงงานไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.ย่อยบางน้ำจืด จากนั้นจะได้ประสานกับเจ้าหน้าที่วิทยาการ กองพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ส่วนมูลค่าความเสียหายคาดว่าไม่เกิน 10 ล้านบาท.