นายกฯ บอกดูอยู่ ม็อบเตรียมกลับมา 14 ต.ค. ย้ำยอมเปิดพื้นที่แต่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ข้องใจคนที่ไม่เคารพกฎหมาย วันหน้าถ้าดำเนินการสำเร็จจะบริหารประเทศได้อย่างไร ความขัดแย้งจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ท้ายสุดประเทศชาติอยู่ไม่ได้ เตือนกลุ่มต้านขนม็อบชนสุ่มเสี่ยงเข้าทาง วงเสวนาอัด "บิ๊กตู่" เจตจำนงอ่อนแอยื้อเวลาปฏิรูปตำรวจ ยังหวังจะมีปฏิรูปชาตินี้
ความเคลื่อนไหวเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังที่ประชุมร่วมรัฐสภามีการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช... ก่อนรับหลักการจำนวน 6 ฉบับของรัฐสภา ที่จะมีการประชุม กมธ.นัดแรกวันพุธที่ 30 ก.ย.นี้
เมื่อวันที่ 28 ก.ย. นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีที่ญัตติการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญที่บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาและยังไม่มีการลงมติทั้ง 6 ญัตติ ยังไม่ถือว่าถูกตีตกไป โดยเรื่องนี้ยังไม่จบเพราะยังไม่มีการลงมติ ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ตั้งขึ้น ก็จะมีหน้าที่ในการพิจารณาศึกษาทั้ง 6 ญัตติ ขอยืนยันว่าญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่ถูกตีตก ส่วนญัตติใดที่ไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาในสมัยประชุมนี้ สามารถเสนอได้ในสมัยประชุมหน้าหากประธานสภาวินิจฉัยและอนุญาต ส่วนกรณีการตรวจสอบรายชื่อประชาชนที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนของกลุ่มไอลอว์ หากมีการเลื่อนวาระการพิจารณาญัตติใดของสภาผู้แทนราษฎรก็สามารถนำขึ้นมาตรวจสอบก่อนได้ หากเรื่องที่เสนอนั้นเกี่ยวข้องกับญัตติที่บรรจุในที่ประชุมแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องเรียงตามลำดับก่อนหลัง
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการนัดชุมนุมของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค.ว่า "จะดูเหมือนเดิม"
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมีเป้าหมายที่ชัดเจน นายกฯ จะยอมเปิดให้มีพื้นที่การเคลื่อนไหวหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "เรื่องนี้คงไม่ยอม กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย เราไม่ยอมเขาก็ไม่ยอม เราห้ามเขาก็ฝ่าฝืน บังคับใช้กฎหมายเขาก็หาว่าไปกดดัน ทั้งๆ ที่อยากให้คนทั้งประเทศช่วยกันพิจารณาให้ถ่องแท้ว่าวัตถุประสงค์นั้นคืออะไร แล้วเราจะช่วยกันได้อย่างไร เข้าใจหรือไม่ ถ้าโยนภาระมาให้เจ้าหน้าที่และรัฐบาลทั้งหมด แล้วถ้าผมสั่งให้มันเต็มที่ไปเลยจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่
ต้องไปดูว่าคนที่เขาไม่ยอมเคารพกฎหมายอะไรเลย ขอถามว่าวันหน้าถ้าคนเหล่านี้ดำเนินการได้สำเร็จ แล้วเขาจะบริหารประเทศได้อย่างไร ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน ความขัดแย้งจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ท้ายสุดประเทศชาติอยู่ไม่ได้" นายกฯ ระบุ
ไม่ให้มีการเผชิญหน้า
เมื่อถามว่า สมมติว่าในอนาคตหากคนรักสถาบันลุกฮือขึ้นมาปะทะกับกลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสถาบัน มันจะวุ่นวายกว่าหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "เราก็ระมัดระวังไม่ให้เกิดการปะทะ สื่อก็ต้องช่วยลดแรงกระทบตรงนี้ เขาก็ทำไม่ได้ และวันนี้รัฐบาลทำอย่างเต็มที่ในการเปิดพื้นที่ให้ คำว่าเปิดพื้นที่แต่ต้องเคารพกฎหมาย เข้าใจหรือไม่ วันนี้อาจจะดูว่าเราอ่อนไปหรือเปล่า ต้องดูว่าเงื่อนไขเขาคืออะไร เขาต้องการให้เกิดผลกระทบตรงนี้ขึ้นมา เราจะไปเข้าทางเขาทำไม เราต้องป้องกันทั้งสองฝ่ายไม่ให้มีการเผชิญหน้ากัน เข้าใจหรือไม่ คนรักสถาบันและประเทศชาติมีตั้งหลายสิบล้านคน เข้าใจหรือไม่ ทุกจังหวัดมีหมดอยู่แล้ว ฉะนั้นขอให้ช่วยกันลดกระแสความกดดันตรงนี้ไป อะไรที่ไม่ดีอย่าไปขยายความให้กับเขา ทุกคนรู้ว่าอะไรดีไม่ดีไม่ใช่หรือ การแสดงออกที่ผ่านมามันเป็นอย่างไร ใช่หรือไม่ ดังนั้นอย่าเอามาพันกันทั้งหมด กลายเป็นว่ารัฐบาลอ่อนแอ ไม่เข้มแข็ง เจ้าหน้าที่ไม่ทำงาน มันทำอยู่แล้ว มีระยะเวลาในการทำงานอยู่ ให้เวลาเขาทำงานหน่อย"
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า "ขอให้ทุกคนช่วยกัน บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงวิกฤตการณ์ของโควิด-19 อะไรต่างๆ ที่ไม่ใช่ปัญหา และที่ร้อนฉ่าทุกวันๆ ก็ค่อยๆ แก้กันไปทำกันไป คิดว่าไปได้หมดถ้าทุกคนหันมาพูดจาคุยกันภาษาดอกไม้กันบ้าง การใช้ภาษาไม่ไพเราะบางทีความร่วมมือก็เกิดน้อย คนไทยละเอียดอ่อนตรงนี้ ใช้คำพูดให้เหมาะสมก็แล้วกัน อย่าไปขยายความคำพูดที่ไม่ถูกต้อง หยาบคาย ไม่มีใครรับได้หรอก"
วันเดียวกัน ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) ร่วมกับคณะกรรมการณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และเครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ จัดงานเสวนา "ยื้อแก้รัฐธรรมนูญ-ยื้อปฏิรูป ตร. คนไทยยังรอไหวหรือไม่"
งานสัมมนาดังกล่าวมีนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภาและอดีตคณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. ... และร่าง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. .... ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน, นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และนักวิชาการจากนิด้า, ดร.นิดาวรรณ เพราะสุนทร ผู้อำนวยการหลักสูตรนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และพ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมร่วมเสวนา
นายคำนูณกล่าวว่า สำหรับข้อกล่าวหา ส.ว.ยื้อการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ส่วนตัวโหวตงดออกเสียงในการตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาก่อนรับหลักการในวาระ 1 แต่การตั้งคณะกรรมาธิการก่อนรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมีการเสนอกฎหมายเข้าสภาถึง 6 ร่าง จึงจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษารายละเอียดก่อน และหากโหวตไปในวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา เชื่อว่ามีแนวโน้มสูงที่ทั้ง 6 ร่างจะตก เพราะ ส.ว.ส่วนใหญ่ต่างอภิปรายไม่เห็นด้วยกับร่างแก้ไข ทั้งหลักการและเห็นว่าขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม หลังการศึกษาในกรรมาธิการเป็นเวลาครบ 1 เดือนแล้ว หากไม่มีการลงมติในร่างแก้ไขทั้ง 6 ฉบับ เชื่อว่าผู้เสนอจะต้องถอนร่างออกจากสภา โดยทุกฝ่ายเห็นร่วมกันในการเสนอร่างฉบับใหม่เข้าไปแทน
ตร.แปลงสารร่าง พรบ.ตำรวจ
นายคำนูณกล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับนายมีชัยไม่ถือว่าเป็นร่างที่ดีที่สุด แต่ถือว่าตอบโจทย์ในระดับหนึ่ง โดยมีการกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่สอดคล้องกับการปฏิรูป ไม่ว่าจะเป็นหลักเกณฑ์การแต่งตั้งที่ต้องพิจารณาใน 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.อาวุโสร้อยละ 45 2.ความรู้ความสามารถร้อยละ 25 และ 3.ประเมินจากคะแนนที่ได้จากประชาชนร้อยละ 30 เรื่องสําคัญคือการแยกงานสอบสวนให้มีสายการบังคับบัญชาและการสั่งคดีต่างหาก ป้องกันการแทรกแซงจากผู้บังคับบัญชา ก็ถูกตัดออกไป พร้อมกับระบบประเมินผลการปฏิบัติงานของตํารวจแต่ละคนโดยภาคประชาชน ในช่วงเริ่มต้นรัฐธรรมนูญกำหนดว่า หากคณะกรรมการปฏิรูปยังทำงานไม่แล้วเสร็จ ให้การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจเป็นไปตามหลักอาวุโส แต่ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ออกคำสั่งสำนักนายกฯ ให้การแต่งตั้งไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ต่อมาตำรวจส่วนหนึ่งจึงไปร้องต่อศาลปกครอง และไม่นานนัก พล.อ.ประยุทธ์จึงออกคำสั่งมาตรา 44 รับรองคำสั่งดังกล่าวว่าชอบด้วยกฎหมาย
"ต้นปี 2562 ร่างฉบับนายมีชัยกลับมาสู่สำนักเลขาฯ ครม.โดยที่ สตช.ไม่เห็นด้วย ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ตั้งรัฐบาลใหม่และกำกับดูแล สตช.เอง พร้อมตั้งนายมีชัยขึ้นมาพิจารณากฎหมายอีกครั้ง จากนั้นวันที่ 15 มิ.ย.63 สตช.ทำหนังสือถึงร่างฉบับนายมีชัย ตั้งข้อสังเกตไม่เห็นด้วย 14 ประเด็นหลัก 100 ประเด็นย่อย ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์จึงให้ สตช.นำร่างดังกล่าวไปปรับปรุง ก่อนที่ ครม.จะเห็นชอบในวันที่ 15 ก.ย.63 โดยตัดหัวใจสำคัญของการปฏิรูป 2 ประเด็นไป ทั้งการประเมินจากประชาชนและการทำงานของพนักงานสอบสวน จึงไม่ตรงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 258 ง (4) เกี่ยวกับการแต่งตั้ง และมาตรา 260 ที่ตำรวจไม่น่าจะมีอำนาจเสนอกฎหมายนี้เอง ร่างฉบับดังกล่าวจึงเป็นการแปลงสาร ทั้งนี้เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ผมก็จะเสนอแปรญัตติให้กลับไปเป็นร่างของนายมีชัย ถ้าสามารถทำได้" นายคำนูณกล่าว
ด้านนายพิชายกล่าวว่า ถ้าถามว่าใครยื้อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องบอกว่าพรรคพลังประชารัฐ โดยมีการวางแผนมาก่อน เพราะเห็นว่า ส.ว.จะไม่ให้ร่างกฎหมายผ่านรัฐสภา นอกจากนี้พรรค พปชร.อาจไม่อยากให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและตั้ง ส.ส.ร.เพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จึงพยายามหาวิธีการเลื่อนออกไป และหากโหวตเพื่อรับหลักการในวันที่ 24 ก.ย.ก็จะเกิดกรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตกไปด้วยเสียงข้างน้อย ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวนอกสภาอันมีชนวนจาก ส.ว.เป็นผู้ขัดขวาง
"เห็นว่าการตั้งกรรมาธิการเพื่อศึกษาในเวลา 1 เดือนนั้น ยังเป็นการซื้อเวลาเพื่อกล่อมพรรคร่วม ให้เห็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยอาจมีการเสนอร่างแก้ไขฉบับใหม่เข้าสภา ส่วน พล.อ.ประยุทธ์แม้จะไม่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้แสดงออกว่าอยากให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านสภา นั่นเท่ากับว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผลจากการเลื่อนโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดความแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาลพอสมควร และยังผลักปัญหาออกนอกสภา ถือเป็นการตัดโอกาสการแก้ไขปัญหาในระบบ ทำให้คนไม่ไว้วางใจระบบรัฐสภาอย่างรุนแรง จึงขอให้การยื้อครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย" ประธาน ครป.ระบุ
'ประยุทธ์' ไม่จริงใจปฏิรูป
นายพิชายกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการปฏิรูปตำรวจ พล.อ.ประยุทธ์ยื้อเวลาด้วยหรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์มีเจตจำนงที่อ่อนแอในการปฏิรูปตำรวจ แม้มีการตั้งคณะกรรมการแล้วก็ไม่ได้ลงไปกำกับผลักดัน เป็นเพียงการทำตามกระแสข้อเรียกร้องของสังคม และ พล.อ.ประยุทธ์อาจมองว่าหากเปลี่ยนแปลง เช่นปรับระบบโยกย้ายใหม่ ก็จะกระทบนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาที่กำลังจะได้รับตำแหน่ง ทำให้การแต่งตั้งตำรวจเป็นไปแบบเดียวกับทหาร ทั้งที่อำนาจหน้าที่และพื้นฐานต่างกันมาก
ขณะที่ ดร.นิดาวรรณกล่าวว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีล่าสุด ไม่ถือเป็นการปฏิรูป เป็นเพียงการปรับปรุงแก้ไขเท่านั้น ทั้งนี้อำนาจของการสอบสวนที่เป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการยุติธรรมแทบจะไม่ถูกปรับปรุงแก้ไขเลย ในช่วงยุครัฐบาล คสช.อำนาจในการสอบสวนเป็นปัญหามาก โดยมีการออกคำสั่ง คสช. 7/59 ปรับกระบวนการพนักงานสอบสวน มีการข้ามสายงานจากปราบปรามมาเป็นพนักงานสอบสวน เป็นยุคที่มีพนักงานสอบสวนฆ่าตัวตายจำนวนมาก เชื่อว่าการปฏิรูปตำรวจจะไม่เกิดขึ้นในยุคนี้อย่างแน่นอน แต่หวังว่าจะได้มีการปฏิรูปตำรวจกันในชาตินี้ การปฏิรูปตำรวจควรเน้นไปที่การลดดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ โดยมีระบบที่สามารถตรวจสอบได้ พนักงานสอบสวนต้องมีอิสระ
ส่วน พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ตํารวจ ฉบับที่ สตช.เสนอต่อนายกฯ ไม่สอดคล้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 260 ซึ่งกําหนดให้การปฏิรูปต้องดําเนินการโดยคณะกรรมการที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งตามองค์ประกอบของบุคคลที่กําหนด โดยจํากัดสัดส่วนผู้เป็นตํารวจไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ตํารวจผู้ใหญ่ทั้งในปัจจุบันและอดีตมีบทบาทครอบงําทิศทางปฏิรูปเช่นที่ผ่านมา จึงถือว่าการที่ ครม.ได้มีมติเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ตำรวจฉบับนายมีชัยยังถูกตัดออกไป เช่น การกําหนดให้ตํารวจบางประเภทไม่มียศเพื่อลดความเป็นศักดินาของตํารวจ, การแยกสายงานสอบสวนออกจากหัวหน้าสถานีตำรวจ และหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายที่ชัดเจนโดยให้ยึดหลักอาวุโส เป็นต้น
"งานสอบสวนปัจจุบันขาดการตรวจสอบจากภายนอกโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นโดยฝ่ายปกครอง, ผวจ.และนายอำเภอ หรือแม้กระทั่งพนักงานอัยการตามหลักสากล ประชาชนไม่สามารถทำอะไรได้เลย หากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการสอบสวนหรือคดีไม่คืบหน้า อย่างไรก็ตาม คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ที่เป็นการร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะซ่องโจร ซึ่งการดำเนินคดีตามกฎหมายก็เป็นไปอย่างล่าช้า แต่ก็ทำให้การปฏิรูปตำรวจกลับมาอยู่ในความสนใจของประชาชนอีกครั้ง" พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าว
พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าวอีกว่า ไม่แน่ใจว่า พล.อ.ประยุทธ์จริงใจในการปฏิรูปตำรวจหรือไม่ แนวทางการปฏิรูปที่ถูกต้องทำให้ตำรวจอยู่ภายใต้การตรวจสอบควบคุมของผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นหัวหน้าสูงสุดของจังหวัด ซึ่งผู้ว่าฯ จะทราบดีว่าปัญหาในแต่ละจังหวัดเป็นอย่างไร แต่ปัจจุบัน ผบก.ตำรวจจังหวัด ส่วนใหญ่ไม่เข้าประชุมกับจังหวัดที่ผู้ว่าฯ เป็นประธานด้วยซ้ำ และ ผกก.สถานีก็ไม่เข้าร่วมประชุมกับนายอำเภอ เพราะกลัวถูกหัวหน้าส่วนราชการที่ร่วมประชุมซักถามปัญหาต่างๆ ที่ตอบไม่ได้หรือไม่อยากตอบ จึงไม่ยอมรับรู้อะไรทั้งสิ้น แล้วบ้านเมืองเราจะอยู่กันอย่างไร.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |