หญิงอ้อคุมโปลิตบูโร นั่งหัวโต๊ะสัปดาห์ละครั้งเปลี่ยนโลโก้ใหม่ดึงไผ่แยกกอกลับถิ่น


เพิ่มเพื่อน    

  “ประยุทธ์-ประวิตร” ปัดทิ้งข่าวรัฐบาลแห่งชาติ ชี้เป็นเรื่องปกติพรรคการเมืองปรับโครงสร้าง “ชูศักดิ์” นั่งหัวโต๊ะเคาะ 1 ต.ค.ประชุมใหญ่สรรหาคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่  เปลี่ยนโลโก้ให้มีหลายหัว ปฏิเสธ “รบ.แห่งชาติ” อ้างต้องมีดีเอ็นเอตรงกัน สะพัด “หญิงอ้อ” นั่งหัวโต๊ะคณะโปลิตบูโร พร้อมดึงไผ่แยกกอกลับถิ่นทั้ง “ไทยรักษาชาติ-เสื้อแดง” ชัดเจน “สมพงษ์” นั่งหัวหน้า  “ประเสริฐ” เลขาธิการ ส่วนทีมโฆษกเป็นหญิงล้วน    

    เมื่อวันจันทร์ที่ 28 กันยายน ยังคงมีกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคเพื่อไทย (พท.) เพื่อมาร่วมงานกับรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า "ไปเขียนกันเอาเองมั้ง ยังไม่เห็นเขาทำอะไรเลย เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องของพรรคการเมือง นึกอยู่แล้วว่าสื่อมวลชนจะต้องมาถาม สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่มีการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหาร ถือเป็นเรื่องปกติ ยืนยันไม่เคยคุยเรื่องเหล่านี้กับใครทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอย่าไปตั้งประเด็นขึ้นมา
    บางครั้งผมเองก็อึดอัดใจเหมือนกัน บางทีไปตั้งโน่นตั้งนี่เขียนกันออกมา แต่มันไม่ใช่ผมนี่นา ถ้าผมพูดอะไรก็เป็นไปตามที่ผมพูด นี่แหละ เพราะผมคือผม เพราะฉะนั้นการจะปรับปรุงพัฒนา ถ้าเป็นไปในทางที่ดีกับประเทศชาติก็ทำไปเถอะ ผมไม่ได้ว่าอะไรท่าน ส่วนไอ้การจะร่วมหรือไม่ร่วม เป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากันวันข้างหน้า เพราะวันนี้ก็ยังเป็นรัฐบาลนี้อยู่เลย มันก็เป็นพรรคการเมืองกันอยู่แบบนี้นั่นแหละ จะเปลี่ยน กก.บห.ก็เป็นเรื่องของ กก.บห. ซึ่งทุกพรรคก็ปรับมาโดยตลอด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    เมื่อถามถึงกรณีมีข่าวลือว่าถอดใจและเตรียมลาออกจากเก้าอี้นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ใจไม่เคยถอดอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องของประเทศชาติไม่มีถอด ถ้าเพื่อประเทศชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประชาชน นายกฯ ไม่เคยถอดใจในเรื่องเหล่านี้ เพราะต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข และมีการพัฒนาไปตามขั้นตอน ตามกฎหมายที่มีอยู่ เพราะฉะนั้นขอยืนยันว่าไม่มีถอดใจอยู่แล้ว"
    เมื่อถามว่าทำไมถึงมีข่าวลือในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “จะรู้หรือไม่ล่ะ ก็มันเป็นข่าวลือ และข่าวลือจะรู้ถึงที่มาหรือไม่ แต่ยืนยันว่าไม่มี”
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวเพียงสั้นๆ ถึงกรณีกระแสพรรค พท.จะมาร่วมทำงานการเมืองกับรัฐบาลโดยตั้งเป็นรัฐบาลแห่งชาติ ด้วยเสียงสูงและเข้มว่า "ไม่มี้" พร้อมโบกมือปฏิเสธ
    ต่อมา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่าอยากรู้ให้ไปถามพรรค พท. ส่วนกระแสข่าวพรรค พท.จะมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้นก็ไม่รู้ ไปถามเขาดู ไม่มี เมื่อถามย้ำว่า?มีความเป็นไปได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ผมจะไปรู้ได้อย่างไร ผมไม่รู้เรื่อง”
     นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวในทำนองเดียวกันถึงการร่วมงานของพรรค พท.กับ พปชร.ว่า ไม่ได้มีการพูดคุยและไม่ได้มีกระแสในเรื่องนี้ น่าจะเป็นประเด็นข่าวในเชิงลักษณะการวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ทางการเมือง
    เมื่อถามว่าพรรค พท.ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง จะทำให้เกิดการประนีประนอมมากขึ้นและส่งผลดีต่อรัฐบาลหรือไม่ นายอนุชากล่าวว่าเป็นผลดีกับประเทศ อะไรๆ ที่ประนีประนอมได้ประเทศชาติก็เดินหน้า  อะไรที่เกิดการประนีประนอม เชื่อว่าสังคมเราขณะนี้ต้องการประนีประนอมในการให้การทำงานหลายภาคส่วนเดินไปสู่มิติที่ดี
    เมื่อถามต่อว่าอนาคตรัฐบาลแห่งชาติมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า "ยังไม่มี เป็นการวิเคราะห์กันไป ยังไม่มีอะไรที่เป็นแก่นสารของเรื่องพวกนี้"
    เมื่อถามอีกว่ามีกระแสข่าวคนของพรรค พท.จะมาร่วมงานกับรัฐบาล ถึงขั้นปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี นายอนุชากล่าวว่ายังเป็นข่าวลือ พรรค พปชร.เน้นทำงานเป็นหลัก ไม่พูดอะไรมากมาย คิดว่าเป็นไปตามบริบทของการเมือง และทำงานในฐานะพรรคแกนนำ และนำเสนอนโยบายที่พรรคคิดให้รัฐบาลเพื่อนำไปปฏิบัติ
     ขณะที่นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าว 2 ป.มอบหมายให้ตั้งพรรคการเมืองสำรองว่า ยังเป็นข้าราชการอยู่ ไม่สามารถไปทำอะไรแบบนั้นได้ และไม่เคยมีใครมาพูด มาชักชวนแต่อย่างใด หน้าที่ตอนนี้คือช่วยเหลือประชาชน ดูแลประชาชนในขอบข่ายงานของกระทรวงมหาดไทย ไม่มีทำเกินหน้าที่     
    “ผมรับราชการมา 36 ปี รู้ดีว่าการเป็นข้าราชการควรจะทำอะไร การครองตน ครองคน ครองงาน รู้ว่าอะไรควรไม่ควร เพราะฉะนั้นไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้นกับพรรคการเมือง ตอนนี้มีแต่คำสั่งให้ดูแลพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน ผมเป็นข้าราชการอาชีพ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร ตั้งแต่เป็นปลัดอำเภอกระทั่งมาเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย จะทำวันนี้ในหน้าที่ให้ดีที่สุด” นายฉัตรชัยกล่าว  
ปัดข่าวรัฐบาลแห่งชาติ
      วันเดียวกันที่พรรค พท.มีการประชุมคณะ กก.บห.รักษาการที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค พท.ปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทนหัวหน้าพรรคเป็นประธานการประชุม โดยนายชูศักดิ์ตอบคำถามก่อนการประชุมถึงการเปลี่ยนแปลงของพรรคเหมือนเป็นการล้างบางทุกอย่างภายในพรรคว่า อย่าใช้คำว่าล้างบาง เป็นเรื่องการผนึกกำลังทุกภาคส่วนเข้ามาเพื่อให้ทันเหตุการณ์ และทุกคนก็ร่วมมือพร้อมเปลี่ยนแปลงให้พรรคดีขึ้น อย่าไปคิดว่าล้างใคร ล้างไพ่ ไม่ใช่
    เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนขั้วทางการเมืองหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ไม่น่าไปถึงขนาดนั้น รวมถึงเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ไม่น่าไปไกลถึงขนาดนั้น คงเป็นการวิเคราะห์คาดเดาไปต่างๆ นานา ว่าจะไปร่วมกับพรรคนั้นพรรคนี้ แต่ว่าโดยส่วนตัวไม่น่าไปถึงขนาดนั้น  และระยะหลังเราฮิตคำว่าดีเอ็นเอ ก็ต้องดูดีเอ็นเอกันด้วยพอสมควรในเรื่องนี้
“ยืนยันว่ายังไม่มี และไม่ถึงขนาดจะปรับเปลี่ยนไปจับมือจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติตามที่เป็นข่าว”    
    ต่อมานายชูศักดิ์แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติให้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญในวันที่ 1  ต.ค. เวลา 10.00 น. ที่ทำการพรรค เพื่อเลือกตั้ง กก.บห.ชุดใหม่ และวาระการแก้ไขข้อบังคับพรรคแก้ไขโลโก้ของพรรค จากเดิมที่มีอยู่เป็นโลโก้ใหม่ให้ตัวอักษร พ และ ท มีหัว และมีชื่อพรรคกำกับอยู่บนโลโก้ ส่วนความหมายของโลโก้นั้นคือ ให้มันมีหัว เพราะทุกทีมันมีเหลี่ยมก็ให้มันมีหัว การมีหัวแล้วดีกว่าไม่มีหัว ยิ่งมีหลายหัวด้วยก็ดี ส่วนจำนวน กก.บห.ชุดใหม่ขึ้นอยู่กับที่ประชุมใหญ่ ส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์จะยังต้องมีอยู่หรือไม่ก็เป็นนโยบายที่ กก.บห.ชุดใหม่ต้องไปพูดกัน
         เมื่อถามถึงโครงสร้างพรรค ที่ว่าจะปรับเอาคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ผสมผสานกันจะปรับอย่างไร นายชูศักดิ์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลง กก.บห.ชุดใหม่เป็นเรื่องปกติธรรมดาของพรรคการเมือง ทุกคนก็ให้ความร่วมมือต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่มีใครยึดติด อนาคตตั้งแต่นี้ไปพรรคการเมืองทั้งหลายต้องปรับตัวมาก พรรค พท.ก็ต้องเปลี่ยนแปลงต่อไปในอนาคต และพยายามดึงองคาพยพทั้งหลายของพรรคมาร่วมมือกัน และคงเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ๆ เข้ามาช่วยงานพรรคด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็สุดแต่ที่ประชุมใหญ่ และผู้บริหารพรรคชุดใหม่
    เมื่อถามว่า การปรับโครงสร้างของพรรคครั้งนี้มีกระแสข่าวเรื่องการเข้าร่วมเป็นรัฐบาลแห่งชาติ  นายชูศักดิ์กล่าวว่า ตนเป็นเพียงรักษาการหัวหน้าพรรค พูดอะไรเต็มปากเต็มคำก็ลำบาก แต่ไม่น่าเป็นไปได้ และที่การเปลี่ยนแปลงมาเกิดขึ้นในช่วงนี้ เท่าที่รับรู้รับทราบความพยายามปรับโครงสร้างพรรคมีมานานพอสมควร ช่วงนี้เป็นช่วงที่ปิดสมัยประชุมสภา หัวหน้าพรรคจึงตัดสินใจลาออกเพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างช่วงนี้ จะได้ไม่กระทบต่อตำแหน่ง เรื่องรัฐบาลแห่งชาติหรือร่วมกับพรรคนั้นพรรคนี้ ไม่น่าเป็นไปได้และเชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้น
         ถามถึงกระแสข่าวคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ภริยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเข้ามามีบทบาทบริหารพรรค นายชูศักดิ์กล่าวว่า "ท่านเป็นผู้ใหญ่ของพรรค แต่ยังไม่เห็นสัญญาณใดๆ ที่จะมานำพรรคขณะนี้ แม้ท่านมีข้อแนะนำหรือข้อเสนอแนะต่างๆ แต่ที่จะมาบริหารยังไกลกว่าเหตุ ยังไม่มีกรณีเหล่านั้น ยังเป็นเรื่องที่คาดเดากันไป"
    ถามย้ำว่า มีกระแสข่าวเรื่องตระกูลชินวัตรจะเข้ามาเพื่อความเป็นเอกภาพ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ธรรมชาติของนักวิเคราะห์ก็รวมอันนั้นรวมอันนี้ รวมสายนั้นสายนี้ ถ้าอ่านมากก็ปวดหัว วิเคราะห์กันไปได้ถึงขั้นนั้น เราเป็นพรรคการเมืองที่บริหารกันมาช้านาน บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถก็มาก ภาพที่ออกไปว่าจะไม่มีเอกภาพหรือมีความขัดแย้ง เป็นเพียงภาพที่เห็น แต่ไม่ใช่ภาพสะท้อนว่าพรรคนี้ไปไม่รอดหรือไปไม่ได้
ผุดโปลิตบูโร
     นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรค พท.กล่าวถึงกระแสสนับสนุนให้เป็น เลขาธิการพรรคคนใหม่ ว่าเป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น ยังไม่ได้รับการทาบทาม และขอให้รอความชัดเจนในวันประชุมใหญ่วิสามัญ โดยหากที่ประชุมใหญ่มีมติเลือกเป็นเลขาธิการพรรคก็พร้อมทำหน้าที่
“ผมพร้อม เพราะตำแหน่งเลขาธิการพรรคต้องทำหลายหน้าที่อยู่แล้ว และผมก็เคยเป็นอดีตรัฐมนตรี แต่ขอให้รอดูความชัดเจนก่อน เพราะขณะนี้ยังเป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น”
    รายงานข่าวจากพรรค พท.แจ้งว่า การประชุมใหญ่วิสามัญพรรคในวันที่ 1 ต.ค.เพื่อเลือก กก.บห.ชุดใหม่นั้น มีแนวโน้มสูงที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคและดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาเหมือนเดิม ขณะที่ตำแหน่งเลขาธิการพรรคจะเป็นนายประเสริฐ เนื่องจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคมาจากภาคเหนือแล้ว เลขาธิการพรรคจึงเป็นสัดส่วนของภาคอีสาน อีกทั้งนายประเสริฐมีภาพความประนีประนอม ขณะที่ กก.บห.จะกระจายไปตามสัดส่วนตัวแทนของแต่ละภาค ส่วนโฆษกพรรคเบื้องต้นมีชื่อของ น.ส.อรุณี กาสยานนท์ อดีตรองโฆษกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ในส่วนรองโฆษกพรรคมีชื่อ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และ น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น เป็นแคนดิเดต
     รายงานข่าวแจ้งอีกว่า กก.บห.ชุดใหม่ยังมีข้อเสนอให้เพิ่มสัดส่วนของคนรุ่นใหม่ใน กก.บห. โดยอาจชักชวนทายาทของแกนนำพรรคให้มาเป็น กก.บห. และเบื้องต้นมีการนัดหมายประชุมคณะบุคคลที่กำหนดดูแลนโยบายแบบมีอำนาจเต็ม หรือโปลิตบูโรสัปดาห์ละครั้ง โดยมีคุณหญิงพจมานนั่งหัวโต๊ะด้วย สำหรับโครงสร้างแกนนำพรรคชุดใหม่เบื้องต้นที่วางกันไว้คร่าวๆ นั้น อาทิ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นทีมวางแผน นายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นฝ่ายประสาน ส.ส.และงานสภา นายชูศักดิ์ดูงานฝ่ายกฎหมาย และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ ดูงานด้านเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังพยายามดึงกลุ่มต่างๆ อาทิ อดีตพรรค ทษช., แนวร่วมคนเสื้อแดงมาช่วยงาน รวมถึงคุณหญิงสุดารัตน์  เกยุราพันธุ์ด้วย แต่มีแนวโน้มสูงที่จะตอบปฏิเสธ แต่จะมีทีมงานคุณหญิงสุดารัตน์ไปเป็น กก.บห.บางส่วน ขณะที่แกนนำบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางปรับโครงสร้างและรูปแบบการทำงานใหม่จะค่อยๆ  ถอยห่างออกไป.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"