27 ก.ย.63-นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า ผิดหวังกับการทำหน้าที่ของระบบรัฐสภาไทยที่ไม่สามารถหาทางออกให้ชาติบ้านเมืองได้ ผ่านการโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย การเตะถ่วงเวลาออกไปอีก 1 เดือนเพื่อตั้งกรรมาธิการศึกษาเป็นการหลอกลวงประชาชน เพราะรัฐบาลเคยตั้งกรรมาธิการศึกษามาแล้ว โดยมีนายพีระพันธ์ เป็นประธาน และผิดธรรมเนียมปฏิบัติของสภาที่ควรต้องรับหลักการในวาระที่ 1 ไปก่อน การอ้าง ส.ว.ไม่เห็นด้วยจึงเป็นการซื้อเวลาของรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ และหลอกลวงพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง
"เกรงว่าเดือนตุลาคมนี้จะนำไปสู่การลุกฮือครั้งใหญ่ของประชาชนที่ทนไม่ไหว กับการกระทำของรัฐบาลที่ไร้ความจริงใจ แม้แต่ญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลเองยังถูกแช่แข็ง และวุฒิสภายังไม่ทราบว่าตนเองเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้ง แต่หลงในอำนาจวาสนาที่ได้มาโดยมิชอบจนยึดติด โดยไม่กลัวลูกหลานสาปแช่งประณามในอนาคตบ้างเลย ทางออกจากความขัดแย้งทางการเมือง พรรคพลังประชารัฐจะต้องไม่ยื้อเวลาแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ ส.ว. ต้องพิจารณาตัวเอง เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองเลยนอกจากโหวตรับใช้ผู้มีอำนาจจนกลายเป็นเผด็จการรัฐสภา"
เลขาฯครป.กล่าวว่า อยากเรียกร้ององคาพยพที่สนับสนุนรัฐบาลอยู่รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาล ได้ถอยห่างออกจากนาวาที่กำลังจม ได้เวลาสละเรือแล้ว มาร่วมกันแก้สร้างประชาธิปไตยทางการเมืองและเศรษฐกิจร่วมกันใหม่ ซึ่งกำลังจะล่มสลายเช่นกันจากการผูกขาดของกลุ่มทุนประชารัฐที่แอบอิงอำนาจฉวยโอกาสตักตวงผลประโยชน์จากโครงสร้างความเหลื่อมล้ำ จนประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่เหลื่อมล้ำอันดับหนึ่งของโลก
"โดย ครป.จะจัดเวทีอภิปรายสาธารณะเรื่องหยุดเศรษฐกิจผูกขาดและอำนาจเหนือตลาดในธุรกิจการค้าไทย ในวันพรุ่งนี้ภาคบ่ายร่วมกับสถาบันอิศรา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เพื่อสร้างเครือข่ายประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ หยุดทุนธุรกิจผูกขาดและอำนาจเหนือตลาดในกลไกการค้า ร่วมกันตั้งคำถามกับทุนนิยมประชารัฐ และเศรษฐกิจผูกขาดของกลุ่มทุนใหญ่ที่ผูกขาดเศรษฐกิจการเมืองไทยในปัจจุบัน และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของรัฐบาล แอบอิงอำนาจจนประเทศชาติเสียหายย่อยยับ"
นอกจากนี้ การทำธุรกิจแบบผูกขาดนั้นยังขัดทั้งรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้รัฐพึงจัดระบบเศรษฐกิจให้ประชาชนมีโอกาสได้รับประโยชน์จากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไปพร้อมกันอย่างทั่วถึง เป็นธรรม และยั่งยืน ขจัดการผูกขาดทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม และพัฒนาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประชาชนและประเทศ รวมถึงพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ที่ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจมีอํานาจเหนือตลาด และกําหนดเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรมให้ผู้ประกอบธุรกิจอื่น หรือกีดกันการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นอย่างไม่เป็นธรรม
"แม้มีกฎหมายห้ามไว้ แต่นโยบายรัฐบาลไทยกลับสวนทางและถูกอุ้มชูโดยกลุ่มทุนผูกขาดที่ได้รับประโยชน์จากอำนาจ ผ่านโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ แผนงาน EEC และการสนับสนุนเป็นพิเศษจาก BOI ที่ตามใจผู้มีอำนาจทุกทาง และนี่คือปัญหานานัปประการในระบบเศรษฐกิจผูกขาดและอำนาจเหนือตลาดในธุรกิจการค้าไทย"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |